มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบค (ABAC) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนหลักสูตรนานาชาติ ที่มีนักศึกษาหลากหลายเชื้อชาติมาเรียนอยู่ด้วยกัน ตอนนี้มีทั้งหมด 2 วิทยาเขตคือ วิทยาเขตหัวหมาก และวิทยาเขตสุวรรณภูมิ สำหรับระดับปริญญาตรีคณะส่วนใหญ่เรียนที่วิทยาเขตสุวรรณภูมิ จะตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจะอยู่ไกลหน่อยนักศึกษาส่วนใหญ่ก็จะอยู่หอกันไม่ก็ขับรถมาเรียน แต่ถึงจะไกลยังไงทุกคนก็อยากจะมาเรียนที่นี่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ดี ห่างไกลความวุ่นวายแถมตึกต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยยังสวยมาก ๆ อย่างกับอยู่เมืองนอกเลยหละ

สำหรับน้อง ๆ ที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ หรือใครที่กำลังสนใจจะเรียนที่เอแบค คงอยากรู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้างไปค่ะ !! พี่จะพามาทัวร์ สำหรับเอแบค วิทยาเขตสุวรรณภูมิ มาดูกันว่าสถานที่ต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยมีอะไรบ้าง

ตึกต่าง ๆ ภายในมอ 

แต่ละตึกจะเป็นตึกสูง จะมีลิฟต์และบันไดให้นักศึกษาใช้ และตึกที่สูงที่สุดคือ ตึก CL มีประมาณ 40 ชั้น ในตึกมีทั้งพลาซ่า ที่มีร้านอาหาร ร้านขายยา ร้านขนม ร้านถ่ายเอกสาร ร้าน Book store เป็นที่ขายเครื่องเขียนของมหาวิทยาลัย เรียกได้ว่ามีแทบทุกอย่างเลยก็ว่าได้ ชั้น 2 ก็มีห้องสมุด ห้องสมุดจะมีหลายชั้น คือชั้น 2 – 4 ส่วนชั้น 5 จะเป็นห้องคอมพิวเตอร์ให้นักศึกษาได้ใช้ฟรี และมีหนังแผ่นให้เลือกดูได้ด้วย ส่วนใหญ่คนจะมาพักผ่อนที่ห้องสมุด เพราะบรรยากาศดี เงียบ เย็นสบาย ถ้ามีเวลาพักยาว ๆ ไม่รู้ว่าจะไปไหนก็ที่นี่แหละดีสุด ๆ
 

ส่วนห้องเรียนของนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นห้องกระจก ทำให้ห้องเรียนดูโล่งโปร่ง สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ บางห้องที่เป็นห้องบรรยายการสอน ที่นั่งจะเป็นขั้น ๆ ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นได้ทั่วทุกทิศ บางตึกสามารถเชื่อมกันได้เป็นบางชั้น ถ้าเข้ามาปีแรก ๆ ต้องดูดี ๆ เพราะถ้าเดินผิดต้องย้อนไกลเลย โดยเฉพาะตึก SM SG SR ซึ่งอยู่ล้อมรอบตึก CL จะมีบันไดวนเชื่อมกันระหว่าง SM กับ SG และ SM กับ SR
 

นอกจากตึกเรียนแล้วมหาวิทยาลัยยังตกแต่งด้วยธรรมชาติต่าง ๆ ต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้สีสดใสตามฤดูกาล ทำให้มหาวิทยาลัยดูสวยงามอีกด้วย เมื่อขับรถเข้ามาในมหาวิทยาลัยจะเห็นบ่อน้ำ ซึ่งนักศึกษาจะเรียกว่า “บ่อหงส์” มีทั้งหงส์ดำ และหงส์ขาวให้ชื่นชม เราสามารถซื้อขนมปังไปให้เลี้ยงหงส์ได้ หงส์จะชอบกินขนมปังขาว แต่ถ้าไม่เจอหงส์ก็ให้นกให้ปลาได้ ในบ่อมีปลาเยอะมาก ๆ เป็นกิจกรรมยามว่างระหว่างรอเรียนได้ดีทีเดียว
 

ถัดจากตึกเรียนข้ามสะพานมาก็จะเป็น Au Mall ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหารหลากหลายชาติ ทั้งอาหารตามสั่ง ร้านอาหารจีน ร้านชาบู ร้านสเต็กเป็นต้น มี 2 ชั้น ให้นักศึกษาได้เลือกรับประทานกัน ราคาอาหารแต่ละร้านประมาณ 60 บาทขึ้นไป เปิด 08.00 - 20.00 น. และใน Au Mall จะมีโรงอาหารที่ราคาประมาณ 40 – 60 บาท มี 2 ชั้นเหมือนกัน แต่จะเปิด 08.00 – 15.00 น. ข้างหน้า Au Mall จะเป็นร้านสะดวกซื้อ 7-11 เวลาเด็กหอในหิวตอนดึกก็จะมาที่ 7-11 นี่แหละ
 

ถัดไปเป็นสถานที่เล่นกีฬาต่าง ๆ ใกล้ ๆ Au Mall จะมีสนามเทนนิสกลางแจ้งให้นักศึกษามาเล่นได้ เดินไปอีกทางจะมีสระว่ายน้ำ ในนั้นมีซาวน่าและห้องอบไอน้ำแยกชายหญิง Sports Center ข้างในนั้นมีสนามบาส ฟิตเนส โต๊ะพลู ใกล้ ๆ กันก็จะเป็นสนามแบด นักศึกษาจะต้องมาจองคอร์ดโดยใช้เลขบัตรนักศึกษา คอร์ดมีทั้งหมด 4 คอร์ด เย็นๆ จะมีนักศึกษามาเล่นเป็นประจำ นอกจากในยิมแล้วด้านนอกยิมตอนเย็น ๆ ก็จะมีนักศึกษามาวิ่งรอบนอกเป็นจำนวนมากด้วย

ข้างในสุดของมหาวิทยาลัยคือ หอใน มีทั้งหอหญิงและหอชาย หอที่อยู่ตรงกลางจะเป็นโรงแรม ซึ่งเป็นทั้งหอพักอาจารย์และหอพักนักศึกษาหญิงบางส่วน เพราะนักศึกษาหญิงมีจำนวนมาก จึงมีการเพิ่มจำนวนห้อง หอกลางที่เป็นโรงแรมในที่นี้หมายถึง อาจมีคนนอกที่มาพักอยู่ในมหาวิทยาลัย การมาดูงานของชาวต่างชาติ หรือการสัมมนาต่าง ๆ จะสามารถมาเช่าอยู่ที่หอในมหาวิทยาลัย
 

สถานที่สุดท้ายคือ ที่จอดรถของมหาวิทยาลัย ตึกจอดรถของมหาวิยาลัยสำหรับนักศึกษา จะตั้งอยู่ก่อนถึงตึกเรียน ค่าจอดรถคือเหมาจ่าย 30 บาท ต่อการเข้าจอด 1 ครั้ง จะจอดกี่ชั่วโมงก็ได้ แต่จอดข้ามคืนไม่ได้ แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเงินก็สามารถไปจอดกลางแจ้งได้ ซึ่งเราเรียกที่จอดรถนี้ว่า Sahara ซาฮาร่า เพราะเป็นลานกว้างกลางแดดเวลากลางวันจะร้อนมาก ๆ ถัดจากซาฮาร่าข้ามสะพานไปก็มีที่จอดอีก เป็นลานกว้างกลางแดดเหมือนกัน เราเรียกว่า New World (นิวเวิลด์) เพราะมันไกลกว่าซาฮาร่าอีก
 

คณะที่เปิดสอน

1. คณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์

2. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

3. คณะวิศวกรรมศาสตร์

4. คณะพยาบาลศาสตร์

5. คณะดนตรี

6. คณะนิติศาสตร์

7. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ

8. คณะเทคโนโลยีชีวภาพ

9. คณะศิลปศาสตร์

10. คณะนิเทศศาสตร์
 

หอในเอแบค

มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะมีหอพักนักศึกษาสำหรับนักศึกษาที่บ้านอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัย มหาวิทลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิก็เช่นกัน มีหอในซึ่งจะอยู่ข้างในมหาวิทยาลัย มีทั้งหมด 3 หอ คือ Queen of Sheba (หอหญิง B) , King David (หอกลาง A) และ King of Solomon (หอชาย C)
 

รูปแบบห้องมี 3 แบบ ดังนี้

1. Triple room สำหรับ 3 คน คนละ 3,500/เดือน (ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ)

2. Standard room สำหรับ 2 คน คนละ 4,000/เดือน (ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ)

3. Standard room with a large balcony คนละ 4,500/เดือน (ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ)

ในหนึ่งห้องจะมีทีวี, ตู้เย็น, แอร์, ห้องน้ำ 1 ห้อง, มีเตียงคนละเตียง, โต๊ะหนังสือ, ตู้เสื้อผ้าคนละตู้ และ WIFI แต่ละห้องจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ในการเข้ามาเช่าอยู่หอใน นักศึกษาสามารถขออยู่กับเพื่อนได้ หรือถ้ามาคนเดียวก็สุ่มเอาว่าจะได้อยู่กับใครหรือชาติไหน บางครั้งอาจจะได้อยู่กับชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นคนจีน แต่ถ้าเวลาสุ่มอาจจะขอทางห้องทะเบียนเลือกได้ ว่าอยากให้เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันหรือคณะเดียวกัน เพื่อจะได้มีเพื่อนเวลาเรียน หรือปรึกษาเรื่องเรียนกันได้
 

สำหรับหอ Queen of Sheba (หอหญิง B) เป็นหอที่มีทั้งหมด 13 ชั้น หอนี้จะมีห้องพยาบาลซึ่งเปิด จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00 - 17.00 น. มีห้อง study room ที่ให้นักศึกษาไว้ทำงานกัน ในห้อง study room จะเปิดแอร์ช่วงเวลาค่ำ ๆ เพราะตอนกลางวันไม่ค่อยมีคนเท่าไร และชั้น13 เป็นหอรวม ราคา 2,000 บาท/เดือน ไม่เสียค่าน้ำ ค่าไฟ มีเตียงเกือบ 100 เตียง อยู่รวมกันทั้งชั้น เหมาะสำหรับคนที่สบาย ๆ ไม่คิดอะไรมาก เพราะมันไม่ได้ส่วนตัวมากนัก แต่ก็อยู่ได้เพราะ มีเขตที่ชัดเจน มีเตียง, ตู้เสื้อผ้า, WIFI และแอร์ ที่จะเปิดเวลา 18.00 - 06.00 น. ของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ สามารถนำมาเองได้ เช่น โต๊ะหนังสือ พัดลม หรือ ตู้ต่าง ๆ ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมภายในชั้น 13 เลย ข้อดีของชั้นนี้คือ เราจะมีเพื่อนเยอะ มีรุ่นพี่ให้คำปรึกษามากมาย
 

ถัดมาที่หอ King David (หอกลาง A) เป็นหอที่มีทั้งอาจารย์พักอยู่ นักศึกษาหญิง และคนนอกก็สามารถเช้าพักได้ ภายในหอจะมี คาเฟ่เดอลาตู, อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เปิด 14.00 - 20.00 น. ห้องทำพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ และห้องกิจกรรมต่าง ๆ คนส่วนใหญ่จะมาคาเฟ่เพื่อทำงานกัน ไม่ก็มานั่งเล่นนั่งคุยกัน คนจะเยอะตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะตอนหลังเลิกเรียน

ส่วนสุดท้ายหอ King of Solomon (หอชาย C) ไม่มีอะไรมาก มีห้องปิงปองที่ทุกคนสามารถเข้าไปใช้ได้ หอชายเห็นเพื่อนบอกว่าคนน้อย คนอยู่ไม่เยอะเท่าหอหญิง สำหรับนักศึกษาที่ไม่ได้อยู่หอในอยากขึ้นหอเพื่อน จะต้องแลกบัตรนักศึกษาซึ่งคนนอกจะเข้าไม่ได้ ยกเว้นผู้ปกครองเท่านั้น สามารถขึ้นได้ถึง 18.00 น. ชั้น 1 ของแต่ละหอจะเชื่อมกัน เป็นลานจอดรถของพนักงานและเด็กหอใน นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และห้องซักรีดอยู่ใต้หอ ชั้น 1 อีกด้วย
 

การเดินทางมายังเอแบค

โดยรถยนต์

- ขับรถมาตามทางบางนา-ตราด หากไม่ได้วิ่งทางด่วน ให้วิ่งมาเรื่อย ๆ จนเห็นบริษัท TOA ให้ "ออกทางขนาน" และขับมาจนถึงกม.26 (สังเกตตอม่อสะพาน) ผ่านศูนย์วอลโว่ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงสะพานลอย (ทางเข้าซอยจะมีตึกCasa Franceสีชมพู)

- ถ้าวิ่งทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา-ตราด) วิ่งมาเรื่อย ๆ ลงป้าย "บางบ่อ-บางเสาธง" ลงทางด่วนมาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยได้เลย

- หากวิ่งมาจากทางพระราม 9 หรือลาดกระบัง แนะนำให้วิ่งมอเตอร์เวย์ ออกเลียบรันเวย์สนามบิน เพื่อออกมาเส้นบางนา-ตราด

โดยรถสาธารณะ

- นั่ง BTS มาลงสถานีอุดมสุข แล้วต่อรถเมล์สาย 132-133 ลงป้ายฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลบางนา2 แล้วต่อแท็กซี่เข้าเอแบค (ประมาณ 70 - 80 บาท)

- นั่ง BTS มาลงสถานีบางนา แล้วต่อรถเมล์สาย 365 ลงป้ายเอแบครถจะจอดหน้าปากซอย แล้วนั่งแท็กซี่ต่อเข้ามาในเอแบค (ประมาณ 60 บาท)

- นั่ง BTS มาลงสถานีอุดมสุข แล้วต่อแท็กซี่มาลงเอแบค (ประมาณ 240 - 270 บาท) วิธีนี้มาง่ายสุดค่ะ
 

อยากเรียนอินเตอร์ แต่ไม่อยากจ่ายแพง

สำหรับน้อง ๆ ที่อยากเรียนมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ อยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่ไม่อยากให้พ่อแม่จ่ายเงินเยอะ ทำอย่างไรดีละ ?? พี่มีข้อมูลมาให้น้อง ๆ กับโอกาสที่จะได้ทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้หลายช่องทางเลยหละ มีอะไรบ้างมาดูกัน

1. ทุน 48 ปี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอรับทุนการศึกษา

1. เป็นนักเรียนของโรงเรียนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมีหนังสือมอบทุนให้

2. เป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคการศึกษาสุดท้ายของระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) หรือเทียบเท่า หรือสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า ในปีการศึกษาที่มหาวิทยาลัยมอบทุนให้

3. มีระดับผลการเรียนที่มีค่าเฉลี่ยสะสม (Cum.G.P.A.) ไม่ต่ำกว่า 3.50

4. ได้รับการเสนอชื่อจากโรงเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมีหนังสือมอบทุนให้แก่โรงเรียนดังกล่าว

5. ไม่เป็นผู้ที่ได้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาอื่นแล้ว
สำหรับทุนนี้ นักศึกษาจะต้องทำความดีช่วยเหลือมหาวิทยาลัย หรือจิตอาสา เพื่อเก็บชั่วโมงทุนให้ครบ 60 ชั่วโมงต่อเทอม การเก็บชั่วโมงมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายงาน เช่น การช่วยเหลืองานมหาวิทยาลัย การออกค่ายอาสา การทำดีเพื่อสังคมต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากห้องเรียน ทำให้เรารู้จักเพื่อนใหม่ รู้จักการทำงานเป็นทีม รู้จักช่วยเหลือผู้อื่นอีกด้วย

2. ทุนเรียนดี (Academic Merit Scholarship)
เป็นทุนที่เราต้องเข้าไปเรียนที่เอแบค แล้วทำคะแนนหรือผลการเรียนได้ดีถึงจะได้ทุนนี้นะจ๊ะ

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอรับทุนการศึกษา

1. สำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

2. นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ยรวม (GPA) 3.85 ขึ้นไป

3. นักศึกษาที่ได้รับทุนจะต้องมีหน่วยกิตสะสม 50 หน่วยกิตขึ้นไป

4. ผู้ที่จะได้รับทุนจะได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนในส่วนของหน่วตกิต 100 % ตลอดภาคการศึกษานั้น เป็นทุนที่ให้เปล่าโดยไม่มีข้อผูกมัด

5. นักศึกษาจะต้องลงทะเบียนเรียน 5 วิชา หรือ 15 หน่วยกิตต่อภาคการเรียน จึงจะได้รับการพิจารณา

3. ทุนนักกีฬา

สำหรับผู้ที่มีความสามารถด้านกีฬาในระดับเขตการศึกษา ระดับประเทศ ระดับนานาชาติ สามารถยื่นขอรับทุนและคัดเลือกเป็นนักศึกษาทุนกีฬาของมหาวิทยาลัยได้ที่ ศูนย์กีฬาของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ หรือ โทรศัพท์ติดต่อที่ 02-7237977-8 (ในเวลาราชการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 16.00 น.)
ถ้าน้อง ๆ สนใจทุนไหนก็ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดในเว็บไซต์มหาวิทยาลัยได้เลยจ้า www.admission.au.edu/th/index.php/scholarship
 

ไม่ว่าเราจะเรียนมหาวิทยาลัยรัฐหรือเอกชน พี่เชื่อว่าถ้าเรามีความตั้งใจและพยายาม ก็ย่อมประสบความสำเร็จได้ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเท่านั้น สำหรับน้อง ๆ ที่ชอบภาษาอังกฤษ หรืออยากเรียนมหาวิทยาลัยอินเตอร์ เอแบคเป็นอีกที่หนึ่งที่เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติแห่งแรกในประเทศไทย นอกจากการเรียนแล้ว เรายังได้เรียนรู้วัฒนธรรมและสังคมที่มีความหลากหลาย เพราะจะมีนักศึกษาชาวต่างชาติร่วมเรียนด้วย พี่รับรองว่าน้อง ๆ จะได้เรียนรู้และสนุกไปกับการเรียนที่นี่แน่นอน

เรื่อง : ธนิดา ผู้เจริญทั่ว