ยุคนี้เทรนด์การลดน้ำหนักกำลังมาแรง และวิธีการที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ก็คือ IF การอดเพื่อให้อิ่มอย่างมีสุขภาพดี มีหุ่นที่เป๊ะปัง แถมการลดน้ำหนัก ยังไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพ แต่เป็นเรื่องของความสวย ความงาม ความหล่อ ความมั่นใจในบุคลิกภาพของตน นำมาสู่การสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง ทำกิจกรรมการงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เพราะการมี performance ที่ดี ทำให้มีชัยไปกว่าครึ่ง ดังนั้นวันนี้ใครที่ยังไม่พอใจในหุ่นและสุขภาพของตัวเอง มาทำความรู้จัก IF กัน ว่าจริง ๆ แล้ว มันคือเรื่องจริงที่เป็นตัวช่วยด้านสุขภาพ หรือเป็นเพียงแค่เทรนด์ที่เข้ามาสร้างกระแสเพียงชั่วคราว
IF ย่อมาจาก Intermittent Fasting ซึ่ง Intermittent แปลว่า การทำอะไรเป็นช่วง ๆ ส่วน Fasting คือ การอดอาหาร เมื่อนำ 2 คำมาขยำรวมกัน เป็น Intermittent Fasting จึงหมายถึง การอดอาหาร แบบจำกัดช่วงเวลาการกินในแต่ละวัน เพื่อเป้าหมายหลักคือ ลดน้ำหนัก และเผาผลาญไขมันส่วนเกิน โดยมีการควบคุมการรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการเข้ามาประกอบด้วย โดยในแต่ละวันจะมีการแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา ได้แก่ Fasting คือ ช่วงการอด และช่วง Feeding คือ ช่วงการกิน
หลักการทำงานของการอดอาหาร แบบ IF จะมีระบบการกำหนดช่วงเวลาในการกินที่เป็นเวลาประจำ และปริมาณอาหารที่ได้รับการควบคุม ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานในรูปแบบที่สามารถคาดคะเนได้ง่ายขึ้น และจุดนี้ล่ะ คือหัวใจของการลดน้ำหนัก เพราะร่างกายจะสามารถปรับตัวไม่ใช้คาร์โบไฮเดรตจากอาหารที่กินเข้าไปเป็นพลังงานหลัก แต่จะไปดึงพลังงานจากไขมันที่สะสมไว้มาใช้แทน
โดยถ้าเทียบกันการกินอาหารแบบปกติ คือกินตลอดทั้งวัน กินจุบจิบ หิวก็กิน ไม่หิวก็ยังหาเรื่องกิน ไม่ใช่เวลากิน ก็ยังดั้นด้นไปหาอะไรกิน การกินแบบไม่ได้มีการกำกับเวลา กินตามใจปากแบบนี้ จะทำให้ได้รับอาหารที่มากเกินไป จนทำให้ร่างกายไม่จำเป็นต้องดึงไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้ คือใช้แค่พลังงงานจากอาหารที่กินเข้าไปไม่มีหยุดก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว ดังนั้นพลังงานที่สะสมตกค้างจนกลายเป็นไขมันก็รวมตัวกันไปสิ สะสมสนิทแบบแน่นกับกล้ามเนื้อในร่างกายเรา อยู่ด้วยกันไป จนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ที่เรียกง่าย ๆ ว่า “อ้วน” นั่นเอง
1. เปลี่ยนแปลงเวลารับประทานอาหารเร็วเกินไป
จากคนที่เคยกินไม่เป็นเวลา หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา (กิน) หรือกินแต่เช้าทุกวันจนชิน พอปรับมาใช้ IF สูตร 18/6 คือ กินได้ 6 ชั่วโมง และงดกินในช่วงเวลา 18 ชั่วโมง ผลคือ ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทัน เครียด กดดัน และรู้สึกทรมานร่างกายจากความหิว ความอยากอาหาร จนอยากเลิกลดน้ำหนัก ดังนั้นในการเลือกสูตร IF ควรค่อย ๆ ปรับร่างกายให้ชินกับเวลาการกินอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วจากนั้นจึงค่อยปรับเป็นเวลาหยุดกินที่นานขึ้นในภายหลัง ไม่ใช่ทั้งเปลี่ยนเวลา ทั้งหยุดกินอาหารพร้อมกัน จนร่างการปั่นป่วนและต่อต้านการลดน้ำหนัก
2. ขาดสารอาหาร เพราะกินอาหารน้อยเกินไป
เมื่อเราทำ IF ร่างกายของเราจะได้รับการจัดโปรแกรมใหม่ ให้จดจำและเข้าใจว่าร่างกายกำลังอยู่ในโหมดการอดอาหาร ทำให้ร่างกายจะเริ่มปรับระบบการเผาผลาญให้ทำงานน้อยลง ดังนั้นเมื่อทำ IF ระหว่างในเวลาที่กินอาหารได้ ควรกินให้อิ่ม ไม่ควรกินน้อยเกินไป และที่สำคัญที่สุด ควรเลือกกินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ไม่ใช่ไปเอร็ดอร่อยกับอาหารที่เป็นเพียงอรรถรสของชีวิต แต่ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ร่างกาย ดังนั้นควรใช้หลักการ “น้อยแต่มาก” คือกินน้อย ทั้งปริมาณ และเวลากินที่มีอยู่น้อย แต่มากไปด้วยคุณค่าสารอาหารและถูกหลักโภชนาการ เช่น กินคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่ควรเป็นคาร์บเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง น้ำตาลทรายแดง เป็นต้น
3. ก็คนมันหิวจัด เลยอัดแป้งจนจุก
การอดหลาย ๆ ชั่วโมง อาจทำให้เราขาดสติได้ พอถึงช่วงที่สามารถกินได้ ก็สวาปามจัดเต็ม เน้น ๆ ข้าว แป้ง น้ำตาลเข้าไปมากเกิน แบบนี้ถือว่าเป็นการทำ IF ที่เสียเปล่า เพราะการทำ IF จุดประสงค์หลัก คือการทำให้อินซูลินในร่างกายลดลง แต่การกินคาร์โบไฮเดรตมาก ๆ จะทำให้อินซูลินสูงขึ้น และเมื่อไหร่ที่อินซูลินสูง ร่างกายก็จะเก็บไขมันมากขึ้น และทำให้อ้วนง่าย และหิวง่าย เอาล่ะสิทีนี้ กลายเป็นการทำงานของร่างกายสวนทางกัน ร่างกายก็งงสิคะ ตกลงจะเอายังไงกันแน่ ตอบฉันที จะลดความอ้วน หรืออยากจะอ้วนขึ้นกันแน่ !
4. อยากลดความอ้วน จนเครียดมากไป
นอกเหนือจากการดูแลสุขภาพกายในการลดน้ำหนักแล้ว สุขภาพใจก็สำคัญไม่แพ้กัน ในช่วงอดอาหาร อาจจะมีอาการหิว หงุดหงิด เหวี่ยง ๆ กันได้บ้าง แต่ก็ขอให้พยายามให้เวลาร่างกายได้ปรับตัว ถ้าร่างกายอนุญาตให้เราลดน้ำหนักแล้ว เขาจะตอบรับและว่านอนสอนง่ายมาก แต่ทั้งนี้การเอาใจร่างกายก็สำคัญและจำเป็น อย่าปล่อยให้เขาเครียดจากความหิว การอด หรือการอยากผอมแบบติดสปีดความเร็วสูงสุด คืออยากให้คิดว่า กว่าเราจะอ้วน ก็ไม่ได้อ้วนได้ด้วยอาหารหรือเครื่องดื่มแค่มื้อสองมื้อ หรือเดือนสองเดือน แต่มันเกิดจากพฤติกรรมที่เราทำสะสม จนร่างกายมันจำยอมว่า เอออยากอ้วนใช่มั้ย ได้ อ้วนก็อ้วน จัดให้ แต่พอสำนึกได้ อยากจะลดความอ้วน ก็อยากจะเนรมิตให้รวดเร็วดังใจหวัง ซึ่งมัน...เป็นไปไม่ได้!
ดังนั้นอย่าไปเครียดหรือกดดันร่างกายจนเกินไป เพราะถ้าทำให้ร่างกายเครียด นางก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาเยอะ และทีนี้ล่ะ พังเลย เพราะฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้ระบบเผาผลาญหยุดการทำงาน น้ำหนักขึ้นง่าย และการลดน้ำหนักจะไม่ได้ผล สรุปแล้วคือต้องใจเย็น ๆ กับร่างกายหน่อย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการลดน้ำหนักของเรา
ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันได้เลยว่า การลดน้ำหนักด้วยวิธี IF คือของจริง! แถมเป็นของจริงที่กำลังเป็นกระแสนิยมอีกด้วย เพราะในยุคดิจิทัล ข้อมูลข่าวสารและเทคนิคการลดน้ำหนักสามารถหาได้ง่าย หลากหลาย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนที่แตกต่างกัน ถ้าใครยังไม่เคยลอง ก็สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองจะดีที่สุด เพราะผู้เขียนเองก็ลองแล้ว และทุกวันนี้ก็ยังทำ IF อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดระเบียบชีวิตให้มีวินัย และช่วยให้ร่างกายทำงานง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และที่สำคัญ ไม่ทำตัวเองให้เป็นภาระต่อร่างกายของเรา ด้วยการ “อ้วน” นั่นล่ะคือของขวัญที่ดีที่สุด ที่ร่างกายอยากได้จากเรา
NEve Style
ข้อมูลประกอบบทความ
วิธีลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร? ลดได้จริงหรือไม่ เหมาะกับใคร ทำไมถึงได้รับความนิยม https://www.vsquareclinic.com/tips/if-intermittent-fasting/