Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา
Education > TCAS > บทความ
เรียนดี กิจกรรมเด่น แบ่งเวลาอย่างไร

  Favorite

น้อง ๆ หลายคนอาจจะคิดว่าการทำกิจกรรมทำให้การเรียนของเราเสียหายเลยไม่กล้าที่จะทำกิจกรรม เน้นการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้ว “พี่พิงค์” เชื่อว่าเราควรแบ่งเวลาให้ทั้งการเรียนกับกิจกรรมควบคู่กันไปเพราะจริง ๆ แล้วการทำกิจกรรมให้อะไรมากกว่าที่เราคิดเยอะเลยล่ะค่ะ ในบทความนี้พี่พิงค์ได้นำพี่ ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นคนที่ “เรียนดี กิจกรรมเด่น” ทั้งหกคนจากรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาแนะนำให้น้อง ๆ ได้รู้จักกัน มาดูกันค่ะว่าพี่ ๆ เค้าทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง การเป็นเด็กกิจกรรมนั้นมีข้อดีอย่างไร และพี่ ๆ มีเทคนิคอะไรในการแบ่งเวลาให้ทั้งการเรียนและกิจกรรมอย่างเหมาะสมกันค่ะ

 

คนแรกที่พี่พิงค์จะแนะนำให้รู้จักนั่นก็คือ

“พี่ปอนด์” กิตินันท์ บุญระวี นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ชั้นปีที่ 4

บรรยากาศการเรียนของคณะ

เราเรียนคณะวิศวะกรรมศาสตร์ และเราก็อยู่ภาคไฟฟ้า บรรยากาศการเรียนจะเป็นพวกเลคเชอร์ เรียนพวกทฤษฎีเยอะและค่อนข้างมีการสอบย่อยบ่อยคือ สอบทุกอาทิตย์ และก็มีทำแลปบ้างเทอมละตัว

กิจกรรมที่ทำในมหาวิทยาลัย

กิจกรรมที่ทำก็จะเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ปีหนึ่งทำพวกการถ่ายภาพทั่วไปในคณะ พอขึ้นปีสองเราก็เข้ามาในชมรมการถ่ายภาพหรือ CU PHOTO CLUB ปีสามเราก็ทุ่มเทให้กับกิจกรรมของชมรมล้วน ๆ ซึ่งเราก็เป็นประธานชมรมปีที่แล้วด้วย CU PHOTO CLUB เป็นชมรมถ่ายภาพ สมาชิกแต่ละคนก็มีใจรักในการถ่ายภาพทั้งนั้น ไม่เกี่ยวว่าถ่ายเก่งไม่เก่ง มีพื้นฐานหรือไม่มีพื้นฐาน ขอแค่มีใจรักในการถ่ายภาพก็สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชมรมได้ กิจกรรมของชมรมก็จะเป็นพวก การไปถ่ายภาพแบบ one-day trip, มี advance lecture จากช่างภาพเก่ง ๆ มาแนะนำเทคนิคการถ่ายภาพ, และก็มีพวกค่าย เพื่อเสริมทักษะการถ่ายรูปของมหาวิทยาลัย
 

พี่ปอนด์ ภาพโดย พิชไนย ฐิติภากร

 

พี่ปอนด์ ภาพโดย สิริวิริญญ์  นราสวัสดิ์

 

พี่ปอนด์ ภาพโดย ปฐวี ขจรสิทธินพคุณ

 

พี่ปอนด์ ภาพโดย ธนภัทร ทวีศุภพงษ์

 

พี่ปอนด์ ภาพโดย วรรณษา เศรษฐพิทยากุล

 

พี่ปอนด์

 

พี่ปอนด์ ภาพโดย กานต์ จีนเมือง

 

การแบ่งเวลา

หน้าที่หลักของเราคือเรียนอยู่แล้ว เราเลยแบ่งเวลาให้เรื่องเรียนก่อนเป็นอันดับแรก การเรียนต้องมาก่อนกิจกรรม เพราะการเรียนมันเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตนิสิต แต่สองสิ่งที่เราต้องใช้เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำงานในอนาคตนั่นก็คือทั้งกิจกรรมและวิชาการ งานอดิเรกอื่น ๆ ของเราก็เช่น การเล่นฟุตบอล ออกกำลังกาย อ่านหนังสือนอกห้องเรียน หนังสือที่เราสนใจส่วนมากจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี

ข้อดีของการเป็นเด็กกิจกรรม

อย่างแรกคือเราได้ความสามารถในการ “ย่อยของยากให้เป็นของง่าย” คือเราทำงานกับคนหลายคณะ และแต่ละคนก็เข้าใจไม่เหมือนกัน เราต้องทำให้คนอื่นเข้าใจเหมือนกับเรา อีกอย่างหนึ่งคือคอนเนคชั่นที่ไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์แต่เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนแนวคิดมากกว่า

อยากแนะนำอะไรน้อง ๆ ในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

ในมหาวิทยาลัยสำคัญอยู่สองอย่างคือ เรื่องความรับผิดชอบกับเรื่องการบริหารเวลา ถามตัวเองว่าความรับผิดชอบหลักคืออะไร นอกจากนั้นมันก็มีพื้นที่ต่าง ๆ ที่เราสามารถใช้ลองสิ่งที่เราชอบ แล้วถามตัวเองต่อว่าเราต่อยอดจากสิ่งที่เราชอบได้หรือเปล่า ถ้าเราชอบเราก็ทำและบางทีมันก็เปลี่ยนชีวิตเราได้เลย

 

ส่วนคนที่สองที่พี่พิงค์จะพาไปทำความรู้จักก็คือ

“พี่ไข่มุก” ไข่มุก อินทรวิชัย นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 

บรรยากาศการเรียนของคณะ

มีทั้งเรียนและทำกิจกรรม แต่กิจกรรมค่อนข้างเยอะกว่าคณะอื่นเพราะเป็นคณะที่เราได้ความรู้จากการลงมือปฏิบัติ บรรยากาศสนุกสนาน มีการทำงานร่วมกันทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ในหนึ่งกิจกรรมก็มีหลายตำแหน่งซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำ มีทั้งวิชาพื้นฐานและก็วิชาเจาะลึกในแต่ละแขนงของการสื่อสารค่ะ

กิจกรรมที่ทำในมหาวิทยาลัย

งานส่วนมากของเราจะเป็นการทำ PR ให้กับทางมหาวิทยาลัย มีทั้งของ CHULA EXPO คล้าย ๆ กับงานวิชาการ มีของ อบจ. ละครนิเทศฯ และก็ CU BAND ด้วย นอกจากนั้นก็มีไปทำเป็น copy writer ให้กับงาน “TED X CHULA” และเราก็ยังได้มีโอกาสเป็น บก. ของนิตยาสาร “CHU” ของมหาวิทยาลัย ตอนมีพวกเทศการละครเราก็ไปร่วมแสดงด้วย
 

พี่ไข่มุก

 

พี่ไข่มุก ภาพโดย sgcu camera

 

พี่ไข่มุก

 

พี่ไข่มุก

 

พี่ไข่มุก

 

พี่ไข่มุก ภาพโดย sgcu camera

 

พี่ไข่มุก

 

เวลาเรียน เวลาทำกิจกรรม เวลาเล่น หรืองานอดิเรกอื่น ๆ มีไหม เวลาเที่ยวเล่น แบ่งอย่างไร

เราจะยึดเรียนก่อนเป็นหลัก แล้วถ้าเราเห็นว่ามันมีเวลาพอไปทำกิจกรรมได้ เราก็เลือกที่จะทำ อย่างเช่นช่วงสอบเราก็อาจจะทำกิจกรรมลดน้อยลงมาหน่อย พยายามไม่ให้ชนกับเวลาเรียน แต่ส่วนใหญ่เค้าจะนัดประชุมตอนเย็นหลังเลิกเรียนเลยไม่ชนกับเวลาเรียน แต่มีช่วงงานบอลประเพณี มันชนกับเวลาเรียนเราต้องขอออกก่อน เราก็ต้องทำจดหมาย อธิบายให้อาจารย์เข้าใจ และต้องกลับมาตามกับเพื่อนว่าอาจารย์สั่งอะไรไปบ้าง และเราก็อีเมลไปถามอาจารย์หรือเพื่อนถ้าสงสัยในบทเรียนที่เราได้ขาดไป

ข้อดีของการเป็นเด็กกิจกรรม

เวลาทำกิจกรรมมันทำให้เรารู้ว่าเราชอบอะไรหรือเราไม่ชอบอะไร เวลาเราถามจากคนอื่นเค้าก็แค่บอกว่าแต่ละตำแหน่งทำหน้าที่อะไรเท่านั้น แต่เราไม่รู้หรอกว่าดีไม่ดีจนกว่าเราจะได้ลงมือทำจริง ๆ และเราก็จะรู้ด้วยว่าเราทำอะไรได้ดี เราก็เอามาต่อยอดได้ด้วย

อยากแนะนำอะไรน้อง ๆ ในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังจะเข้ามาปีหนึ่ง เราต้องเข้าใจว่ามัธยมกับมหาวิทยาลัยมันก็ต่างกัน บางคนคิดว่าการทำกิจกรรมทำให้การเรียนเสีย แต่ถ้าเราบริหารเวลาเป็นมันจะคุ้มค่ามาก ๆ เราอยากให้น้อง ๆ เปิดใจทำกิจกรรม มันเป็นการก้าวออกจาก comfort zone และเราจะสามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้ในอนาคต

 

คนที่สามที่จะพาไปรู้จักนั่นก็คือ

“พี่พร” พรชนก เขมปัญญานุรักษ์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปี 2

บรรยากาศการเรียนของคณะ

ตอนปีหนึ่งจะมีวิชาเกี่ยวกับการคำนวณ เรื่องแคลคูลัส มีวิชาบัญชี และมันก็จะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง เด็กบางคนก็รู้อยู่แล้วเรื่องพื้นฐาน แต่เราไม่รู้เลย เราก็ต้องอ่านเพิ่ม ปรับตัว จัดตารางอ่านหนังสือ ห้ามขี้เกียจ กิจกรรมในคณะจะเป็นชมรมกีฬาแทบทุกชนิดเลย มีชมรมทางวิชาการและการบำเพ็ญประโยชน์ด้วย

กิจกรรมที่ทำในมหาวิทยาลัย

เป็นคนหลัก ๆ ในการทำบ้านรับน้อง เราจะเรียกว่าเป็น “แม่บ้าน” ของบ้านรับน้องที่ชื่อว่า “บ้านโจ๋” คือตอนรับน้องของจุฬาฯ มันจะแบ่งการรับน้องเป็นบ้าน ๆ ไป น้อง ๆ ปีหนึ่งก็สามารถเลือกได้ว่าเราอยากเข้าไปอยู่ในบ้านไหน นอกจากนั้นเราก็ เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมของกรุ๊ปในบัญชี เป็นหัวหน้ากิจกรรมของชมรมวิ่ง และ PR ของ Mc of Chula หรือพิธีกรแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั่นเอง นอกจากนั้นก็มีการไปค่ายชมรมชื่อค่ายว่า “จุฬาสู่ชุมชน” เป็นค่ายสอนที่เน้นในการปลูกฝังให้เด็ก ๆ ให้ได้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก
 

พี่พร ภาพโดย First meet shirunning

 

พี่พร ภาพโดย First meet shirunning

 

พี่พร ภาพโดย First meet shirunning

 

พี่พร ภาพโดย CU nightrun

 

พี่พร

 

พี่พร ภาพโดย PR MC of Chula


การแบ่งเวลา

ช่วงเปิดเทอม เวลาเรียนตามตารางเรียนเราก็จะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ กิจกรรมส่วนใหญ่ที่มีตอนเย็นเราก็จะตั้งใจทำกิจกรรมอย่างเต็มที่เหมือนกัน เราต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ในช่วงเวลาของมัน

ข้อดีของการเป็นเด็กกิจกรรม

ข้อดีของการเป็นเด็กกิจกรรมคือเราจะได้คอนเนคชั่นแบบเยอะมาก ๆ อย่างที่สองคือได้ค้นพบมุมมองของตัวเอง เราไม่เคยทำ PR เลย พอได้เข้ามาทำเราก็เปิดมุมมองใหม่ของเราอีกมุมหนึ่ง PRเราเป็นเด็กบัญชีคนเดียวที่เหลือเป็นเด็กนิเทศ ตอนเข้ามาแรก ๆ ก็ไม่รู้จะทำได้ไหม แต่พอเข้าไปจริง ๆ ก็รู้ว่าเป็นเด็กบัญชีก็ทำได้ สามคือเราได้รู้จักวิธีการสร้างสมดุลระหว่างกิจกรรมกับการเรียน พอเราทำไปเรื่อย ๆ เราเริ่มจัดการเวลาเป็น และสี่คือเราได้รับประสบการณ์จากการทำกิจกรรม เมื่อเราโตขึ้นเราเชื่อว่าเราจะรับมือปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เคยทำกิจกรรมมาก่อน

อยากแนะนำอะไรน้อง ๆ ในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

อย่างแรกคืออยากบอกน้อง ๆ ว่ามหาวิทยาลัยมีสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ มีความรู้ที่มีค่า เราอยากให้น้อง ๆ ให้ใช้สิ่งเหล่านี้ให้ครบในชีวิตมหาลัย มันมีหลายสิ่งหลายอย่างให้เราได้รู้และทดลอง มหาวิทยาลัยมันเหมือนสนามเด็กเล่นให้ลองผิดลองถูก แต่พอออกไปแล้วเราไม่สามารถผิดเล็กผิดน้อยได้เลย ถ้ามีโอกาสก็อยากให้น้องคว้าเอาไว้ดีกว่า การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ขนาดเล็กไปเรื่อย ๆ เพื่อเติมเต็มตัวตนของเราให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้คนอื่นต่อไปได้

 

คนเก่งคนที่สี่ของเรานั่นก็คือ

“พี่พี” ปฏิพล อมรนฤมิต นิสิตคณะวิศวะกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 หลักสูตรนานาชาติ (ภาคการบิน)

บรรยากาศการเรียนของคณะ

มีการเรียนเป็นส่วนมากเลยจะเป็นเลคเชอร์ เราก็ต้องตั้งใจฟังอาจารย์ จดให้ครบ ส่วนมากคือต้องแบ่งเวลาไปอ่านหนังสือเองด้วยเพราะเวลาเรียนเราได้แก่นเฉย ๆ ถ้าเรียนแค่ในห้องมันไม่มีทางสอบผ่านอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องไปทำโจทย์เอาเองอยู่ดี

กิจกรรมที่ทำในมหาวิทยาลัย

เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ และก็มีทำบ้านรับน้อง การซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ถือว่าเราซ้อมกันหนักมาก ตอนปิดเทอมซ้อมวันปกติเริ่มซ้อมแปดโมงถึงห้าโมง พอใกล้ ๆ เปิดเทอมก็ซ้อมแปดโมงถึงสองสามทุ่ม เพื่อให้ทันวันที่มีงานต่าง ๆ และอย่างตอนเปิดเทอมมาเรียนเสร็จก็ไปซ้อมสี่โมงถึงห้าทุ่ม คือถือว่ามันเหนื่อยแต่มันก็คุ้มค่ามากถ้าเราบริหารตัวเองดี ๆ

 

พี่พี

 

พี่พี

 

พี่พี

 

พี่พี


การแบ่งเวลา

อันนี้แล้วแต่คนนะแต่เราชอบที่จะแบ่งเวลาเป็นเดือน ๆ ไปมากกว่า คือถ้าเดือนนี้เป็นเดือนของการทำกิจกรรมเราก็จะทำกิจกรรมให้เต็มที่มาก ๆ เวลาเรียนก็ตั้งใจเรียนแต่อาจจะไม่ได้ทบทวนเท่าไหร่เพราะเอาเวลามาทุ่มกับกิจกรรม แต่พอหมดช่วงที่ทำกิจกรรมแล้วเราก็จะกลับมาเรียนอย่างเดียว อ่านหนังสือทุกวันและอ่านหนักมาก ๆ เพื่อให้ทันกับช่วงเวลาสอบ

ข้อดีของการเป็นเด็กกิจกรรม

ได้รู้จักเพื่อนใหม่ และได้เป็นที่รู้จักของคนในคณะ ได้ at หรือคะแนนกิจกรรมด้วย ตอนทำบ้านรับน้องก็ได้การทำ process คือเวลาเราจะทำอะไร เราต้องรู้จักการทำงานอย่างเป็นระบบ เราก็ต้องมีแผนสำรองไว้ด้วย สมมุติถ้าฝนตกระหว่างทำกิจกรรมต้องย้ายน้องไปไหน เก็บกระเป๋ายังไง เป็นต้น นอกจากนั้นคือเราได้รู้จักการทำงานเป็นกลุ่ม ต้องทำงานกับอีกหลาย ๆ ฝ่าย เพื่อให้มันออกมาเป็นบ้านรับน้อง

อยากแนะนำอะไรน้อง ๆ ในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

ต้องแบ่งวเลาให้ถูก เราต้องรับผิดชอบตัวเองเพราะมันไม่เหมือนมัธยมศึกษา ไม่มีครูมาบังคับเราแล้ว เวลาเล่นคือเล่นเรียนคือเรียน จะทำให้เราใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

 

ต่อมาเรามาทำความรู้จักกับคนเก่งคนที่ห้าของเราดีกว่าค่ะ

“พี่หมอก” นงนภัส พัฒน์แช่ม นิสิตคณะครุศาสตร์ ชั้นปีที่ 5 

บรรยากาศการเรียนของคณะ

เราอยู่เอกดนตรี วิชาคณะเป็นเลคเชอร์อยู่แล้ว มีลงพื้นที่ไปฝึกงานบ้าง และก็มีไปฝึกสอนปีนึงด้วย แต่ยังไงก็ตามเอกดนตรีมันก็จะเน้นปฏิบัติมากกว่าเอกอื่น ๆ อยู่แล้ว

กิจกรรมที่ทำในมหาวิทยาลัย

แบ่งเป็นสามส่วนหลัก ๆ คือ เรื่องดนตรี เราเป็นสมาชิกชมรมดนตรีไทย คอยเล่นดนตรีเวลามีงานต่าง ๆ ส่วนที่สองคือเป็นเลขาของรุ่น และส่วนที่สามก็ทำงานพิธีกร ล่าสุดก็ได้ทำ mc of chula นอกจากนั้นเราก็เคยไปโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ลาวและเวียดนาม คือนักเรียนก็ไปแชร์วัฒนธรรมกัน นอกจากนั้นยังได้ไปเรียนรู้ประเทศอาเซียนผ่านกระบวนกิจกรรมที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นโครงการของจุฬาฯ ด้วย

 

พี่หมอก ภาพโดย MC of Chula

 

พี่หมอก 

 

พี่หมอก

 

พี่หมอก ภาพโดย MC of Chula

 

พี่หมอก

 

พี่หมอก ภาพโดย MC of Chula

 

พี่หมอก

 

พี่หมอก

 

การแบ่งเวลา

จะแบ่งเป็นสองส่วนคือ สิ่งที่ต้องทำจริง ๆ คือพวกการบ้าน กับสิ่งที่เราอยากทำเช่นเข้าฟิตเนส เล่นดนตรี กิจกรรม อ่านหนังสือนอกบทเรียน และพยายามทำสองอย่างให้เท่ากัน เราต้องลำดับความสำคัญให้เป็น นอกจากนั้นคือพี่มองเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ด้วย อย่างเช่น คาบนี้เราได้อะไร ไปกิจกรรมตรงนี้ได้อะไร สมมุติการเรียนเป็นเลคเชอร์ แต่กิจกรรมเป็นพิธีกรงานใหญ่ ๆ เราก็จะเลือกกิจกรรม และเราควรแบ่งเวลาให้การนอนด้วย แต่ก่อนเราเป็นคนทำงานหนักมากแล้วมันส่งผลเสียต่อสุขภาพ เรามือชาคิดอะไรก็ไม่ออกเลย มันทำให้เรานึกขึ้นได้ว่าเราควรที่จะทำเพื่อสุขภาพบ้าง เราทำงานหนัก เราก็ต้องพักผ่อนด้วย เราทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่เวลามันจะเอื้ออำนวย พี่เรียนหนักมากจริง ๆ เรียนภาษารัสเซียไปด้วยฝึกสอนไปด้วย แต่เคล็ดลับมันอยู่ที่การแบ่งเวลาให้ดี เราพยายามทำทุกอย่างตามเวลาของมัน และเวลาลงวิชาเรียนเราก็จะลงวิชาที่มันช่วยเสริมกัน ที่เนื้อหามันต่อยอดด้วยกันได้ พอเราบูรณาการหลาย ๆ วิชาเข้าด้วยกันแล้วเราก็ไม่เหนื่อยมาก

ข้อดีของการเป็นเด็กกิจกรรม

กิจกรรมก็เป็นการเรียนรู้อีกอย่างนึง เราได้เรียนรู้ทฤษฏีในห้องเรียน พอกิจกรรมที่เป็นภาคสนาม มันก็มีให้เลือกเยอะมาก เราก็สามารถเลือกได้ เราก็ได้เห็นอะไรที่หลากหลาย พี่เรียนครุศาสตร์ แต่จบมาทำงานรายการทีวีก็ได้มาจากกิจกรรมเนี่ยแหละ เรื่องของทุนการศึกษาก็ด้วย มันก็ต้องได้ทั้งเรียนและกิจกรรมถึงจะได้ทุนไม่ใช่เรียนอย่างเดียวแต่กิจกรรมคือไม่เอาเลย

อยากแนะนำอะไรน้อง ๆ ในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

รู้สึกว่าชีวิตในมหาลัยมีแค่สี่ห้าปีบางคนอาจจะหกปี เราไม่ได้เงินเดือนในการเรียน แต่เราเสียค่าเรียน มันมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เยอะมาก พี่ก็อยากจะให้น้อง ๆ ใช้ให้คุ้ม อะไรที่ไม่เคยทำ ตรงนี้เป็นโอกาสให้ลองแล้ว เราจะล้มจะพลาดก็ได้ พอเราเข้าสู่การทำงานจริง ๆ เราจะไม่ได้ทดลองล้มและลุกเหมือนกับตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว

 

และคนสุดท้ายที่พี่พิงค์จะพาแนะนำให้น้อง ๆ ได้รู้จักนั่นก็คือ

“พี่กร” ธีรธัช บัวมี นิสิตคณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 

บรรยากาศการเรียนของคณะ

ส่วนใหญ่เป็นการเรียนในห้องเรียน จดเลคเชอร์ จะพิเศษตรงที่มีประเพณี เรียกว่าประเพณี “เข้าเดือนออกเดือน” เข้าเดือนคือหนึ่งเดือนก่อนสอบนิสิตจะอ่านหนังสือสอบไม่ค่อยทำกิจกรรม เก็บตัว ส่วนออกเดือนเป็นช่วงที่มีกิจกรรมเล่นกันสนุกสนาน ไม่ได้เคร่งเครียดเท่ากับการเข้าเดือน แต่ช่วงเวลาอื่นก็มีกิจกรรมเยอะเหมือนกัน เช่นการแข่งกีฬา กิจกรรมทางวิชาการ การจัดค่ายอาสาที่ นิติสัมพันธ์จัดร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

กิจกรรมที่ทำในมหาวิทยาลัย

ปีหนึ่งเป็นเราก็ได้เป็นหัวหน้าชั้นปี หลัก ๆ คือการติดต่อประสานงานกับอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ในคณะ คอยจัดกิจกรรมที่ปีหนึ่งได้รับมอบหมายให้ทำ อย่างเช่น การทำเฟรชชี่เกมส์ คอยคุมสแตนเชียร์ ควบคุมการเดินพาเหรด พอมาปีสองเราก็เป็นผู้ช่วยรองหัวหน้านิสิตฝ่ายกิจการภายนอก ทำงานกับ อบจ. ซึ่งจะดูแลกิจกรรมส่วนกลางของมหาวิทยาลัย เช่น งาน CU FIRST DATE หรือ งานรับน้องก้าวใหม่เป็นต้น

 

พี่กร

 

พี่กร

 

พี่กร

 

พี่กร

 

พี่กร

 

พี่กร


การแบ่งเวลา

แบ่งช่วงเข้าเดือนออกเดือนตามคณะเลย คือหนึ่งเดือนก่อนสอบเราก็จะไม่ทำกิจกรรม อาจจะมีบ้างแต่ก็เป็นการประชุมนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ทำเยอะ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทบทวนตอนกลับบ้าน ตอนอยู่มหาลัยช่วงทำกิจกรรมก็ทำกิจกรรมให้เต็มที่ แบ่งเป็นเดือน ๆ ไปเลย เดือนนึงอ่านเดือนนึงทำกิจกรรม กิจกรรมนอกคณะก็มีชนบ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้กระทบอะไรมากเพราะทางคณะก็จะไม่มีกิจกรรมอยู่แล้วตอนช่วงใกล้สอบ

ข้อดีของการเป็นเด็กกิจกรรม

รู้จักคนเยอะขึ้น ฝึกการแก้ไขปัญหา เวลาเราเจอปัญหาที่เราไม่คาดคิดมันก็เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปในตัว และเราได้ฝึกการวางแผนงานในแต่ละกิจกรรมให้ทุกคนพอใจด้วยเพราะในการทำงานมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาแค่ความคิดของใครคนใดคนนึงเท่านั้นแต่ทุกคนต้องร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เราก็พยายามทำให้ผลลัพท์ออกมาเป็นที่พอใจของทุกคน

อยากแนะนำอะไรน้อง ๆ ในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

อยากให้น้อง ๆ ใช้ชีวิตให้เต็มที่เพราะเข้ามาก็มีแค่สี่ปี เราจบไปแล้ว ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรเลยเราก็จะเสียดายเวลาที่เข้ามาในมหาวิทยาลัย อยากให้ทำกิจกรรมเยอะ ๆ แต่ก็อย่าให้กระทบกับการเรียนของเรา เราอยากให้ลองมาทำกิจกรรมกันเพราะมันได้อะไรเยอะกว่าที่เราคิดจริง ๆ

 

          เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับแนวคิดของพี่ ๆ ที่ “เรียนดี กิจกรรมเด่น” ของเราในวันนี้ ต้องยอมรับเลยค่ะว่าพวกพี่ ๆ เค้าเก่งจริง ๆ ค่ะ ที่สามารถบริหารเวลาทั้งการเรียนและกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หวังว่าน้อง ๆ คงได้รับแนวคิดดี ๆ จากบทความนี้และนำเทคนิคดี ๆ ในการเรียนและการทำกิจกรรมไปปรับใช้กันนะคะ สุดท้ายนี้พี่พิงค์อยากจะเชิญชวนน้อง ๆ ให้เปิดใจและกล้าที่จะทำกิจกรรมดูค่ะ แล้วน้อง ๆ จะได้สัมผัสกับประสบการณ์และข้อดีของการทำกิจกรรมอย่างแน่นอนค่ะ

 

เรื่อง : พิชญา วัชโรดมประเสริฐ

Tags
Posted by
Plook TCAS
ข่าวค่ายและกิจกรรม
ข่าวรับตรงล่าสุด
Follow us