หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่า “การสอบติดได้ที่เรียนเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น” พี่ขอยืนยันเลยว่า ประโยคนี้คือเรื่องจริง เพราะชีวิตนักศึกษาที่ต้องเจอหลังจากนี้มีอะไรท้าทายอีกเยอะ น้อง ๆ หลายคนบอกเรียนมัธยมเพื่อสอบติดมหาวิทยาลัยนั้นยากมาก แต่ความจริงแล้วการเรียนในมหาวิทยาลัยหลังจากนั้นยากยิ่งกว่า รวมไปถึงชีวิตในสังคมมหาวิทยาลัยและเรื่องราวต่าง ๆ ที่ต้องพบเจออีก ทุกอย่างคือบททดสอบขั้นแรกของการเป็นผู้ใหญ่ที่น้อง ๆ ต้องเจอและต้องผ่านไปให้ได้ เพื่อประคองตัวเองให้เรียนจบตามเกณฑ์ ซึ่งจะทำได้ไหมนั้นคือความท้าทาย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นไปศึกษาเพื่อเตรียมรับมือกันเลย
ชีวิตนักศึกษาเป็นขั้นแรกของการปรับตัวเพื่อเรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่น้อง ๆ จะได้เรียนรู้จักการช่วยเหลือตัวเองในหลายรูปแบบ ทุกเรื่องในชีวิตประจำวันที่เคยมีคนทำให้ หลังจากนี้จะต้องเปลี่ยนมาทำเอง โดยเฉพาะเด็กหอที่ต้องบริหารจัดการชีวิตตัวเองหลายขึ้นตอนเป็นพิเศษ รวมถึงการเรียนต่าง ๆ ก็ต้องมีสติ ไม่มีใครมาคอยเตือนแต่ต้องเป็นตัวเราที่เตือนตัวเอง ไม่ว่าจะเจอปัญหาตลอดการเรียนในรูปแบบไหนก็ตาม ทุกคนต้องรู้จักแก้ปัญหาด้วยตัวเองให้เป็น สรุปง่าย ๆ ว่า ชีวิตจะเปลี่ยนไปจากการมีคนคอยช่วย กลับกลายเป็นเราต้องเรียนรู้การช่วยเหลือตัวเอง จากความรับผิดชอบที่มากขึ้น
เรื่องเงินทองสำคัญ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญชีวิต เมื่อเราเริ่มชีวิตนักศึกษา หลายครอบครัวให้เงินก้อนมาแบบรายเดือน น้องต้องหาวิธีบริหารการใช้เงินยังไงให้พอตลอด 1 เดือนนี่คือเรื่องที่ควรทำให้ได้ โดยเฉพาะเด็กหอที่ต้องวางแผนมากขึ้นไปอีก เงินรายเดือนหนึ่งก้อนที่พ่อแม่ให้มา ต้องแบ่งออกไปจ่ายทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่ากินเที่ยวเล่น ค่าอุปกรณ์ทำงาน ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงิน นี่คือการทดสอบความสามารถในการจัดการชีวิตหนึ่งเรื่องสำคัญ ที่ชีวิตการเป็นนักศึกษาต้องวางแผนให้ได้ และน้อง ๆ ทุกคนต้องเจอบททดสอบเรื่องนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
การเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นต่างออกจากวัยมัธยม ที่มีคุณครูคอยควบคุมดูแล มีหัวหน้าห้องที่รับหน้าที่หลักแทนเพื่อน ๆ ในหลายเรื่อง แต่ชีวิตนักศึกษาทุกอย่างจะพลิกกลับกันหมด น้องต้องเริ่มทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่การควบคุมตัวเองยังไงให้มีความรับผิดชอบในการเข้าเรียน อดทนทำโปรเจคให้ได้คุณภาพตามที่อาจารย์สั่ง วางแผนการเตรียมสอบยังไงให้ได้ความรู้ครบ พร้อมรบในห้องสอบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักสอบเป็นข้อเขียน ไม่มีอีกแล้วการทำข้อสอบแบบปรนัย เกรดทุกวิชาต้องแลกมาด้วยความตั้งใจและเข้าใจเนื้อหาจริงๆ ซึ่งวัยนี้ต้องบอกเลยว่าเรื่องเที่ยวเล่นต้องมาแน่ ความสนุกต่าง ๆ รายล้อมเราเต็มไปหมด แต่เราจะควบคุมและเตือนสติตัวเองอย่างไร ให้เล่นสนุกแต่ยังมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งทำผลการเรียนออกมาได้ดี ที่สำคัญคือเรียนจบได้ตามเกณฑ์ ซึ่งพี่ขอคอนเฟิร์มเลยว่า เรื่องนี้เจอแน่ ๆ ล้านเปอร์เซ็นต์
ก้าวเข้าไปเป็นผู้ใหญ่ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับความกดดัน ชีวิตนักศึกษาคือก้าวแรกของการเจอความกดดัน ที่มาจากหลายเรื่องในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องเรียนที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ กดดันลุ้นทุกเทอมว่า เกรดแต่ละวิชาเราจะผ่านหรือติดเอฟ โดยเฉพาะน้อง ๆ ที่เรียนในคณะที่การได้คะแนนมาจากการทำโปรเจค กว่าจะคิดโปรเจคออกมาได้แต่ละอย่างก็หัวแทบระเบิด คิดออกก็ต้องกดดันอีกว่าอาจารย์จะให้ผ่านไหม แถมยังมีเรื่องขาดกำลังใจในการเรียนอีก นอกจากนี้ยังมีความกดดันจากทุกสิ่งรอบตัว ทั้งจากตัวเราเองรวมทั้งคนอื่น ไม่ว่าจะการคาดหวังจากครอบครัว, สังคมและเพื่อน ทุกเรื่องราวแปรสภาพเป็นแรงกดดันให้เราได้หมด สิ่งที่น้องต้องทำให้ได้คือ จะจัดการกับความกดดันที่เข้ามายังไง ให้ผ่านพ้นได้จนเรียนจบ
อย่างที่เรารู้กันดีว่ามหาวิทยาลัย เป็นแหล่งรวมคนจากหลากที่เข้ามาอยู่รวมกัน ทุกคนต่างนิสัยต่างที่มากัน เมื่อมาอยู่รวมกันเป็นสังคมใหญ่ก็ต้องมีการปรับตัว สิ่งแรกที่เราต้องเจอคือปรับตัวให้เข้ากับสังคมเพื่อน เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ทำงานด้วยกัน บางคนกินอยู่ด้วยกันเป็นรูมเมท ต้องบอกเลยว่า ชีวิตนักศึกษาน้อง ๆ จะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนแทบจะตลอด เรียกว่าอยู่ด้วยกันทั้งตอนเรียนและตอนเล่น ซึ่งจะอยู่ด้วยกันต้องก็ต้องปรับจูนเข้าหากัน นอกจากนี้ยังต้องปรับตัวกับสังคมมหาวิทยาลัย ที่ไม่เหมือนสังคมรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนที่มักรู้จักกันได้ง่าย แต่มหาวิทยาลัยนั้นนักศึกษามักจะสนิทกันในคณะมากที่สุด พอต่างคณะกันความสนิทก็น้อยลง แต่เราจำเป็นต้องอยู่ให้กลมกลืนกับสังคมมหาวิทยาลัยให้ได้ กฎระเบียบ ธรรมเนียมปฏิบัติต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ได้
การเป็นนักศึกษาคือบททดสอบที่จะทำให้น้อง ๆ ได้สัมผัสกับความผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นการคาดหวังความสัมพันธ์ของเพื่อน ที่เราคิดว่าดีแต่สุดท้ายเรื่องราวอาจจะพลิกก็ได้ ยังรวมไปถึงความรักในวัยเรียนอีกด้วย (เราต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า มันก็คงต้องมีกันบ้าง ฮ่า ๆ) นอกจากนี้ยังมีเรื่องเรียนอีก ไม่ว่าจะเป็นเกรดที่ไม่เป็นไปตามใจ ผลงานที่ไม่ได้รับการยอมรับจากอาจารย์ ความเครียดต่าง ๆ ที่เกิดจากการตั้งความหวังในการเรียนมากจนเกินไป เมื่อสุดท้ายไม่เป็นไปตามนั้นก็ทำให้หลายคนผิดหวัง โดยเฉพาะคณะที่เรียนยาก ๆ ก็จะเครียดกดดันมากเป็นพิเศษ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เกิดขึ้น น้อง ๆ จะต้องได้เจอแน่นอน ส่วนใครจะได้บเจอแบบไหนก็ต้องรอลุ้นกันเอาเอง ที่สำคัญคือเมื่อไหร่ที่ผิดหวัง อย่าลืมตั้งสติ แล้วให้คิดว่าทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ได้
เมื่อเริ่มเรียนจนขึ้นชั้นปีสูง ๆ ต้องเริ่มคิดเรื่องอนาคตหลังจากเรียนจบได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเรียน 4 ปี ช่วงเวลาที่นักศึกษาจะต้องวางแผนเพื่ออนาคตมักจะเริ่มตอนชั้นปีที่ 3 ช่วงนี้เป็นเวลาที่ต้องเริ่มถามตัวเองว่า จบไปแล้วเราอยากเห็นตัวเองเป็นยังไง ทำงานประเภทไหน ทำงานตามสายที่เรียนอยู่หรือจะฉีกออกไปอีกทาง ภาวะแห่งความคิดมากเรื่องอนาคตจะเริ่มกันตอนนี้ เพราะทุกอย่างสอดคล้องกับการต้องเลือกบริษัทเพื่อไปฝึกงาน อยากทำอะไรสนใจแบบไหนก็มักจะอยากไปฝึกแบบนั้น หลังฝึกจบแล้วก็กลับมามุ่งมั่น เคร่งเครียดกันต่อกับ Thesis จบ คราวนี้แหละบททดสอบที่ยากที่สุดของจริงมาถึงแล้ว ต้องคิดให้รอบคอบว่า ความสามารถของเราทำเรื่องไหนถึงจะเรียนจบตามเกณฑ์ และต่อยอดอนาคตในการทำงานได้ ถ้าคิดได้แบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก รวมทั้งความเครียดในระหว่างทำอีก และนี่คือความท้าทายที่เราต้องเจอแน่ เพราะนี่คือบททดสอบสุดท้ายที่หินที่สุดในชีวิตนักศึกษานั้นเอง
พี่ปลูก