Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา
Education > TCAS > บทความ
[รีวิว] ชีวิตในรั้ว ม.สงขลานครินทร์ (ม.อ. หาดใหญ่) ฉบับเด็กแพทย์

  Favorite

          แต่นแต๊นนน! ยินดีต้อนรับเข้าสู่การรีวิวมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หรือเรียกย่อ ๆ ว่า "ม.อ." ที่วิทยาเขตหาดใหญ่ ในฉบับของนักศึกษาแพทย์ตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกมหาลัยได้เพียง 1 ปี ในรีวิวนี้จะเล่าถึงเรื่องต่าง ๆ ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย หวังว่าน้อง ๆ จะได้รู้จักกับมหาวิทยาลัยและเมืองหาดใหญ่มากขึ้นนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
 

ภาพ : โชติพจน์ ลิมปสุรัติ

 

ประเทศ ม.อ. จังหวัดหาดใหญ่ 

          มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีวิทยาเขตมากที่สุดในประเทศไทย! เพราะมีถึง 5 วิทยาเขตเลยทีเดียว วิทยาเขตแรกอยู่ที่ปัตตานี แต่วิทยาเขตที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่อยู่ของเด็กแพทย์แบบเรา ๆ ก็คือ วิทยาเขตหาดใหญ่นั่นเอง และ ม.อ. หาดใหญ่ ของเรานั้นกว้างมาก มีพื้นที่มากกว่า 800 ไร่เลยนะตัวเทอ บอกให้เลยนะว่าแม้แต่ภูเขาด้านหลังมหาวิทยาลัยนั้นก็ยังเป็นของ ม.อ. อีกด้วย แต่ก็คงไม่มีใครถ่อสังขารขึ้นเขาไปเรียนหรอกเนอะ ฮ่า ๆ 

          อีกหนึ่งคำถามที่มักจะได้ยินเวลาพูดถึง ม.อ. คือ "พี่คะ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำไมชื่อย่อเป็น ม.อ. หรือคนตั้งตกภาษาไทยหรือเปล่า" มันไม่ใช่อย่างนั้นนะหนู ๆ ความจริงแล้วคือ ม.อ. ย่อมาจาก "มหิดลอดุลยเดช" จ้า ส่วนชื่อสงขลานครินทร์ มาจาก "กรมหลวงสงขลานครินทร์" นั่นเอง บอกเลยว่าที่มาของชื่อมหาลัยเรานี่ไม่ธรรมดาเลยนะจ้ะนายจ๋า ดังนั้นถ้ารู้แล้วเนี่ย ต้องเขียนชื่อย่อให้ถูกด้วยนะ "ม.อ." ไม่ใช่ มอ. ระวังตอนสัมภาษณ์จะโดนอาจารย์กินหัวเอานะ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน

 

ภาพ : โชติพจน์ ลิมปสุรัติ

 

โบกพริ้ว ธงเขียวปลิวไสว

          พูดว่ารีวิวฉบับเด็กแพทย์ ก็มาดูที่คณะแพทย์ของเรากันดีกว่า คณะแพทย์ มีพื้นที่กว้างพอสมควรเลยทีเดียว เพราะมีพื้นที่ทั้งโรงพยาบาล อาคารเรียน ศูนย์ประชุม สนามกีฬา หอพักแพทย์ ลานจอดรถ ศูนย์อาหาร และบ่อน้ำอีก 2 บ่อ (มีทำไมขนาดนั้น) และที่สำคัญยังอยู่ใกล้กับคณะทันตะ เภสัช และพยาบาล อีกด้วย 

          ในส่วนของทางคณะ พี่บอกเลยว่าคณะแพทย์ที่นี่เทคแคร์ นศ. ดีมาก ๆ ผู้ใหญ่ของคณะก็ติดต่อได้ง่ายเช่นกัน เวลามีปัญหาอะไรก็สามารถเดินไปหาพี่ ๆ ที่เขาดูแลพวกเราได้เลย สะดวกสุด ๆ เลยแหละ ยกตัวอย่างกิจกรรมที่พี่คิดว่าดีมาก ๆ ของคณะคือ Med sparkling เป็นกิจกรรมที่มีจัดทุกเดือน โดยคณะจะพาเราไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งกิจกรรมมีหลายรูปแบบมาก ๆ ทั้งสอนเต้น สอนทำอาหาร พาไปปั่นจักรยาน หรือแม้แต่พาไปเที่ยวก็ยังมี! ถือว่าช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนได้ดีเลยแหละ ขนาดสัปดาห์หน้าจะมีสอบ พี่ยังไปเลย ไม่อ่านมันแล้วหนังสือ!

          นอกจากนี้ใครที่กังวลว่าเรียนแพทย์จะต้องใช้ตังเยอะไหม พี่บอกเลยว่า "ไม่มีก็เรียนได้" ครั้งหนึ่งที่น้องฝ่าฟันอุปสรรคเข้ามาเป็นหมอได้แล้ว คณะจะไม่ปล่อยให้น้องหนีไปง่าย ๆ แน่ (เอ๊ะ) ที่พูดแบบนี้เพราะว่า คณะมีทุนให้เราเยอะมาก มีให้ตลอด 6 ปีเลย คณะขออย่างเดียว แค่หนูเรียนให้จบก็เป็นพอ หรือบางคนบอก หนูไม่มีเงินซื้อไอแพดค่ะ! คณะก็ป๋าพอที่จะมีไอแพดให้ยืม ไปคุยกับคณะได้เลยจ้ะ หรือใครกล้า ๆ กลัว ๆ มาปรึกษาพี่ก่อนก็ได้เนอะ พี่มีเงินให้กู้... ไม่ใช่!! พี่เองก็ประสบปัญหาด้านการเงินเหมือนกัน จากการตะลุยกินชาบูแทบทุกสัปดาห์ ทำให้ไม่มีตังค์ไปจ่ายค่าเทอม ฮ่า ๆ พี่ก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับทุนจากคณะเหมือนกันจ้า

          ส่วนสังคมที่นี่พี่ว่าดีมาก ๆ เลยแหละ เพื่อนทุกคนใจดี ช่วยกันเรียนช่วยกันติว ส่วนรุ่นพี่นี่ก็ "ดี" มาก ๆ เลยครับ… หมายถึงนิสัยดีนะ พี่ๆพาไปเลี้ยงสายบ่อยมาก กินกันทุกบล็อค พี่สอบกินที น้องสอบกินที เออดี ๆ ฮ่า ๆ เป็นเด็กสมบูรณ์กันเลยทีนี้ สิ่งหนึ่งที่พี่แอบตกใจคือ คนที่นี่พูดเพราะ!! ตอนแรกคิดว่าเพราะยังไม่สนิทหรือป่าว สรุปสนิทแล้วก็ยังพูดเพราะอยู่ดีแฮะ พอพี่กลับไปคุยกับเพื่อนเก่าก็ติดนิสัยพูดเพราะไปด้วย จนเพื่อนเก่าถามว่า จะพูดเพราะทำ**อะไร ฮ่า ๆ 

 

ภาพ : โชติพจน์ ลิมปสุรัติ

 

การเรียนที่เรารักสุด ๆ

        ขายของมาเยอะ มาเจาะลึกถึงการเรียนบ้าง การเรียนที่นี่จะมีการเรียนเป็นบล็อค พูดง่าย ๆ คือเรียนไปทีละวิชา จบแล้วก็สอบวิชานั้น ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนไปอีกวิชานึง ข้อดีของการเรียนแบบนี้คือเราจะไม่มีวิกฤติมิดเทอมหรือวิกฤตไฟนอล แต่เราจะมีวิกฤติกันทั้งปีเลยทีเดียว ฮ่า ๆ TT แต่ ๆ น้อง ๆ อย่าเพิ่งตกใจกัน เพราะปี 1 ที่นี่เรียนค่อนข้างสบาย จะเรียกว่าเรียนชิลอันดับต้น ๆ ของประเทศก็ไม่โอเวอร์ไปเลยแหละ (แล้วก็ไปชดใช้กรรมในปีต่อไปนะน้อง ฮ่า ๆ ) การเรียนของที่นี่มีอีกอย่างที่พี่ชอบคือเป็นการเรียนที่ค่อนข้าง Aactive มีการพาไปลงพื้นที่ ไปเจอผู้ป่วยตั้งแต่ปีแรกเลย (กระซิบ : มีพาไปเทศต่างประเทศด้วยนะ) มีเรียนแลปส่องกล้อง รวมถึงพาทัวร์โรงพยาบาลอีกด้วย นี่แค่ปีหนึ่งนะเนี่ย

          มีหนึ่งเรื่องที่พี่แอบน้อยใจคือ หมอ ม.อ. ถูกมองว่าไม่เก่ง เนื่องจากที่นี่มีคะแนน กสพท. ไม่ได้สูงเท่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ แต่จากประสบการณ์ที่พี่ได้เข้ามาจริง ๆ ปรากฏว่า รุ่นนี้มันไม่ใช่คน นี่มันรุ่นปีศาจ!! เพื่อน ๆ พี่หลายคนคะแนนสูงระดับติด Top3 (จุฬา ศิริราช รามา) แต่เขาเลือกมาที่นี่ เพราะเขาอยากเรียนที่นี่จริง ๆ ถ้าไม่เชื่อให้น้อง ๆ ไปดูคะแนนสูงสุดของ ม.อ. ปี 62 ได้เลย สูงถึง 78 คะแนนเลยนะ นอกจากนี้แต่ละคนนี่มาพร้อมยศทั้งนั้น เหรียญเงินเหรียญทอง TBO TChO  ทำเอาเด็กที่ไม่เคยติดค่ายแบบพี่ดูหงอยไปเลยแหละ เพราะฉะนั้นหมอที่นี่ก็เก่งไม่แพ้ที่อื่นนะ นอกจากนี้ผลงานต่าง ๆ ของอาจารย์แพทย์ก็มีไม่น้อยเลย 

 

ภาพ : โชติพจน์ ลิมปสุรัติ

 

ที่กินที่เที่ยวที่สิงสถิตในเมืองหาดใหญ่

          หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา หาดใหญ่~~ สิ่งที่พี่ภาคภูมิใจที่สุดที่จะรีวิวคือ ของกิน!! บอกเลยว่าเมืองหาดใหญ่นี่ของกินเยอะแยะแบบไม่ต้องง้อเซเว่นกันเลยทีเดียว ถึงขั้นมีคำกล่าวที่ว่า ม.อ. ย่อมาจาก "มาอ้วน" เลยแหละ ตั้งแต่มาที่นี่พี่ก็ตะลุยกินไม่หยุดจนเพื่อน ๆ มหาลัยวิทยาอื่นพากันแซวว่า "นี่เรียนหมอจริงหรอ เห็นมีแต่ของกิน" แต่ถึงจะกินเยอะก็ไม่ต้องกลัวตังค์หมดน้า เพราะค่าครองชีพที่นี่ไม่แพง (เว้นแต่ว่าน้องกินทุกอย่างที่ขวางหน้าจริง ๆ ) อย่างร้านชานมไข่มุกร้านโปรดของพี่เนี่ย กำตังไป 40 บาทก็ได้กินชานมร้านดังของที่นี่แล้ว ส่วนห้างใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยมีทั้งเซนทรัล โลตัส บิ๊กซี และไดอาน่า ซึ่งส่วนใหญ่จุดหมายปลายทางของพวกเรามักจะเป็นเซนทรัลนี่แหละ หลายครั้งก็บังเอิญเจอเพื่อนที่นั่น จับโป๊ะเพื่อนที่นั่นก็มี ใครอยากสืบสถานะของเพื่อนก็ไปสืบกันได้ที่นี่นะจ้ะ

          การเดินทางในเมืองหาดใหญ่สามารถทำได้ตั้งแต่ สองแถว ตุ๊ก ๆ เรียกแกร๊บ ให้เพื่อนขับรถไปส่ง หรือกระทั่งเดินไปก็ยังได้ (ไม่ได้พูดเล่น มีเพื่อนพี่เดินไปจริง ๆ ถ้าน้องทนแดดได้ดีเหมือนสีทนได้ก็เอา!!) ด้วยความที่หาดใหญ่เป็นแหล่งรวมของกิน ดังนั้นภายในรัศมี 3 กิโลเมตรจากมหาลัยก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ และทุก ๆ อย่างเพียงพอให้พวกเราอยู่ได้แล้ว เรื่องกินนี่พูดเท่าไหร่ก็คงไม่หมด ไว้ให้น้อง ๆ มาดูด้วยตัวเองละกันนะ

 

ภาพ : โชติพจน์ ลิมปสุรัติ

 

แนะนำสถานที่ต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย

มาถึงจุดนี้แล้ว เดี๋ยวพี่มาแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในมหาลัยหน่อยดีกว่า เริ่มกันที่

1. หอสมุดคุณหญิงหลง

อากาศมันอบมันอ้าวแบบนี้ แนะนำให้มาที่นี่เลย น้องจะเหมือนได้ไปอยู่ขั้วโลกเหนือทันที เพราะแอร์ที่นี่เย็นมาก ๆ เปิดเหมือนมหาวิทยาลัยผลิตไฟฟ้าใช้เองเลยอ่ะ หอสมุดนี้มีที่ให้เราไปสิงสถิตอยู่ทั้งหมด 4 ชั้นหลัก ๆ โดยจะมีทั้งโซนหนังสือ โซนคอมพิวเตอร์ ห้องประชุม และ ห้องดูหนังที่มีบริการเน็ตฟลิกซ์ฟรี! ใครเบื่อ ๆ ว่าง ๆ ก็มานอนดูซีรี่ส์ตากแอร์สบาย ๆ กันได้นะจ๊ะ

2. อ่างเก็บน้ำรูปหัวใจ ม.อ.

เดอะเบสท์สถานที่พักผ่อนหย่อนใจคงเป็นที่นี่เลย อ่างเก็บน้ำที่มีวิวภูเขาด้านหลัง วิวมหาวิทยาลัยด้านหน้า ในช่วงเช้าและช่วงเย็นคนนิยมออกมาวิ่งรอบอ่างกัน ด้วยทิวทัศน์ที่สวยซะเหลือเกินทำให้วิ่งไปเพลิน ๆ ไม่เบื่อเลยแหละ  ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตกดินส่องแสงสะท้อนผิวน้ำนี่ แหมมันน่าพาใครสักคนมานั่งดูด้วยกันจริง ๆ ส่วนชื่อที่บอกว่าเป็นรูปหัวใจ อันนี้ให้น้อง ๆ มาลองดูกันเองดีกว่าว่าจะเป็นหัวใจจริงไหม

3. โรงช้าง

อย่าบอกใครเขา ว่ารักของเราเกิดขึ้นที่โรงช้าง หึ้ยยยย มาถึงอีกสถานที่สำคัญของชาว ม.อ. สถานที่นี้ไม่ได้เลี้ยงช้าง ขายช้าง หรือแสดงกายกรรมช้าง และไม่ได้มีช้างอยู่แต่อย่างใด แต่ที่นี่คือโรงอาหารของมหาวิทยาลัยนั่นเอง ด้วยความที่อยู่ใกล้กับหอพักและอาคารเรียน ทำให้มีคนมาที่นี่เป็นจำนวนมาก

 

          ระยะเวลา 1 ปีที่พี่ได้มาอยู่ที่นี่ทำให้พี่ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมาก ๆ ได้เปิดโลกใหม่ ๆ พบเจอกับอะไรต่าง ๆ มากมาย มหาวิทยาลัยทำให้เรารู้ว่าเราก็เป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ คนนึงในโลกที่กว้างขวางแห่งนี้ ชีวิตของน้อง ๆ จะเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากได้ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ หลาย ๆ อย่างที่เราเคยชินสมัยเรียนมัธยมก็จะเปลี่ยนไป ทั้งการเรียน การทำงาน และสังคม แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดีนะ มหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสน้อง ๆ สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ น้องจะได้ก้าวเข้าสู่การบริหารงานที่ใหญ่ขึ้น น้องจะมีอำนาจมากขึ้น น้องสามารถรังสรรค์สิ่งต่าง ๆ ที่น้องอยากให้มีอยากให้เป็นได้ สิ่งต่าง ๆ ที่น้องจะได้เรียนรู้จากที่นี่จะเป็นสิ่งที่นอกเหนือจากการเรียนจากตำราในแบบเดิม ๆ อย่างสิ้นเชิง ทักษะต่าง ๆ ที่สำคัญมากสำหรับยุคนี้ น้องจะได้รับมันจากที่นี่แหละ

 

          ชีวิตมหาลัยยังมีอะไรอีกมากให้ได้พบเจอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่เล่าไปก็เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้น มหาวิทยาลัยจะทำให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้ชีวิตในแบบที่เรียกได้ว่าครบรสกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงชีวิตนี้ก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดแล้ว มหาวิทยาลัยจะหล่อหลอมในน้องกลายเป็นคนที่มีความพร้อมในการออกไปใช้ชีวิตในอนาคตอย่างแน่นอน ในอนาคตอีก 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี เราจะทำงานอะไร เราจะมีฐานะแบบไหน มันจะถูกกำหนดภายในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีนี้เองนะ พี่อยากให้น้อง ๆ ให้ความสำคัญกับมันให้มาก ๆ  เลือกเดินตามความฝันของตัวเอง อดทนและพยายามเพื่ออนาคตของตัวเองนะ สุดท้ายนี้พี่ขอฝากไว้ว่า คุณครูสอนให้รักในความรู้ แต่ถ้าลองมาเรียนหมอดูพี่จะสอนให้รู้ในความรักครับ… ล้อเล่นนนนนน ฮ่า ๆ สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่ฝันอยากเข้ามาเรียนที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคณะแพทย์หรือคณะอื่น ๆ ก็ตาม พี่ขอให้น้อง ๆ ได้เข้าคณะที่น้อง ๆ หวังไว้นะค้าบ หรือถ้าใครยังไม่มั่นใจก็อย่าลืมเก็บที่นี่ไว้ในใจด้วยเนอะ

 

          แล้วมาเจอกันที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์นะครับ

 

เรื่อง : โชติพจน์ ลิมปสุรัติ

Tags
Posted by
Plook TCAS
ข่าวค่ายและกิจกรรม
ข่าวรับตรงล่าสุด
Follow us