การเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยนั้นถ้าเตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอน เชื่อว่าน้อง ๆ ได้ตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่าต้องสอบเข้าคณะที่หมายตาสาขาที่ต้องใจให้ได้ แต่ก็มีหลายคนที่เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่สายชิล ไม่สนใจอะไรซะเลย ไม่อ่านหนังสือ สนุกเพลิดเพลินตามใจฉัน สุดท้ายเป็นยังไงนั่นเหรอ ? ก็สอบไม่ติดนั่งเศร้าน้ำตาตกในยังไงล่ะ (T"T) “ถ้าอยากสอบติด! เลิกเถอะนิสัยแบบนี้..” ตามมาเช็กด่วน ๆ ก่อนสายเกินแก้ว่านิสัยแบบไหนอีกบ้างล่ะเนี่ยที่ต้องเลิกทำเด็ดขาด จะตรงกับที่น้อง ๆ เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่าน๊า อยากรู้ไปดูกันเลย
พรุ่งนี้ค่อยอ่าน เดี๋ยวค่อยทบทวน เนื้อหาเคยเรียนเคยผ่านตามาแล้วทั้งนั้นคงไม่มีอะไรยาก ค่อยอ่านพรุ่งนี้หรืออาทิตย์สุดท้ายใกล้สอบก็ได้ ถ้าสอบไม่ติดก็ค่อยอ่านใหม่ไม่เห็นเป็นไร ถ้าน้อง ๆ คิดแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอ่านไม่ทันแน่นอน 100% แล้วอย่างนี้จะเอาความรู้ความเข้าใจอะไรไปสอบล่ะ แล้วก็เชื่อเลยว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะสอบติดน้อยมาก ๆ ไม่ว่าจะสอบกี่แห่งก็เถอะ
มือหนึ่งจับหนังสือ มือหนึ่งจับโทรศัพท์ อ่านได้ 2 บรรทัดเสียงไลน์เข้าปุ๊บต้องเปิดอ่านปั๊บ หนังสือพักไว้สักแป๊บ เห็นเพื่อนอัพภาพสวย ๆ ในเฟซบุ๊กก็ต้องตามไปส่องไปคอมเมนต์ให้ได้ แนะนำให้งดเล่นโซเซียลและปิดโทรศัพท์มือถือซะเลย เพื่อให้จดจ่อกับหนังสือและเรื่องที่อ่านเต็มที่ เพราะถ้าขืนอ่านหนังสือไปเล่นโซเชียลไปด้วยไม่มีสมาธิและไม่รู้เรื่องแน่นอน
ค่อยถามเพื่อนเอาก็ได้ เดี๋ยวเพื่อนก็มาบอกเองแหละว่าสมัครตอนไหน สอบเมื่อไหร่ก็ตอนนั้นแหละ มีอะไรเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวก็คงรู้เอง ระเบียบข้อบังคับค่อยรู้ก่อนสอบสักวันสองวันไม่เห็นเป็นไร ถ้าทำแบบนี้อาจรู้ข่าวแบบขาดตกบกพร่องและมีปัญหาตอนสอบได้ แนะนำให้น้อง ๆ เลิกนิสัยดังกล่าวและต้องติดตามข่าวสารการสอบอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารอัปเดต
อ่านแค่หัวข้อการสมัคร แล้วสมัครเลย โดยที่ไม่อ่านระเบียบการสมัคร ไม่ว่าจะเป็นการสมัครใด ๆ เราอาจจะพลาดจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ อย่างการสมัครรับตรง ในแต่ละโครงการคุณสมบัติและเงื่อนไข จะแตกต่างกันไป เช่น โครงการนี้รับเฉพาะนักเรียนที่อยู่ในภูมิลำเนาที่กำหนด, คณะ/สาขานี้รับเฉพาะสายวิทย์หรือสายศิลป์, การสมัครต้องส่งเอกสารด้วยตนเองเท่านั้น, ส่งเอกสารแบบ EMS เท่านั้น, ต้องเลือกสมัครโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น เป็นต้น ถ้าไม่ผ่านคุณสมบัติหรือทำผิดกติกา ทางมหาวิทยาลัยจะไม่พิจราณาคะแนนเรา เฉพาะฉะนั้นจะสมัครอะไรอ่านระเบียบการด้วยตัวเองด้วยนะจ๊ะ
ไม่มีเป้าหมายคณะที่ชัดเจน เข้าอะไรก็ได้ อยากเข้าตามเพื่อนไปเรื่อย คณะอะไรใช้สอบอะไรบ้างก็ไม่รู้ อ่านหนังสือสอบแบบไม่ตรงจุด จนสุดท้ายอาจจะคว้าอะไรไม่ติดเลย แนะนำให้เลิกนิสัยและเปลี่ยนความคิดซะใหม่ เริ่มวางเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจนว่าจะเรียนคณะอะไร สาขาไหน เพื่อไม่ให้ไขว้เขวไปมาและจะได้อ่านหนังสือเตรียมสอบได้ทันเวลาและตรงสายที่เลือก
อ่านหนังสือตามใจฉัน ไม่แบ่งให้เป็นสัดส่วนว่าเวลาเท่าไหร่ที่จะอ่านหนังสือ เวลาเท่าไหร่ที่จะเล่น ถ้าไม่แบ่งเวลาแบบนี้เราจะมั่วซั่วจนบางทีไม่ได้อะไรเลย หากแบ่งเป็นสัดส่วนและทำตามจะดีกว่า ไม่ตีกันไปมา อ่านหนังสือได้เต็มที่และเข้าใจแบบหายห่วงไร้กังวล
1. สอบเข้ามหา’ลัยไม่ติด ไม่ได้เรียนคณะหรือสาขาที่ต้องการ
2. ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมหรือเข้าใกล้
3. ปัญหาชีวิตรุมเร้า เพราะไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน/ขาดการวางแผน
4. กลายเป็นคนขี้เกียจ เฉื่อยชา ไม่อยากทำอะไร
5. ไม่มีใครอยากหยิบยื่นโอกาสหรือให้ความช่วยเหลือ
รู้ไหมล่ะครับว่า นอกจากน้อง ๆ จะต้องเลิกนิสัยส่วนตัวที่เห็นว่าไม่เหมาะไม่ควรเพื่อเตรียมสอบเข้ามหา’ลัยให้ได้แล้ว ก็เห็นจะเป็นการเลิกหรือปรับเปลี่ยนนิสัยส่วนตัวเพื่อเข้าสู่สังคมมหา’ลัยนี่แหละที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน น้อง ๆ คงรู้ดีว่าหลายสิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่ชีวิตเด็กมหา’ลัย ไหนจะความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ไม่ขยัน ไม่อ่านหนังสือ ใครก็ช่วยไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ ส่วนการอยู่ในสังคมก็ต้องมีวินัย รู้จักช่วยเหลือ แบ่งปัน เป็นต้น ฉะนั้นตอนนี้น้อง ๆ คนไหนรู้ว่าตัวเองมีบางสิ่งที่ต้องเลิกให้ได้หรือปรับปรุงให้ดีขึ้นก็เริ่มซะเลยตั้งแต่วันนี้นะครับ ทั้งเรื่องเรียนและการใช้ชีวิต พี่เชื่อว่าน้อง ๆ ทุกคนทำได้ แล้วจะภูมิใจที่สุดที่สามารถชนะใจตัวเองได้ยังไงล่ะครับ
รู้อย่างนี้แล้ว น้อง ๆ คนไหนอยากสอบเข้ามหา’ลัยให้ได้ก็ให้เลิกนิสัยอย่างที่พี่เอามาฝากให้หมดนะครับ เพราะถ้าขืนทำต่อไปก็มีแต่เสียกับเสียใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าเลิกได้ผลที่ตามมาก็ดีสุด ๆ ไปเลย เอาเป็นว่าอยากให้น้อง ๆ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พี่เชื่อว่าทุกคนรู้ว่าอะไรควรไม่ควร อนาคตของเราจะเป็นยังไงอยู่ที่เราเลือกและสร้างมันขึ้นมา อย่าเพิ่งยอมแพ้นะครับ
เรื่อง : ภานุวัฒน์ มานพ