คำว่า “ดี” ในเรื่องบางทีก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและคนมอง แต่สำหรับคำว่านักเรียนที่ดีในบทความนี้นั้น ขอบอกเลยว่า ไม่ว่าจะมองมุมไหน ยังไงมันก็ดี๊ดี เป็นความดีที่คุณพ่อคุณแม่คุณครูเห็นก็ต้องยอมรับว่า เอ้อ แบบนี้เข้าที ส่วนตัวน้อง ๆ เอง ถ้าทำได้ ก็จะแอบชมตัวเองว่า เราก็เข้าท่าเหมือนกันแฮะ ว่าแล้วลองมาเช็กลิสต์กันหน่อยดีกว่าว่า ดีแค่ไหนเรียก...ดี๊ดี!
พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” ประโยคเด็ดที่เหล่า FC สไปเดอร์แมนรู้จัก
และจดจำกันได้เป็นอย่างดี เป็นประโยคที่พูดโดย “ลุงเบน” ลุงของปีเตอร์ พี่มดเลยขออนุญาตยืมประโยคสุดคลาสิกของลุงเบนมาให้เปดหัวข้อนี้ ซี่งเหมาะสมลงตัวที่สุด พี่มดเชื่อว่าน้อง ๆ ทุกคนมีพลัง แต่พลังที่มีนั้นต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ การที่เราตระหนักในบทบาทของตัวเอง ย่อมทำให้เราตระหนักถึงหน้าที่ที่มาพร้อมกับบทบาทนั้นด้วย และแน่นอนว่า สิ่งที่จะทำให้เราทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ คือความรับผิดชอบที่ต้องตามติดมาควบคู่กันกับหน้าที่ของเรา
การที่เราเป็นนักเรียน หน้าที่หลักของเราย่อมเป็นอื่นไปไมได้ นอกจาก ‘เรียน’ ซึ่งการ ‘เรียน’ ที่ว่า หมายรวมถึงการรู้จักรับผิดชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเรียน ไม่ว่าจะเป็นการตื่นนอนตรงเวลา และพาตัวเองไปเข้าเรียนให้ได้ทันเวลาในทุกเช้า มีการบ้านที่ทำเสร็จเรียบร้อยไปส่งครู มีอุปกรณ์การเรียนครบครัน เตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้บทเรียนใหม่ ๆ ในวันใหม่ และตั้งใจเรียนให้เต็มที่
เมื่อรู้แล้วว่าเรามีหน้าที่อะไรบ้าง ก็ค่อย ๆ ทำไปจนครบ ด้วยความตั้งใจ ทำให้สุดความสามารถ นั่นไงล่ะคะ นักเรียนที่ดี
อาจมีน้อง ๆ บางคน เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้ราบรื่น บางบ้านพ่อแม่ขัดแย้งทะเลาะกันบ่อย บางบ้านติดขัดเรื่องเงิน ทำให้ซื้อหาอุปกรณ์การเรียนได้ไม่ครบ บางบ้านค้าขาย แทนที่กลับจากโรงเรียนจะได้ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ก็อาจต้องช่วยที่บ้านทำงาน เฝ้าหน้าร้าน ช่วยขายของ ฯลฯ อาจทำให้ส่งผลต่อการเรียน กระทบต่อบทบาทหน้าที่นักเรียนของเรา แต่อย่าได้เข้าใจไปว่า อุปสรรคและปัญหาที่ยกมาเป็นตัวอย่างจะทำให้เราเป็นนักเรียนดี...ไม่ได้
จำไว้ว่า อุปสรรคมีไว้ฟันฝ่า ปัญหามีไว้แก้ไข แต่ถ้าเราฝ่าฟันหรือแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ แถมยังไม่สามารถพูดคุยเรื่องเหล่านี้กับพ่อแม่ได้ ที่พึ่งของน้อง ๆ ก็ไม่พ้นคุณครู ไม่มีทางไหนจะแก้ไขได้ดีกว่าเรียนให้ท่านทราบตามตรงว่าปัญหาที่เราเจอที่บ้านคืออะไร แล้วค่อยมาตามลุ้นกันต่อว่า คุณครูจะสามารถช่วยเราได้มากน้อยแค่ไหน การหารืออาจสำเร็จหรืออาจล้มเหลว ขอให้เข้าใจว่านั่นไม่ใช่เรื่องของเรา เรื่องของเราคือสื่อสารให้ผู้ใหญ่ได้รับทราบปัญหาที่เราเผชิญอยู่ นั่นแหละค่ะ หน้าที่ของนักเรียนที่ดี
ความเฉลียวฉลาด มีระดับสติปัญญาดีเลิศ แม้จะถือเป็นพรสวรรค์ แต่สำหรับครูแล้ว นักเรียนที่
ฉลาดเป็นกรด ตอบได้ทุกคำถาม รู้รอบไปหมดตั้งแต่ครูยังไม่ได้ลงมือสอน สอบวิชาไหนก็คะแนนนำลิ่ว ไม่ใช่จะเป็นนักเรียนที่ดีเสมอไป
นักเรียนที่เรียนไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ตั้งใจ ใฝ่รู้ ไม่เข้าใจก็ซักถาม รับผิดชอบการงานเป็นอย่างดี ซื่อสัตย์ มีน้ำใจกับครูกับเพื่อน นักเรียนแบบนี้แหละค่ะที่คุณครูร้อยละล้านเห็นว่าเป็นนักเรียนที่ดี
เรียนเก่งแต่ขี้เกียจ เรียนเก่งแต่ขี้โกง เรียนเก่งแต่ขี้โม้ เรียนเก่งแต่แล้งน้ำใจ เหล่านี้ เป็นโทษสมบัติมากกว่าคุณสมบัติ ถ้าเราเก่งได้ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราดีได้ นั่นแหละเรื่องสำคัญที่สุด ขอให้จำไว้ว่าความเก่งไม่ได้สำคัญและไม่มีวันจะสำคัญไปกว่าความดี
เด็กบางคนเกิดมาโชคดี ไม่ว่าการเรียน ศิลปะ ดนตรี กีฬา ดูจะล้ำหน้าเพื่อน ๆ ไปหลายก้าวเสมอ แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นหนึ่งในเด็กเหล่านั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้เป็นนักเรียนที่ดี
คนเราเกิดมามีความถนัดต่างกัน บางคนถนัดด้านภาษา แต่วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ช่างเข้าใจยากเย็น บางคนถนัดด้านคำนวณ แต่ปวดหัวกับไวยากรณ์อังกฤษ บางคนถนัดดนตรี หรือศิลปะ หรือกีฬา แต่ไม่ถนัดวิชาการ เพื่อน ๆ ของเราหลายคนที่ดูเก่งรอบด้าน ขอให้รู้ไว้ว่าน้อยรายที่จะเก่งแบบนั้นโดยกำเนิด ส่วนใหญ่พวกเขาเก่งด้วยความพยายามและความขยัน อะไรที่คิดว่าทำไม่ได้ หรือทำได้ไม่ดี จะยิ่งขยันเรียนรู้ ขยันฝึกฝน .. เป็นพิเศษ อย่างสม่ำเสมอ
แต่ก็แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนขยันเท่ากันแล้วจะเก่งเท่ากันไปเสียทุกด้าน สิ่งที่เราควรยอมรับคือคนเราเกิดมาต่างกัน ไม่ว่ารูปลักษณ์หรือสติปัญญา ดังนั้น แทนที่จะมานั่งน้อยใจว่าเราเก่งไม่เท่าเพื่อน สู้คิดบวก แล้วตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ไม่ว่าวิชาไหน คิดเสมอว่าเราโชคดีกว่าเด็กอีกหลายล้านคนบนโลกนี้ที่ไม่มีแม้โอกาสจะไปโรงเรียน
อย่างน้อย เมื่อตั้งใจเต็มที่ เราจะได้รู้ขีดความสามารถของตัวเองในแต่ละวิชา รู้ว่าเรามีความสุขกับอะไรและมีความถนัดด้านไหน หากปฏิบัติได้อย่างที่ว่ามา ไม่ว่าผลการเรียนจะออกมาอย่างไร ก็ขอให้ภูมิใจในตัวเองว่า เราเป็นนักเรียนที่ดีและได้พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว
เวลาเจอการบ้านยาก แล้วเราตัดปัญหาโดยลอกการบ้านเพื่อนส่งคุณครู ต่อให้คุณครูชมว่าเก่ง ทำการบ้านยาก ๆ พวกนั้นได้ถูกต้อง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นนักเรียนที่ดีหรอกนะคะ เพราะต่อให้น้อง ๆ ปลาบปลื้มกับคำชมแค่ไหน ต้องไม่ลืมว่าตอนสอบ ข้อสอบน่ะลอกไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนลอกการบ้าน ประการสำคัญ ถ้าโดนจับคือถูกปรับตก ทั้งน่าอาย เสียประวัติ และส่งผลถึงการเรียนโดยรวมอีกด้วย
การบ้านเป็นเครื่องมือทดสอบความเข้าใจ ว่าสิ่งที่เราเรียนไป เราเข้าใจมากน้อยแค่ไหน และที่คิดว่าเข้าใจนั้นเข้าใจถูกหรือเข้าใจผิด ถ้าเราทำการบ้านไม่ได้ ต้องขวนขวายหาสาเหตุ อะไรที่ไม่รู้ ต้องหาคำตอบ ถ้าสบายใจเข้าไปซักถามคุณครูก็ทำแบบนั้น แต่ถ้าสบายใจที่จะซักถามเพื่อน ๆ ที่รู้และอธิบายได้ดีก็ไม่เสียหายอะไร
ขอแค่เราซื่อสัตย์ต่อตนเอง อะไรที่ไม่รู้ก็ยอมรับว่าไม่รู้ แล้วก็เรียนให้รู้ และขอแค่เราซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น อะไรที่ไม่รู้ อย่าลอก เพื่อหลอกครูหลอกเพื่อนว่าเรารู้ ความซื่อสัตย์นี่แหละค่ะจะทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนที่ดี ครูจะรู้จักเราดี รู้ว่าเราเก่งอะไร ไม่เก่งอะไร ต้องการการดูแลช่วยเหลืออย่างไร และจะสามารถดูแลช่วยเหลือเราได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
แต่ถ้าเราขาดความซื่อสัตย์ในการเรียน ไม่ว่าต่อตนเองหรือต่อผู้อื่น สุดท้าย ความเสียหายจะไม่ได้เกิดกับใครอื่นเลย นอกเสียจากตัวเราเอง
อย่าคิดว่าการโหมเรียนหนัก อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เพื่อจะได้มีผลการเรียนโดดเด่น จะทำให้เราเป็นนักเรียนที่ดีนะคะ
การเป็นนักเรียนที่ดีต้องมีทางสายกลางค่ะ ถึงเวลาเรียน เรียนเต็มที่ ถึงเวลากิน กินตรงเวลา ถึงเวลาพักผ่อน ต้องพักผ่อนให้เต็มที่เช่นกัน เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ทั้งสมองและร่างกายกำลังพัฒนา หากกินไม่ตรงเวลา พักผ่อนไม่พอ นอกจากจะหัวสมองไม่โปร่ง จิตใจไม่แจ่มใส อารมณ์ไม่ดี เรียนอะไรก็ไม่สนุก ไม่เข้าหัวแล้ว ยังจะเจ็บไข้ได้ป่วยง่าย ๆ อีกด้วย แล้วพอเจ็บป่วย ก็ต้องขาดเรียน ขาดเรียนบ่อย ๆ ก็เรียนตามเพื่อนไม่ทัน แล้วมาโหมเรียนหนัก อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เจียดเวลาวันหยุดที่ควรได้พักผ่อนไปโหมเรียนพิเศษ แล้วก็มาเจ็บป่วย เป็นวัฏจักรวนลูปไปอย่างนี้
ถ้าน้อง ๆ คนไหนกำลังเดินวนอยู่ในวัฏจักรดังกล่าว ต้องฉีกกิจวัตรเดิม ๆ ที่ไม่ดีต่อตัวเองทิ้งไป แล้วเริ่มกิจวัตรใหม่ให้มีความพอดี คิดไว้เสมอว่า อะไรที่เราทำเต็มที่แล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เราก็จะยอมรับและมีความสุขกับมัน
ความสุขของครู ของพ่อแม่ ของคนที่รักเรา ไม่ได้อยู่แค่ผลการเรียนของลูกศิษย์ หรือของบุตรหลานเราหรอกนะคะ แต่อยู่ที่การได้เห็นน้อง ๆ เติบโตขึ้นอย่างเด็กที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ มีความสุข ปลอดภัย และสนุกกับการเรียนกับชีวิตนักเรียนด้วย ดังนั้น ถ้าเราดูแลตัวเองเต็มที่ มีความซื่อสัตย์ในการเรียน รู้หน้าที่ของตัวเองในบทบาทนักเรียน เรียนทุกวิชาเต็มที่ ไม่ว่าชอบหรือไม่ ก็ให้คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราได้มีโอกาสเรียนหนังสือและได้เรียนรู้ว่าอะไรที่เราชอบหรือไม่ ถนัดหรือไม่
หากทำได้อย่างนี้ แม้ว่าผลการเรียนเราจะไม่ได้โดดเด่นที่สุด แต่รับรองว่าเราจะภาคภูมิใจในตัวเองอย่างเต็มที่ในควาฆมเป็นนักเรียนที่ดีของเราค่ะ
พี่มด กัลยภรณ์ จุลดุลย์