มีใครเป็นไหม? ตัดสินใจเลือกคณะแล้วสิ่งที่ได้เรียนยากกว่าที่จินตนาการเอาไว้เกินเบอร์มาก จนทำให้รู้สึกเริ่มท้อกับการตื่นไปเรียน แต่จะให้ทำยังไงดี เพราะตอนนี้การเรียนคือหน้าที่ที่เราต้องทำให้ดีที่สุด งั้นวันนี้เราจะมาหาทางออกไปด้วยกัน จะมีทางออกแบบไหนที่เหมาะกับเราบ้างไปดูกัน
หนึ่งในเหตุผลที่เราใช้ในการเลือกคณะก็คือคาดเดาว่าเราอาจจะชอบก็ได้ในอนคต คณะนี้เราคะแนนถึง คนเรียนเยอะ จบมามีงานแน่นอน แต่ระหว่างทางนั้นก็ไม่ได้สั้นแบบที่ 2 อาทิตย์จบ เราต้องใช้เวลาไปกับการเรียนรู้ไม่ต่ำกว่า 4 ปี เพราะฉะนั้นอยากบอกว่า เลือกจากความมั่นใจ เชื่อในตัวเองและคุยกับตัวเองเยอะ ๆ ก่อน เพราะหากเรียนไปแล้วพบว่ามันยาก ความมั่นใจตั้งต้นนี่แหละจะพาข้ามอุปสรรคไปได้
โลกในรั้วมหาวิทยาลัยแทบจะเป็นโลกเสมือนจริงกับข้างนอกเลยนะทุกคน มันอาจจะไม่ใช่ 100% แต่ก็แทบจะให้เราได้ลองทำทุกอย่าง ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งการเรียน การทำกิจกรรม การคบเพื่อนที่หลากหลาย และที่สำคัญยังให้เราได้ลองผิดลองถูกก่อนออกไป เพราะงั้นลองเลยไม่ต้องกลัว เพราะการได้ลองผิดลองถูกบ้างอาจจะปลดล็อคความรู้สึกไม่กล้าจนกลัวว่าจะทำไม่ได้ของเราก็ได้นะ
ไม่ใช่ว่าการลาออกเท่านั้นจะทำให้เราหลุดจากสถานการณ์กดดันไปได้ แต่เป้าหมายก็ช่วยให้เราก้าวข้ามได้เช่นกัน ถ้าเราเลือกแล้วจากความมั่นใจจะต้องกลัวอะไร ชีวิตมหาวิทยาลัยไม่หยุดอยู่แค่ 2 วัน แล้วจะชี้ขาดชะตา เพราะงั้นลองมองดูหน่อยดีไหม ว่าอะไรกันนะที่ทำให้เรามายืนอยู่ตรงนี้ อะไรกันที่ทำให้เราเคยภูมิใจในตัวเอง อาชีพที่เราฝันไว้รอเราอยู่หรือเปล่า หรือเป็นใครกันนะที่เป็นเป้าหมายชีวิตเรา ไปพูดคุยกับเขา ในวันที่รู้สึกทุกอย่างยากไปหมด เล่าสิ่งที่รู้สึกเชื่อเลยว่าพลังงานดี ๆ จะเติมเต็มเราได้
บางคนบอกว่าสิ่งที่ทำให้การเรียนในคณะนี้ยากที่สุดไม่ใช่วิชาแต่เป็นสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น บรรยากาศของการเรียน เพื่อน ครู การเรียนออนไลน์ เอาจริง ๆ สิ่งเหล่านี้มันคืออะไรที่ยากจะบังคับให้เป็นไปตามใจของเราเนอะ แต่เชื่อไหมว่าเราตัดแต่งสังคมของเราได้เอง สิ่งที่จะบอกก็คือรู้เท่าทันตัวเอง เราไม่ไหวกับเรื่องอะไรกันแน่ อะไรที่มากระตุ้นให้เราอ่อนไหวบ่อย ๆ ลองมีระยะห่างกับสิ่งนั้น หาพื้นที่ของตัวเองให้สบายใจก่อนดีกว่า
ไม่ไหวอย่าฝืนคือเรื่องจริง เมื่อเราได้ลองทำมันทุกทริคแล้วแต่คำตอบที่ได้คือคำว่า ‘ไม่ใช่’ งั้นก็อย่ากลัวการเริ่มใหม่เลย เคลียร์ตัวเองเป็นข้อ ๆ อย่างชัดเจนแล้วคุยกับตัวเองอย่างเปิดใจ เราไม่ไหวเพราะอะไร เราสู้เต็มที่แล้วใช่ไหม มีอะไรบ้างที่ยืนยันได้ว่าเราสู้อย่างเต็มที่ เขียนมันออกมา นอกจากนี้คือการพูดคุยกับคนที่เราเชื่อใจ อย่างครอบครัวร่วมกันหาทางออกร่วมกัน เรียนรู้สิ่งที่ได้ให้มากที่สุด และที่สำคัญเลยนะอย่าโทษตัวเอง
จะบอกว่าจริง ๆ แล้วถ้าหากว่าที่บ้านเมืองเราสังคมเรามีการเปิดกว้างในเรื่องของทางเลือกในชีวิตมากกว่านี้ การใช้วิธีแบบ Take Gap Year หรือการหยุดเรียนเพื่อไปค้นหาตัวเองจากการลองทำอย่างอื่นสักครึ่งปีหรือปีนึง ใช้เวลาไปกับการได้ลองค้นหาสิ่งที่ตัวเองสนใจหรืออาจจะไปลองขอฝึกงานในองค์กรที่เปิดรับ ก็เป็นอีกไอเดียที่ดีมากแต่นั่นแหละ การที่จะทำแบบนี้ได้ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเรา ครอบครัว และสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ลองถอยออกมามองจากจุดที่ใหญ่กว่าแล้วค่อย ๆ สโคปปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ๆ ทำมันให้ดีที่สุดนั่นแหละดีที่สุดแล้ว