เกี่ยวข้องกับอวัยวะการขับถ่ายเก็บน้ำปัสสาวะและขับน้ำปัสสาวะ ได้แก่ ไต (kidney) ซึ่งมีหน้าที่แยกน้ำปัสสาวะจากเลือดท่อไต (ureter) ซึ่งนำน้ำปัสสาวะจากไตไปสู่กระเพาะ ปัสสาวะ (urinary bladder) ซึ่งเป็นที่เก็บน้ำปัสสาวะไว้ชั่วคราวและท่อปัสสาวะ (urethra) ซึ่งเป็นทางผ่านของน้ำปัสสาวะไปสู่ภายนอก
มีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่วแดงมีสองข้างเมื่อสด ๆ มีสีแดงแกมน้ำตาลและเป็นเงาเนื่องจากมีเยื่อหุ้มไตบาง ๆ และเหนียวแต่ลอกออกได้ง่าย
ไตยาว ๑๑ เซนติเมตร กว้าง ๕ เซนติเมตรและหนา ๓ เซนติเมตร หนักประมาณ ๑๓๐ กรัม อยู่ชิดกับผนังหลังของช่องท้องสองข้างของสันหลังระดับกระดูกสันหลังส่วนอก อันที่ ๑๑ ถึงกระดูกสันหลังส่วนเอวอันที่ ๒ หรือ ๓ ไตขวา ต่ำกว่าไตซ้ายประมาณ ๑.๕ เซนติเมตร ไตมีโพรงอยู่ภายในแต่ปากทางแคบลงเรียกว่าขั้วไตเป็นทางผ่านของหลอดเลือดเข้าสู่และออกจากไตผนังของโพรงไตไม่เรียบเนื่องจากมีปุ่มเล็ก ๆ ยื่นเข้ามาจำนวน ๖–๑๕ ปุ่ม
เนื้อไตประกอบด้วยหลอดไตเล็ก ๆ จำนวนมากมายทุกหลอดเริ่มต้นด้วยผนังบางโป่งเป็นแคปซูล เรียกว่า โกลเมอรูลาร์แคปซูล (glomerular capsule) ไปล้อมรอบกลุ่มหลอด เลือดฝอย ซึ่งเรียกว่าโกลเมอรูลัส (glomerulus) ทั้งโกลเมอรูลาร์ แคปซูลและโกลเมอรูลัส เรียกว่า คอร์ปัสเซิลของไต (renal corpuscle) หลอดไตเล็ก ๆ แต่ละท่อนี้มีผนังหนาบางไม่เท่ากันโดยตลอดและการเรียงตัวแต่ละตอนก็ไม่เหมือนกันจากคอร์ปัสเซิลหลอดเล็ก ๆ ขดไปขดมาแล้วทอดตรงไปทางโพรงไตและย้อนกลับลงไปใกล้คอร์ปัสเซิลอีก แล้วก็ขดไปขดมาในที่สุดหลอดเล็ก ๆ เหล่านี้รวมกับหลอดอื่น ๆ ไปสู่ยอดปุ่มที่โพรงไตเข้าสู่คาลิกซ์ขนาดเล็ก (calyx minor)
เป็นท่อจากไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะเริ่มต้นด้วยท่อผนัง บาง กว้าง เรียกว่า กรวยท่อไต (pelvis of ureter) ซึ่งบางส่วนอยู่ในโพรงไตและบางส่วนอยู่นอกโพรงไตส่วนที่อยู่นอก โพรงไตจะเรียวเล็กลงและชี้ลงล่างเรียกว่าท่อไต
ภายในโพรงไตกรวยท่อไตจุประมาณ ๘ มิลลิลิตร เกิดจากท่อบาง ๆ ๓ ท่อ ซึ่งเรียกว่าคาลิกซ์ขนาดใหญ่ (calyx major) มารวมกันแต่ละอันมีแขนงเล็ก ๆ เรียกว่าคาลิกซ์ ขนาดเล็กสั้นแต่กว้างเป็นรูปกรวยไปติดรอบ ๆ ปุ่มของไตเพื่อรับน้ำปัสสาวะจากปุ่มของไต
ท่อไตมีสีซีดผนังหนาและรูแคบในคนยาว ประมาณ ๒๕ เซนติเมตร ครึ่งบนอยู่ในช่องท้องครึ่งล่างอยู่ในช่องเชิงกรานไปสู่มุมหลังของกระเพาะปัสสาวะ
เป็นอวัยวะที่มีผนังเป็นกล้ามเนื้อเรียบอยู่หลังหัวหน่าวเมื่อไม่มีน้ำปัสสาวะรูปร่างคล้ายหัวเรือบดตัดแต่ส่วนมากกระเพาะปัสสาวะมีน้ำปัสสาวะอยู่เสมอดังนั้นในขณะมีชีวิต จึงมีรูปร่างค่อนข้างกลม
กระเพาะปัสสาวะมีความจุประมาณ ๕๕๐ มิลลิลิตร แต่ โดยทั่วไปเมื่อมีปัสสาวะ ๑๖๐–๓๐๐ มิลลิลิตร ก็รู้สึกปวดปัสสาวะและถ่ายปัสสาวะออกเมื่อมีน้ำปัสสาวะ ๔๕๐ มิลลิเมตร มันจะสูงขึ้นมาอยู่หลังผนังหน้าท้องประมาณ ๗–๘ เซนติเมตร เหนือหัวหน่าว
เป็นท่อนำน้ำปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะไปสู่ภายนอกในชายท่อปัสสาวะยาว ๒๐ เซนติเมตร นำน้ำปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะไปสู่ภายนอกที่ปลายลึงค์ท่อปัสสาวะในชายยังเป็นทางผ่านของน้ำอสุจิด้วยท่อปัสสาวะในชายคดเคี้ยวคล้ายตัวเอส (S) และแบ่งได้เป็น ๓ ส่วนคือ
ส่วนที่หนึ่งยาวประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร จากมุมล่างสุดของกระเพาะปัสสาวะทอดลงล่างในแนวดิ่งผ่านกลางต่อมลูกหมากจึงเรียกว่าส่วนในต่อมลูกหมาก (prostatic part) เพราะท่อปัสสาวะส่วนนี้มีต่อมลูกหมากล้อมรอบส่วนนี้และมีท่อจากต่อมลูกหมากจำนวนมากมาเปิดสู่ท่อปัสสาวะส่วนนี้และยังมีท่อฉีดอสุจิซึ่งเป็นท่อร่วมของเซมินัลเวสิเคิล และท่ออสุจิมาเปิดสู่ท่อปัสสาวะส่วนนี้ด้วย
ส่วนที่สองเป็นส่วนสั้นที่สุดมีกล้ามเนื้อลายเป็นหูรูดอยู่ล้อมรอบ เรียกว่า ส่วนบาง (membrarous part) อยู่ต่ำกว่าข้อต่อหัวหน่าวประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร ไปสู่กระเปาะของลึงค์ (bulb of penis)
ส่วนที่สามยาวที่สุดและคดเคี้ยวอยู่ในเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ส่วนคอร์ปัสสปอนยิโอซุม (corpus spongiosum) เรียกว่า ส่วนฟองน้ำหรือส่วนในลึงค์ (spongy part) ผ่านส่วน กระเปาะ (bulb) ส่วนลำ (body) และส่วนหัว (glans) ของลึงค์ แล้วเปิดสู่ภายนอกที่ปลายลึงค์
ในหญิงท่อปัสสาวะยาว ๔ มิลลิเมตร จากมุม ล่างสุดของกระเพาะปัสสาวะทอดโค้งลงล่างไปข้างหน้าเปิดสู่อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกหน้ารูเปิดของช่องคลอดต่ำกว่าคลิตอริสประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร