กลัดกลุ้มใจเลเวลไหนกันบ้าง เมื่อโดนถามว่าชอบอะไร หรือตอบตัวเองไม่ได้เสียทีว่าชีวิตจะเอาดีทางด้านไหน นึกย้อนไปวัยเด็กก็พอจะตอบครูกับพ่อแม่ได้อยู่ว่าอยากจะเป็นหมอ อยากเป็นตำรวจ แต่ทำไมโตขึ้นมาความหลากหลายทางอาชีพเยอะจัง แล้วดันชอบไปหมดเลย ถ้าเกิดว่าน้อง ๆ ชอบหลายอย่าง นั่นอาจจะเป็นเพราะเรามีความเป็นคนแบบ “Multipotentialite” และก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
ทำไมถึงต้องมีประเด็นสุดจะแมสว่า “ฉันต้องเจอตัวเอง” เข้ามาบ่อย ๆ ในบทความ How-To การใช้ชีวิต หรือการเรียนต่อ บอกเลยว่าถึงมันจะเป็นค่านิยมของสังคมที่ทำให้เราออกตามหาตัวเองกันตลอดชีวิตทุกช่วงวัย มันก็ไม่ใช่เรื่องผิด การที่เจอตัวเองทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างตรงประเด็นมากขึ้น แต่ถ้าในเมื่อเราชอบหลายอย่าง เราก็อาจจะคิดว่าชีวิตนี้จะไม่เจอตัวเองอีกแล้วก็เป็นไปได้ นั่นไม่จริง
“Multipotentialite” (หรือเรียกอีกอย่างว่า Jack of all Trades, Master of none) คำดูยากไปไหม เอาเป็นว่าทั่วโลกจำกัดคำนี้ไว้ให้กับคนที่มีศักยภาพหลากหลายด้าน หมายถึงชอบทำหลายอย่างจนทำให้ตัวเองไม่เจอด้านที่ชอบที่สุด อยากเห็นภาพความเป็น “Multipotentialite” ให้นึกถึงเขาคนนี้เลย Leonardo Di Vinci ศิลปินชื่อก้องโลกที่เป็นทั้งนักวาดภาพ นักดนตรี นักกายวิภาคศาสตร์ นักประดิษฐ์ วิศวกร นักเรขาคณิต เป็นต้น หรือจะเป็นบิดาแห่งนักดาราศาสตร์สมัยใหม่ Galieo Galilei บิดาแห่งฟิสิกซ์สมัยใหม่ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ และถ้าไม่แนะนำอีกคนที่อยู่ในยุคสมัยนี้และเป็นผู้ที่สร้างความเข้าใจให้กับเรื่องนี้ได้อย่างดีที่สุดก็คงไม่ได้ นั่นก็คือ Emilie Wapnick ผู้ที่เป็นตั้ง Concept นี้ขึ้นมาบนโลก แน่นอนเธอเป็นทั้งทนายความ นักทำหนัง นักเขียน และขายของออนไลน์ เธอได้ตั้งเว็บไซต์ Puttylike ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้คนเข้าใจเรื่องนี้กันมากขึ้นเนื่องจากว่าเธอเองได้รับผลกระทบจากการถูกสังคมตีตราว่าเป็นคนที่หาตัวเองไม่เจอนั่นเอง และเธอยังได้สรุปให้เราเห็นถึงข้อได้เปรียบของ “Multipotentialite” เอาไว้ด้วย
1. เป็นพวกมีความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมโยงสิ่งใหม่ ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างดี และสามารถสร้างสิ่งใหม่ได้
2. เรียนรู้เร็วเพราะพื้นฐานคือการลองผิดถูก การค้นหาตัวเอง ทำให้กล้าจะลองและไม่กลัวเลยที่จะเริ่มสิ่งใหม่
3. ยืดหยุ่นปรับตัวได้ดีในสถานการณ์ต่าง ๆ เข้ากับสังคมและผู้คนที่หลากหลายได้อย่างดีมีคุณภาพในแบบของตัวเอง
การที่เราจะเป็น Multipotentialite ได้นั้นไม่ได้เกิดจากการที่เราไม่ตามหาตัวเองเลย แต่มันเกิดจากการที่เราตามหาตัวเองอย่างหนัก และพบว่าเราชอบหลายอย่างนั่นเอง ถามว่าจำเป็นมากไหมที่เราจะต้องตามตัวเองว่าเราชอบอะไรกันแน่ คำตอบคือ จำเป็นนะ เพราะ Multipotentialite = คนที่ชอบหลายอย่าง มีศักยภาพหลากหลายด้าน ไม่ได้หมายถึงคนที่ไม่รู้ไปเลยว่าเราชอบอะไร เราควรทบทวนความสนใจความชอบและตัวตนให้สม่ำเสมอ และถ้าเราเจอว่าเราคือ Multipotentialite ของแท้แน่นอนเราก็จงภาคภูมิใจกับมันนะ
รู้ว่าไม่ชอบอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าชอบอะไร คุณอาจเป็น ‘Multipotentialite’ จาก https://storylog.co/story/5a26596c1d9e1fbf260c64da