ปวดหัวด้านหลัง คือ อาการปวดศีรษะบริเวณด้านหลังตั้งแต่ตรงกลางจนถึงท้ายทอย มักจะมีอาการที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกบีบบริเวณที่รู้สึกปวด บางคนอาจเริ่มปวดจากบริเวณตรงกลางของด้านหลังศีรษะ หรืออาจมีอาการปวดลงมาบริเวณท้ายทอยและกล้ามเนื้อไหล่ร่วมด้วย โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
● เกิดจากความตึงเครียด วิตกกังวล
● การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
● การใช้สายตาที่หนัก
● เป็นโรคข้ออักเสบ
● มีอาการปวดเส้นประสาทท้ายทอย
● การยืนหรือนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสมนาน ๆ
● การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนปริมาณมาก
หากมีอาการตามนี้ร่วมกับการปวดหัวด้านหลัง และทานยาแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีอาการปวดต่อเนื่องนานหลายวัน ควรรีบไปพบแพทย์
● มีอาการปวดหัวจี๊ด ๆ คล้ายกับไฟช็อต
● อาการปวดหัวด้านหลังที่เป็น ๆ หาย ๆ
● มีอาการปวดหัวด้านหลังและเริ่มปวดหัวด้านหน้าร่วมด้วย
● รู้สึกปวดมากในช่วงเช้าหลังตื่นนอน ร่วมกับมีอาการเวียนหัว
● มีอาการปวดศีรษะข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
● มีอาการปวดหัวต่อเนื่องในวันถัดไป
● มีปัญหาการนอนหลับ นอนหลับไม่ได้
● รู้สึกหงุดหงิด ไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ
● ทานยาแก้ปวด เช่น อะเซตามินโนเฟน (Acetaminophen) แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อบรรเทาอาการปวด โดยควรรับประทานทุก 4 - 6 ชั่วโมง หรือตามที่คุณหมอแนะนำ
● ทานยาคลายกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตึงของกล้ามเนื้อจากการนั่งและยืนในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เพื่อช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและนำไปสู่การช่วยบรรเทาอาการปวดหัวด้านหลัง
● การฉีดยาบล็อกเส้นประสาท เหมาะสำหรับผู้ที่ปวดหัวด้านหลังจากอาการปวดเส้นประสาทท้ายทอย จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดบริเวณท้ายทอย และอาจจำเป็นต้องเข้ารับการฉีดซ้ำในบางจุดหากอาการยังไม่ดีขึ้น
● การนวดบำบัด อาจช่วยให้บรรเทาอาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณท้ายทอยและบรรเทาอาการปวดหัวด้านหลังได้ แต่ควรนวดอย่างเบามือ หรือใช้บริการกับผู้เชี่ยวชาญ
แหล่งข้อมูล
- ปวดหัวด้านหลัง สาเหตุ อาการ และการรักษา
- ระวัง! ปวดหัวด้านหลัง เสี่ยงความดันโลหิตสูง