Soft Power คือ การขยายอิทธิพล การเปลี่ยนแปลงความคิด การทำให้ผู้คนมีส่วนร่วม หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้อื่น โดยไม่ได้ใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญ ด้วย Hard Power อย่างอำนาจเศรษฐกิจ อำนาจทางการทหาร เพื่อบีบบังคับให้ประเทศต่าง ๆ ต้องยอมปฏิบัติตามสิ่งที่เราต้องการ
นอกจากนี้ศาสตราจารย์โจเซฟ ไนย์ (Joseph S. Nye) อาจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ยังได้อธิบายไว้ว่า “Soft Power” (อำนาจละมุน) หมายถึง ความสามารถในการชักจูงใจ ทำให้ผู้อื่นมีความพึงพอใจหรือเต็มใจเปลี่ยนพฤติกรรม ยอมรับ คล้อยตามสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้อำนาจ โดยกลไกหลักที่สำคัญในการใช้ Soft Power คือ การสร้างความดึงดูดใจต่อผู้อื่น และผลจากการใช้ Soft Power ต้องเกิดจากการดึงดูดใจที่ชักจูงให้คล้อยตามโดยปราศจากการคุกคามหรือการแลกเปลี่ยนสิ่งใด (ที่มา : NLIT หอสมุดรัฐสภา)
ในด้านธุรกิจ Soft Power เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในสังคมได้อย่างแนบเนียน หลายประเทศต่างใช้กลยุทธ์ Soft Power เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีของประเทศ ซึ่งหากผู้ประกอบการธุรกิจ ร้านค้าต่าง ๆ จับกระแส Soft Power ได้ทัน และใช้ให้เป็น จะสามารถกระตุ้นยอดขาย สร้างการจดจำ ขยายฐานลูกค้าได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
1. Absorb พาแบรนด์เข้าไปนั่งในใจของผู้บริโภคอย่างแนบเนียนผ่านการเชื่อมโยงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
2. Extraordinary สร้างสรรค์จุดขายผ่านสื่อและเนื้อหาที่น่าสนใจจนเกิดเป็นภาพลักษณ์ที่กลุ่มเป้าหมายจดจำ
3. Fast ทันทุกกระแส ไม่ตกขบวนเทรนด์ใหม่ ๆ รวมถึงต้องปรับตัวให้เร็วเท่าทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน
4. Consistency สื่อสารแบรนด์อย่างต่อเนื่องทุกช่องทาง เพื่อนำไปสู่การถูกจดจำ
Soft Power เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่เป็นกระแสมาแรงในปัจจุบัน ซึ่งเจ้าของแบรนด์ คนทำงาน และนักการตลาดต่าง ๆ สามารถนำความรู้มาปรับใช้ให้เหมาะกับทุกประเภทธุรกิจได้ แต่ก็ต้องวางกลยุทธ์ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพมาตรฐาน และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหรือบริการเพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดอย่างยั่งยืน เกิดการซื้อซ้ำจากผู้บริโภค
กลยุทธ์ Soft Power ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ ให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องจับกระแสให้ทัน แล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจของตน