เลี้ยงลูกในแบบฉบับพ่อแม่ยุคใหม่ นอกจากจะปรับตัวให้เป็นเพื่อนกับลูกแล้ว ยังต้องหยุดวิธีการเลี้ยงลูกในแบบเดิม เพราะบางวิธีนั้นนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังสร้างผลกระทบทางความรู้สึกในด้านลบให้กับลูกได้ อะไรบ้างที่ควรหยุด ไปหาคำตอบกันเลย
หลายครั้งที่พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ มักจะใช้ประสบการณ์ มาแนะนำหรือเลือกสิ่งต่าง ๆ ให้ลูก ด้วยเหตุผลยอดฮิตคือ “อาบน้ำร้อนมาก่อน” ประสบการณ์ของพ่อแม่ มีประโยชน์ต่อลูก แต่บางครั้งความหวังดีของพ่อแม่ ก็เป็นดาบสองคม จากความตั้งใจที่จะแนะนำ ก็กลายเป็นไปตัดสินใจเลือกให้ลูกเสียก่อน แต่สิ่งที่เด็กส่วนใหญ่อยากได้คือ คำแนะนำ มากกว่าการถูกพ่อแม่เลือกให้ ลองเปลี่ยนจากเลือกให้ มาช่วยกันเลือกน่าจะลงตัวทั้งสองฝ่าย
ความรักของพ่อแม่ บางทีก็มาพร้อมกับอารมณ์ เช่น อารมณ์โกรธ อารมณ์ผิดหวัง อารมณ์หงุดหงิด ที่เผลอแสดงออกมาผ่านคำพูดแบบไม่รู้ตัว และส่วนใหญ่ก็มักเป็นคำพูด ที่ไปสร้างความรู้สึกลบให้กับลูกได้ เรื่องนี้คงปรับที่ลูกอย่างเดียวไม่ได้ ว่าไม่ให้ใส่ใจคำพูดเหล่านั้น พ่อแม่เองก็ต้องปรับ หากระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ก็ระงับคำพูดเอาไว้ก่อน เดินเลี่ยง หรือสงบสติอารมณ์ให้เบาลง ก่อนจะพูดคุยกับลูก เพื่อป้องกันคำพูดลบ ๆ ที่จะเผลอหลุดออกมา
ปัญหายอดฮิตที่เจอกันทุกยุคสมัยคือ พ่อแม่บางคนชอบเปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกคนอื่น หรือเปรียบเทียบลูกกับพี่น้องด้วยกันเอง ในความคิดของพ่อแม่คือ ตั้งใจเปรียบเทียบเพื่อกระตุ้น แต่ในมุมของลูกนั้น นอกจากจะไม่รู้สึกถูกกระตุ้นแล้ว ยังรู้สึกเสียความรู้สึก และเสียความมั่นใจแบบสุด ๆ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเจอคนที่ตัวเองถูกเอาไปเปรียบเทียบ วิธีนี้หลายครอบครัวชอบทำ แต่บอกเลยว่าอาจไม่ได้ผล 100% และส่งผลลบให้กับลูกอีกด้วย
ความกดดันที่เด็กเจอได้ง่ายที่สุดมักมาจากครอบครัว บางครอบครัวตั้งใจกดดันลูก เพื่อหวังว่าจะให้แรงกดดันเป็นตัวกระตุ้น บางครอบครัวก็หวังดีและเป็นห่วงมาก แต่ความมากและล้นเกินไป ก็กลายเป็นสร้างความกดดันให้ลูกได้เช่นกัน ต้นเหตุของความกดดันก็มาจาก ความเป็นห่วง ความคาดหวัง ที่มีมากและแสดงออกจนเกินไปของพ่อแม่นั้นเอง ฉะนั้นทุกอย่างควรทำแต่พอดีจะดีที่สุด เปลี่ยนจากกดดัน มาให้คำแนะนำและช่วยกันแก้ปัญหาน่าจะดีที่สุด
บางครอบครัวพ่อแม่ก็ใช้คำพูดในการดูถูกลูก เช่น จะทำอันนี้ได้เหรอ, ไม่มีวันทำได้แบบนั้นหรอก, จะมีปัญญาสอบติดเหรอ, งานการดี ๆ จะหาได้รึเปล่า เป็นต้น คำพูดเหล่าเป็นประโยคยอดฮิต ที่ได้ยินผ่าน ๆ อาจไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าหากคนพูดเป็นพ่อแม่เราละก็ อาจทำให้รู้สึกจี้ใจและฝังใจได้ บางคำพูดพ่อแม่อาจไม่คิดอะไร แต่หลายครั้งคำพูดลอย ๆ ก็สร้างบาดแผลทิ้งไว้ให้กับลูกได้
ความรักความห่วงใยในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่ควรมีให้กัน แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในความพอดี คือ ไม่ล้ำความเป็นส่วนตัว ไม่สร้างผลกระทบในด้านใดให้แก่กัน เน้นพูดคุยกันด้วยเหตุผล และควรหาตรงกลางร่วมกัน ผ่านความหวังดีที่มีต่อกัน เพราะเด็กยุคนี้ ชอบที่จะมีพ่อแม่คอยแนะนำ แต่ยังอยากใช้ความคิดและการตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยมีพ่อแม่คอยอยู่ข้าง ๆ