เมื่อมีปัญหาเราจะทำไงดี บางทีผู้ใหญ่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเด็ก ๆ อย่างเราหรอกนะว่า บางคนบางครั้งก็มีปัญหาเยอะแยะ ปัญหาเรื่องเรียน ปัญหาเรื่องบ้าน ปัญหาของตัวเอง ปัญหาของเพื่อน ปัญหาความรัก หรือแม้แต่ปัญหาจากคนอื่นสิ่งอื่นมาก่อให้เกิดเป็นปัญหาของเรา มันเยอะจนเราอาจแก้ไม่ไหว เลยถูกมองว่าเป็นเด็กมีแต่ปัญหาวุ่นวาย ถ้าเช่นนั้นเรามาฝึกรับมือ แก้ปัญหากันดีกว่านะ
ก่อนอื่นเรามาปรับทัศนคติในการเรียกเจ้าปัญหา ง่าย ๆ ลองเขียนใส่กระดาษเรื่องละแผ่น แล้ววางเรียง ๆ จัดหมวดหมู่ใหม่ แล้วเรียกชื่อมันใหม่ว่า “ภารกิจ” หรือ “เจ้าตัวร้าย” อย่างในเกม ซึ่งไม่ได้อยู่ในตำราเรียน มันก็แค่ด่านยาก ๆ หลายด่านในเกมชีวิต แล้วทำไมเราจะพิชิตภารกิจยาก ๆ ที่ไม่ได้อยู่ตำราในข้อสอบไม่ได้ล่ะ มันก็เป็นแค่อีกเรื่องหรือหลายเรื่องปกติในชีวิตเรา ซึ่งภารกิจยากแค่ไหน ด่านตัวร้ายเก่งแค่ไหน เราก็ยังทำได้สู้ได้ ผ่านอัปเลเวลได้เลย เราอาจต้องทำมันบ่อย ๆ ทำหลายครั้ง แล้วโจทย์หรือภารกิจนั้น ๆ ก็จะไม่ยากอีกต่อไป และแน่นอนมันจะสนุกมาก หากเราพร้อมกล้าเผชิญหน้า และลุยแต่ละด่านไป งั้นตอนนี้เรามาฝึกฝน ทำความพร้อมสร้างทักษะในการแก้โจทย์ ลุยภารกิจผ่านเลเวลใหม่ของชีวิต ท่องไว้เสมอว่า “ทุก ๆ โจทย์ย่อมมีคำตอบ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสารพัดโจทย์ของชีวิต ไม่ว่าเพราะเราทำให้มันเกิด หรือคนอื่นส่งผลมากระทบเรา ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ โจทย์ง่ายหรือว่ายาก เป็นโจทย์เก่านานแล้วซึ่งเพิ่งมาส่งผล หรือว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าคับขัน ซึ่งเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว เราจำเป็นต้องมีสติพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ตื่นตระหนกวิ่งหาผู้ใหญ่ เราไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ อีกต่อไป เราต้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น ไม่เอาอารมณ์เข้าไปร่วม วิเคราะห์ไปทีละจุด แยกวาดเป็นรูป เป็นจุด ๆ อาจช่วยได้มาก อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ให้ทำให้เรารีบตีโพยตีพายกับโจทย์นั้น ๆ จนบางทีมันอาจเป็นเรื่องแก้ไขได้ง่ายนิดเดียว ไม่ลุกลามไปใหญ่โต เรื่องของการมีสตินั้นอาจยาก แต่จำเป็นต้องใช้การฝึกฝน หมั่นทำบ่อย ๆ ทำประจำแล้วสติจะมาอยู่กับเราเมื่อเผชิญกับทุก ๆ เหตุการณ์ในชีวิต และใช้ไปได้ชั่วชีวิตทีเดียว
บางครั้งในแต่ละปมของโจทย์เองก็ซับซ้อน หลาย ๆ โจทย์ก็ชอบเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน จนดูเหมือนวุ่นวายไปหมด เราต้องถอยห่างออกจากโจทย์ ไม่คิดว่ามันเป็นโจทย์ของเรา ลองคิดแบบคนภายนอกแล้วแยกแยะลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผลที่เกิดแล้วส่งผลกระทบจนเกิดความขัดแย้งนั้นเพราะอะไร พยายามฝึกการวิเคราะห์เรื่องราวให้ละเอียด นอกจากจะช่วยแก้ไขโจทย์แล้ว มันยังช่วยให้เรามองเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเราอย่างมีระบบ มีที่มาที่ไป และฝึกการลำดับขั้นตอนวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ได้โดยง่าย วิธีนี้ยังช่วยให้เราพร้อมรับมือได้การทุก ๆ โจทย์ ยิ่งมองมันอย่างว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่โตเฉพาะเรา
ลองฝึกการคิดการแก้โจทย์อย่างสร้างสรรค์ อาจคิดหาวิธีใหม่ ๆ นอกกรอบบ้าง เลือกวิธีการต่าง ๆ ที่คิดว่าทำแล้วจะตอบโจทย์สำเร็จ แต่ละวิธีมีผลดีผลเสียอย่างไร แล้วจดใส่สมุดบันทึกไว้เปรียบเทียบ เผื่อไว้อีกหลาย ๆ วิธี ว่ายังมีวิธีอื่นอีกไหม ลองวิเคราะห์ว่าวิธีเหล่านี้เราสามารถทำได้ไหม ทำแล้วจะเป็นอย่างไร วิธีวิเคราะห์ให้รอบคอบถึงผลที่จะเกิด แล้วเลือกลองทำวิธีที่ดีที่สุด หากทำหลายวิธีแล้ว ยังไม่สามารถแก้โจทย์ได้ เราอาจต้องขอคำปรึกษา คำแนะนำจากคุณครู คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองของเรา ก่อนที่จะมองหาคนอื่นมาช่วยแก้โจทย์ของเรา
บางครั้งเราต้องยอมรับว่า วิธีที่เราคิดว่าดีที่สุดแล้วนั้น อาจจะยังไม่ใช่ในตอนนี้ หรือยังแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด หลายโจทย์ต้องรอใช้เวลาเป็นตัวแก้ไข เวลาคือตัวแปรที่ช่วยทำให้ปัญหาคลี่คลายหรือเบาบางลง เราอาจต้องทำซ้ำอีกหลายครั้งถึงจะแก้โจทย์นั้นได้สำเร็จ แต่ในทุก ๆ ครั้งที่ยังไปไม่ถึงความสำเร็จ อย่างน้อยมันช่วยให้เราได้เรียนรู้และฝึกทักษะความอดทนเพิ่มมาอีกด้วย
หลายโจทย์มักมีที่มา หรือต้องไปเกี่ยวข้องกับผู้อื่น พยายามฝึกคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นเข้ามาช่วย อาจนึกเผื่อไว้ว่าหากเราต้องตัดสินใจสิ่งใด ๆ หรือคิดว่าการพูดการกระทำของเราส่งผลกระทบให้เกิดเหตุหรือมีความขัดแย้งขึ้นได้ง่ายหรือไม่ นอกจากนี้ยังช่วยให้เรามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมถึงควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่หัวร้อน หงุดหงิดง่ายในหลาย ๆ เรื่องด้วย
ทักษะการแก้โจทย์ยาก ๆ เหล่านี้ถือเป็นทักษะสำคัญ เริ่มต้นฝึกตั้งแต่ตอนนี้จะทำให้เราได้เปรียบ ยิ่งฝึกฝนมากจะทำให้เรามีทักษะที่แข็งแกร่ง เป็นจุดแข็งอยู่กับเราไปชั่วชีวิต สามารถนำไปใช้จัดการแก้ไขกับทุก ๆ สิ่งทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตทั้งในตอนนี้และในอนาคต
พี่อ้อ อังสนา