เตรียมอุดมศึกษา เป็นหนึ่งในโรงเรียนมัธยมชั้นนำของประเทศไทย ที่ใครหลายคนอยากเรียน และมีการสอบแข่งขันสูงมาก ใครที่สนใจที่จะสอบเข้าอยู่ มาศึกษาประสบการณ์ดี ๆ จากรีวิวของรุ่นพี่เตรียมอุดมกันเลย
สวัสดีครับ พี่ชื่อนายกฤษฏิ์ชนก มีลาภ ชื่อเล่นกองบิน อายุ 17 ปี แผนการเรียนศิลป์ - ภาษาเกาหลี ตอนนี้เรียนจบ ม. 6 แล้ว เป็นรุ่นพี่ของเตรียมอุดมแล้วครับ สำหรับน้อง ๆ หลายคนที่สนใจอยากสอบเข้าเตรียมอุดม คงกำลังหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวกันอยู่แน่ ๆ พี่ในฐานะรุ่นพี่เตรียมอุดม ก็ขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวส่งต่อให้กับน้อง ๆ ทุกคน เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ
เริ่มสนใจอยากสอบเข้าตั้งแต่ช่วงประมาณตุลาคมปีก่อนสอบ ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่ชอบฟังเพลงเกาหลีมาก ๆ ฟังตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วก็ชอบตัวภาษามาก ๆ ในตอนนั้นรู้สึกว่าค่อนข้างอยากเรียน ก็เลยมองหาโรงเรียนที่เปิดสอน ศิลป์-ภาษาเกาหลี เพราะอยากเรียนภาษาเกาหลีมาก ๆ แล้วตอนนั้นก็มีเพื่อนที่จะไปสอบที่เตรียมอุดมพอดี แล้วก็เห็นว่าเขาเปิดศิลป์-เกาหลีด้วย ก็เลยเลือกที่จะลองไปสอบดู
ตอนแรกไม่ได้คิดว่าคนที่เขาสอบเข้าที่นี่ จะแบบจริงจังกันขนาดนี้ 5555 ด้วยความที่เป็นคนเรียนชิว ๆ มาตลอด เห็นเพื่อนเขาเรียนกันเยอะอ่านหนังสือกันเยอะมาก ๆ แล้วเรามาเริ่มช่วงที่แอบช้าไปแล้ว เลยอยากลองขยันแบบเพื่อนบ้างสักครั้งนึง
ตอนแรกก็ซื้อหนังสือของรุ่นพี่เตรียมอุดมที่เขาทำขายออกมามาลองทำดูก่อน ก็ทำไปเรื่อย ๆ ปรากฏว่าคะแนนก็ไม่ได้ดี ยังต้องอัพอีกเยอะ แต่ช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีแรงจูงใจมาก จนกระทั่งได้ไปงาน Open house ที่เตรียมอุดมตอนเดือนมกราคม แล้วเรารู้สึกชอบมาก ๆ รุ่นพี่น่ารักมาก ๆ ได้รู้จักโรงเรียนมากขึ้น รู้จักหลักสูตรมากขึ้น เลยทำให้แพชชั่นที่ได้หลังจากกลับมาจาก Open house มีเพิ่มขึ้นเยอะมาก ๆ
ช่วงนั้นตอนประมาณกลางมกราคม เลยไปเรียนพิเศษอังกฤษก่อน เพราะรู้ว่าตัวเองอ่อนมาก ๆ เรียนทุกวันตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลยจนจบเดือน จำได้ว่าเหนื่อยมาก เพราะไม่เคยเรียนหนักขนาดนั้นมาก่อน 5555 แต่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ ทำให้รู้สึกว่าถ้าเราจะขยันขึ้นมาจริง ๆ มันก็ทำได้
ส่วนภาษาไทยกับสังคมเรียนแบบวันเดียว โค้งสุดท้ายแล้วเน้นอ่านเองเอาตอนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ การสอบปกติมันจะมีตอนประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมีนาคม ช่วงเดือนกุมภาพันธ์เราไม่ได้ออกไปเรียน ก็นั่งทำโจทย์อยู่บ้านทุกวัน แนะนำว่าอยากให้จับเวลาทุกครั้ง เราเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือตอนเช้า ก็เลยจะพยายามตื่นเช้ามาทำโจทย์ พอเหนื่อยก็พักบ้าง ช่วงนั้นวันนึงจะทำวิชาละชุดเป็นอย่างต่ำ คะแนนได้น้อยบ้างเยอะบ้างแต่ก็ไม่ได้เครียด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นแค่การฝึกทำโจทย์ เราไม่รู้ว่าของจริงจะยากง่ายกว่านี้แค่ไหน ก็ทำทั้งชุดที่ยากและชุดที่ง่ายสลับ ๆ กันไป
ตัวข้อสอบจะมีทั้งพาร์ท Reading, Vocab, Error, Cloze Passage ประมาณนี้ เราเป็นคนที่ไม่ได้เก่งพาร์ท Grammar ขนาดนั้นเลยพยายามไปทำโจทย์ ทำความเข้าใจใหม่ พวก Tense ต่าง ๆ เป็นช่วงที่กลับมาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษใหม่จากเบสิคเลย เพื่อที่จะให้เข้าใจทั้งหมดของมันจริง ๆ
วิชาภาษาไทย หลัก ๆ ก็จะแบ่งเป็นหลักภาษากับวรรณคดี คำสมาส สนธิ คำยืมภาษาต่างประเทศ วรรณคดีที่เรียนตอนมต้น จะเจอในข้อสอบแน่นอน วิชาสังคมก็จะมีทุกหมวดของสังคมเลย หน้าที่พลเมือง ศาสนา ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เนื้อหาที่ออกสอบส่วนใหญ่ก็จะมาจากเนื้อหาตอน ม.ต้นทั้งหมดเลย ถ้าเราเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนในโรงเรียนมากับทำโจทย์บ่อย ๆ เพื่อให้ชินแนวข้อสอบ ให้รู้จักแนวสิ่งที่จะออก คิดว่าก็จะช่วยได้มาก ๆ สิ่งที่ออกมันจะไม่ไกลจากสิ่งที่เคยเรียนมาเลย ๆ
สำหรับคนที่พึ่งจะเริ่มเตรียมตัวสอบหรือตั้งใจจะสอบที่ไหนก็ตาม อยากจะบอกว่าไม่ต้องกังวล มันทันแน่นอน อยากให้ลองทำโจทย์ดูอย่างน้อยก็สักหนึ่งชุด เพื่อให้รู้ว่าพาร์ทไหนที่เราจะพลาด เราทำไม่ได้ข้อไหน แล้วค่อยเน้นอ่านพาร์ทนั้นก่อน ทำความเข้าใจกับเรื่องที่เราไม่เก่งก่อนเยอะ ๆ ส่วนพาร์ทที่เราค่อนข้างมั่นใจและเป็นตัวเก็บคะแนนเลยคือ Reading เพราะเป็นพาร์ทที่มีข้อเยอะมาก ถ้าทำพาร์ทนี้ได้คะแนนก็จะค่อนข้างดีเลย
วิธีที่เราใช้ตลอดตอนเราทำ Reading คือเราจะข้ามไปอ่านคำถามก่อน เพื่อให้รู้ว่าคำถามต้องการอะไร แล้วค่อยมาอ่านตัว Passage เผื่อบางที Passage มันยาวมาก ๆ ถ้าเรารู้ว่าโจทย์ต้องการอะไร บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องอ่านทั้งหมด อ่านแค่พารากราฟแรกก็อาจจะได้คำตอบเลย ทำให้ลดระยะเวลาการทำข้อสอบไปได้เยอะมาก ๆ ถ้าข้อไหนไม่รู้จริง ๆ หรือรู้ว่าจะใช้เวลาคิดในข้อนี้นาน ให้ติ๊กไว้หรือวงไว้แล้วข้ามไปก่อนแล้วค่อยกลับมาทำ เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาในการทำข้อสอบ ถ้าถึงข้อที่จะต้องเดาคำตอบแล้วจริง ๆ ก็ให้ลองตัดช้อยส์จากสิ่งที่เรารู้ดูก่อน ถ้าเป็นพาร์ท Vocab แล้วเราจำศัพท์ไม่ได้ลองพยายามดูรากของคำ ว่ามันคล้ายกับคำไหนที่เรารู้จักไหม ถ้าจะเดาก็อยากให้เดาแบบลองคิดดูก่อน มันจะช่วยให้เปอร์เซ็นต์การที่เราจะตอบถูกมีเยอะขึ้น
รู้ว่าช่วงนี้ยิ่งใกล้สอบแล้ว ทุกคนจะยิ่งกดดันมาก ๆ กลัวว่าตัวเองจะทำข้อสอบไม่ทัน ทำไม่ได้ กลัวจะอ่านหนังสือไม่ทัน อยากบอกทุกคนว่าไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกดดันมาก เราเชื่อว่าพวกแกทำเต็มที่ที่สุด ทำดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างที่แกอ่านมา มันทำให้แกเก่งขึ้น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง มันไม่ใช่สิ่งสุดท้ายในชีวิตแน่นอน เสียใจได้ แต่ก็ต้องสู้ต่อ อยากให้เชื่อมั่นในตัวเองเยอะ ๆ พักได้ อย่าหักโหมเกิน ทำได้แน่นอน
พอใกล้มาก ๆ จริง ๆ แบบสองสามวันสุดท้าย เราอ่านน้อยมาก รู้สึกว่าอยากพักสมอง เพื่อให้ไปเจอข้อสอบจริงแล้วจะได้ไม่หนักเกิน ช่วงวันท้าย ๆ เราแค่เปิดหนังสือทวนสิ่งที่ตัวเองอ่านมา เรียนมา ดูโจทย์ว่าผิดข้อไหน พลาดตรงไหนบ่อย ๆ กับท่องศัพท์ที่รู้สึกว่าจำยังไงก็จำไม่ได้ เลยท่องแบบรวบรัดเอาเลย ทำ Flashcard ท่องไปให้ได้มากที่สุด วิธีนี้จะดีมากสำหรับคนที่อยากจำศัพท์ให้ได้ แต่เรารู้สึกว่ามันจะจำได้แค่วันสอบนั่นแหละ พอสอบเสร็จก็หายไปเหมือนเดิม 5555 แต่ก็ยังดีสำหรับตอนนั้น เพราะมันก็ใกล้มาก ๆ แล้ว วิธีนี้ก็ช่วยทำให้จำได้จริง ๆ
การสอบเขาจะจัดที่ เมืองทองธานี ตอนนั้นเรากลัวจะไปห้องสอบไม่ถูก กลัวจะหลงแล้วไปสอบไม่ทัน เลยไปดูสนามสอบก่อนประมาณสองสามวันก่อนวันสอบจริง แนะนำว่าให้ไปดูก่อนก็ดีนะ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินที่ทำให้มาสาย จะได้ไม่ต้องไปรีบหาห้องสอบตอนวันจริง วันสอบวิชาแรกจะเริ่มสอบตอน 9 โมง ซึ่งคนไปสอบจะเยอะมาก ๆ บ้านเราอยู่นนทบุรี เราออกจากบ้านตั้งแต่ประมาณ 05.30 น. ซึ่งก็รู้สึกว่าคิดถูกมาก เพราะตอนไปรถไม่ติดเลย แต่ก็มีรถแล้วนะ ใครที่บ้านไกลก็อยากให้ลองเผื่อเวลาดูดี ๆ พอไปถึงทุกคนจะเหมือนหาที่นั่งของตัวเองกันก่อน เพราะส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะมารอคนที่เข้าไปสอบกัน แล้วเขาจะอยู่กันทั้งวันเลย ถึงกับพกเสื่อมาเลยก็มี
พอได้ที่นั่งเราก็กินข้าวเช้าก่อน แนะนำว่ามื้อเช้ากับมื้อเที่ยงที่กิน ถ้าใครรู้ตัวว่าชอบง่วงตอนสอบ อยากให้กินอาหารพวกแป้งแบบพอดี ๆ เพราะมันอาจจะไปง่วงในห้องสอบได้ พอถึงเวลาใกล้จะสอบ ประมาณ 8 โมง เขาก็จะให้ทุกคนไปต่อคิวรอเข้า คนจะเยอะมาก ๆ จริง ๆ ปีเราเขาแทบจะไม่ให้เอาอะไรเข้าเลย มีแค่อุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ดินสอ ยางลบ ปากกา กบเหลาดินสอ ประมาณนี้ ซึ่งเขาจะให้กำเข้าไป ไม่ก็มัดหนังยางเข้าไปเป็นกำ ๆ ถุงใสหรือกล่องดินสอเขาก็ไม่ให้เลย นาฬิกาที่เอาเข้าต้องเป็นแบบเข็มเท่านั้น ยาดมก็ไม่ได้
พอเข้าไปถึงเขาจะให้เรานั่งรอแบ่งห้องสอบ แล้วค่อยเข้าพร้อมกัน ห้องนึงก็จะใหญ่มาก ๆ พอเข้าไปในห้องสอบ โต๊ะสอบของเรามันจะเป็นโต๊ะยาว แล้วนั่งสองคน แต่ให้นั่งกันคนละฝั่งของโต๊ะ แบบสุดขอบซ้ายกับสุดขอบขวา เวลาขยับอะไรก็จะเกรงใจเพื่อนที่ใช้โต๊ะเดียวกันมาก แค่ลบยางลบโต๊ะก็สั่นมากก
รอบเช้าจะสอบตั้งแต่ 09.00 - 11.30 น. 3 วิชา ไทย อังกฤษ สังคม เขาจะแจกมาชุดเดียว แบบทั้งสามวิชาจะอยู่ในกระดาษเซ็ตเดียวกัน เลือกได้เลยว่าจะทำวิชาไหนก่อน จะมีสองชุดชุดสีฟ้ากับชุดสีชมพู ความต่างคือแค่เรียงลำดับข้อต่างกัน เราทำอังกฤษก่อน แล้วต่อด้วยสังคม แล้วก็ภาษาไทย เรียงจากยากไปง่ายตามความถนัดของเรา ตอนทำข้อสอบเรารู้สึกว่าเราไม่ตื่นข้อสอบเลย เพราะทำโจทย์มาเยอะมาก เลยทำได้แบบปกติมาก ๆ พอเสร็จรอบเช้าก็ออกมาทานข้าว รอบบ่ายจะเริ่ม 13.00 - 14.30 น. สองวิชา ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ เรากินไปแค่ข้าวปั้นเลยไม่ง่วง ปกติเราจะหลับตลอด 5555 เรารู้สึกว่าตอนทำเราปกติมาก ๆ คิดว่ามาจากการจับเวลามาแล้ว ทำโจทย์บ่อยมาก ๆ ทำให้ตอนทำรู้สึกเหมือนแค่เปลี่ยนที่ทำโจทย์เฉย ๆ เลย ซึ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่ฝึกทำโจทย์มาตลอด พอสอบเสร็จเราก็พักตัวเองเลย จนถึงวันที่ประกาศผลสอบ
วันนั้นเราตื่นเต้นมาก ๆ พอรู้ว่าติดก็คือดีใจมากกก ร้องไห้เลยวันนั้น รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ลองขยัน ลองลุกขึ้นมาอ่านหนังสือแบบจริง ๆ จังจริง ๆ
ใครที่กำลังจะสอบก็สู้ ๆ สิ่งที่แกเตรียมมา พยายามมาทั้งหมด มันจะให้ผลดีกับแกแน่นอน อย่าเครียด อย่ากดดันจนเกินไป ถ้าพวกแกเตรียมตัวมาดีแล้ว เราเชื่อว่ายังไงก็ทำได้แน่นอน