หลาย ๆ คนอาจจะยังสงสัยเรื่องศาสตร์ของกายภาพบำบัดว่าตกลงแล้วเรียนอะไรกันแน่ เป็นแค่การกายภาพคนโดยใช้การนวดแค่นั้นหรือไม่ ในบทความนี้ “พี่พีเจ้น” วงศ์หิรัณย์ พีรกิตติกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จะมาไขข้อสงสัยให้น้อง ๆ และเจาะลึกการเรียนคณะกายภาพบำบัดกันค่ะ
กายภาพบำบัดเป็นสายวิทย์สุขภาพ เลยมีตลาดแรงงานรองรับ เพราะว่าประเทศเรากำลังจะเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ เทคโนโลยีต่าง ๆ ก็มีมากขึ้น เพื่อให้มนุษย์ได้รักษาสุขภาพของตนเองให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งเรื่องของการใส่ใจเรื่องของสุขภาพกำลังเป็นเทรนปัจจุบันของสังคม ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เราเลยมองคณะกายภาพบำบัดเป็นส่วนหนึ่งในทางเลือกที่ดี
คณะนี้ไม่มีสาขาแยก เพราะถือว่าเป็นคณะใหญ่คณะหนึ่งเลย ปกติแล้วมหาวิทยาลัยอื่นจะเป็นสาขาอยู่ในคณะเทคนิคการแพทย์หรือสหเวชศาสตร์ เท่าที่ทราบคือมีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯและมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ศาสตร์ของการกายภาพบำบัดแยกออกมาเป็นคณะเลย
ในคณะนี้ในภาพรวมจะเรียนเรื่องของการออกกำลังกายเพื่อการรักษา โดยเน้นเรื่องการใช้เทคนิคทางกายภาพเพื่อการรักษา กายภาพบำบัดเป็นวิชาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ มีหน้าที่ส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงจิตใจที่ผิดปกติ โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ และเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางกายภาพบำบัดที่เกิดจากสภาพและภาวะของโรคในทุกช่วงวัย
ตอนปี 1 ก็มีการเรียนพวกวิชาพื้นฐานทั่วไปซึ่งเรียนเหมือนกันทุกคณะที่เป็นสายวิทย์ อย่างพวก ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา แต่ที่เป็นวิชาคณะเลยจะมีวิชา Anatomy คือการเรียนเกี่ยวกับร่างกาย มีการผ่าอาจารย์ใหญ่เพื่อดูลักษณะของกล้ามเนื้อและการวางตัวของกล้ามเนื้อ พวกกระดูกต่าง ๆ พวกเส้นเอ็น เส้นประสาทด้วย มีวิชาที่เรียนพื้นฐานของกายภาพบำบัดตั้งแต่พื้นฐานเช่น กายภาพบำบัดคืออะไร มีการเรียนพวกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เราเรียกว่าวิชามูลฐานกายภาพบำบัด
ส่วนพอขึ้นมาตอนปี 2 มีการเรียนเกี่ยวกับชีวกลศาสตร์และจลนศาสตร์พื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราขยับแขน หัวไหล่เรามีการทำงานอย่างไรบ้าง ข้อต่อต่าง ๆ ทำงานอย่างไรบ้าง เป็นการเคลื่อนไหวของกระดูกเวลาเราขยับร่างกาย นอกจากนั้นยังมีการเรียนเรื่องของการตรวจประเมินร่างกาย มีการวัดองศาการเคลื่อนไหว ตรวจกำลังกล้ามเนื้อ และการตรวจประสาทสัมผัส
มีวิชาสรีรวิทยา เป็นวิชาที่เกี่ยวกับกลไกการทำงานของร่างกายของเรา ยกตัวอย่างเช่น การที่หัวใจเราเต้นหนึ่งครั้งประกอบด้วยปัจจัยอะไรบ้าง หรืออย่างการหายใจเราหายใจเข้าไปหนึ่งครั้ง และแรงดันข้างในทำงานอย่างไร ตอนปีสองยังมีการเรียนเรื่องของ Anatomy ต่อจากปีหนึ่งด้วย แต่ในปีสองจะเรียนพวกอวัยวะภายในพวกหัวใจ ปอด ตับ ไต ไส้ กระเพาะ สมองต่าง ๆ
ปี 2 เทอม 2 มีการเรียนเรื่องการรักษาด้วยความร้อน จะเป็นเทอมที่เรียนวิชาคณะเข้มข้นมากขึ้น การรักษาด้วยความร้อนเราจะเรียนการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Ultrasound เพื่อรักษาผู้ป่วย มีเรียนการนวดเพื่อการรักษา เป็นวิชาที่ใช้ร่างกาย ใช้มือของเราเองในการนวดเพื่อรักษาคนไข้ในเคสต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป เช่น การนวดเพื่อลดบวมและการนวดในกลุ่มอาการต่าง ๆ เช่น Office Syndrome ที่พนักงาออฟิสเป็นกันเยอะเพราะว่าต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
ส่วนในปี 3 - 4 เรียนพวกเทคนิคการรักษาที่ลงลึกและยากมากขึ้นแต่เราสามารถนำไปใช้ได้จริง เช่น การดัดดึงกระดูกข้อต่อ การกระตุ้นด้วยไฟฟ้าเพื่อชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ เรียนพวกโรคในทรวงอกต่าง ๆ เป็นต้น
ส่วนมากคือแทบไม่ได้เที่ยวเลยเพราะเรียนหนัก และต้องอ่านหนังสือด้วย แต่ถ้าแบ่งเวลาอ่านหนังสือดี ๆ ก็ยังมีเวลาไปพักผ่อนหรือไปเที่ยวช่วงวันหยุดอย่างวันเสาร์หรือวันอาทิตย์บ้างเล็กน้อย เราจะได้ไม่เครียดมากเกินไปเวลาอ่านหนังสือสอบ แนะนำว่าเราอย่าไปกดดันตัวเองมาก เพราะเราจะทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ส่วนใหญ่เน้นการตั้งใจเรียนในห้องมากกว่า มีการจดโน้ตเป็นของตัวเองไว้ แล้วเอามาอ่านทบทวนช่วงสอบอีกรอบนึง ทำให้เราเข้าใจได้มากขึ้น
เคยไปของคณะเภสัช ตอนไปมีกิจกรรมให้ลองดูเชื้อแบคทีเรีย ย้อมสี และมีการทำเจลล้างมือซึ่งถือว่าเป็น universal precaution เป็นการป้องกันทั่วไป แต่เราก็รู้สึกว่าเราไม่ชอบขนาดนั้นถึงแม้ว่าคนส่วนมากรอบตัวเราจะรู้สึกว่าคณะเภสัชดีกว่า และจบไปสามารถบรรจุอยู่ในตำแหน่งข้าราชการได้มากกว่าการเรียนกายภาพบำบัด แต่เราก็สนใจด้านการดูแลรักษาสุขภาพและร่างกาย การไป open house เลยทำให้เราได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเราควรเข้าสายที่เจาะจงไปในทางที่เราชอบเลย ถ้าเราไม่อยากเบื่อหน่ายกับการเรียน เราเลยตัดสินใจเลือกคณะกายภาพบำบัดเพราะการไป open house ต่างคณะเป็นเหตุผลนึงด้วย
สิ่งที่ชอบที่สุดในการเรียนของเราคือการได้นำวิชาที่เรียนไปใช้จริง สิ่งที่เราชอบคือการไปลงพื้นที่ชุมชน เราจะเอาวิชาการตรวจร่างกายและตรวจประเมินมาประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ที่เราไปลง มีการตรวจวัดความดัน อันตราการหายใจ ชีพจรต่าง ๆ เป็นกิจกรรมที่เราชอบมากเพราะว่าเราได้ไปสัมผัสผู้ป่วยจริง ๆ เหมือนกับการที่เราได้ลองออกไปทำงานเบื้องต้นภายนอกมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรียนรู้แต่ภายในห้องเรียนเท่านั้น
เราคิดว่าการจำเรื่องของวิธีการรักษาและกลไกของโรคนั้นค่อนข้างที่จะท้าทาย เพราะว่าเนื้อหาเยอะและก็เข้าใจยาก ยิ่งลงลึกแล้วเนื้อหาก็จะยากขึ้นไปด้วย
สายตรงเลยคือเป็นนักกายภาพบำบัดในโรงพยาบาลหรือในสโมสรนักกีฬาต่าง ๆ ทางอ้อมก็มีการไปเป็นอาจารย์สอนเรื่องของกายภาพบำบัด สามารถสอนได้ทั้งสรีรวิทยาและกายวิภาคแต่ต้องต่อปริญญาโทเท่านั้น ถ้าจบปริญญาตรีก็จะเป็นนักกายภาพไปเลย
อยากให้น้อง ๆ คิดดี ๆ ว่าชอบคณะนี้จริงหรือไม่ เพราะก็มีบางคนที่รู้สึกเหนื่อยและก็ย้ายคณะออกไปเรียนคณะอื่นเพราะว่าเข้ามาแบบไม่ได้ชอบจริง ๆ บางคนก็เรียนไม่ไหวเพราะเนื้อหามันค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าน้องมั่นใจว่าน้องชอบด้านนี้พี่แนะนำให้ดูเกณฑ์การรับของมหาวิทยาลัยที่เราต้องการให้ดี ๆ และพยายามตั้งใจทำให้ถึงหรือเกินกว่าเกณฑ์ให้ได้ครับ ตอนช่วงเรียนมัธยมก็มีติวพิเศษเพื่อเตรียมตัวเข้าสอบ ในวิชา GAT PAT 1 และ PAT 2 ติว ทบทวน และทำโจทย์ พี่มั่นใจว่าน้อง ๆ สามารถทำได้ครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
คณะกายภาพบำบัด (Faculty of Physical Therapy)
หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (กายภาพบําบัด) Bachelor of Science (Physical Therapy)
มุ่งผลิตนักกายภาพบำบัด ผู้ทำหน้าที่ตรวจและวินิจฉัย รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของผู้ป่วยที่มีปัญหาทางการเคลื่อนไหว อันเนื่องมาจากโครงสร้างร่างกาย ตลอดจน ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันปัญหาสุขภาพในคนทุกวัย โดยมีหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยส่งเสริมให้นักศึกษาเข้าใจหลักการทางทฤษฏีและการเรียนรู้ทักษะการปฏิบัติทางคลินิก ทั้งในห้องปฏิบัติการและจากการฝึกงานจริง นอกจากนี้ยังเสริมหลักสูตรเพิ่มเติมให้นักศึกษาตามความถนัด เช่น กายภาพบำบัดในเด็กพิการ กายภาพบำบัดทางการกีฬา การส่งเสริมสุขภาพและความงาม
โอกาสในการทำงาน
- นักกายภาพบำบัดประจำโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน
- ธุรกิจส่วนตัว เปิดคลินิกกายภาพบำบัด
- นักกายภาพบำบัด ในสถานออกกำลังกาย สถานเสริม ความงาม หรือประจำทีมกีฬา
ข้อมูลการสอบเข้า
- สอบตรง วิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
- ใช้คะแนน O-NET + GAT + PAT 2
- ใช้คะแนน O-NET + 9 วิชาสามัญ (ไทย, สังคม, อังกฤษ, คณิต 1, ฟิสิกส์, เคมี และชีวิทยา)
ติดต่อสอบถาม
คณะกายภาพบำบัด ชั้น 4 อาคารเรียน
โทรศัพท์ 02-3126300-79 ต่อ 1162, 1172 โทรสาร 02-3126413
Website: http://pt.hcu.ac.th
E-mail: pthcu.org@gmail.com
เรื่อง : พิชญา วัชโรดมประเสริฐ