เมื่อเข้าสู่วัยที่ต้องมาเรียนมหาวิทยาลัย บางคนมาไกลจากต่างจังหวัด ก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งหลายคนก็เลือกจะที่เช่าหอพักใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย เพราะสะดวกเรื่องการเดินทางมากกว่า แต่บางครั้งการเช่าหอพักอยู่คนเดียวอาจจะแพงไปสำหรับบางคน จึงต้องหารูมเมทเข้ามาอยู่ร่วมกัน และบางคนก็อยู่หอในมหาวิทยาลัย ซึ่งหอในจะเป็นระบบสุ่มรูมเมท เราไม่สามารถเลือกรูมเมทเองได้ ซึ่งก็อาจต้องปรับตัวกับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น วันนี้เรามาดูนิสัยของรูมเมทกันดีกว่า ว่ารูมเมทแต่ละประเภทเป็นแบบไหนบ้าง

1. มนุษย์ขี้บ่น

ขี้บ่นในที่นี้คือไม่ได้บ่นคนรอบข้าง แต่เป็นการเม้าท์เรื่องของเราให้กับคนอื่นฟัง หรือที่เรารู้กันดีก็คือ กลุ่มคนขี้เม้าที่ชอบพูดถึงคนอื่นลับหลัง และแน่นอนว่าอาจจะเอาเรื่องเราไปพูดแบบเสียหายได้ แถมเรื่องที่พูดยังมาจากการชอบโบ้ยความผิดให้คนอื่น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำ เพราะบางเรื่องที่ไปพูดก็เกินความจริง หรืออาจไม่ได้เป็นความจริงอย่างที่พูดก็ได้ แต่เกิดจากความคิดฝั่งเดียว ใครเจอรูมเมทแบบนี้ก็ค่อนข้างปวดหัวน่าดูเลยล่ะ

วิธีแก้คือ
ใครที่ต้องอยุ่กับรูมเมทที่มีนิสัยขี้เม้าหลับหลังแบบนี้ ถ้าถึงคราวที่สุดจะทนกับพฤติกรรมแล้วล่ะก็ แนะนำว่าให้เปิดใจคุยกันไปเลยแบบตรง ๆ ถ้าพบเจอปัญหาที่ไม่เข้าใจกัน ก็พูดคุยสร้างความไว้ใจกันใหม่ อะไรที่เราไม่ชอบหรือไม่โอเคกับสิ่งที่รูมเมททำ ก็ควรบอกออกมาแบบตรงไปตรงมา เพื่อให้เขาไม่ก้าวก่ายเรื่องของเรามากกันเกินไป เวลาอยู่ร่วมกันจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวให้กันบ้าง และยังเป็นการเตือนสติให้เขารู้ตัวด้วยว่า เรื่องที่เธอเที่ยวพูดออกไปนะ เรารู้นะ ! เค้าจะได้ระวังแล้วไม่กล้าทำอีก

2. มนุษย์รวยเพื่อน

กลุ่มคนสังคมรวยเพื่อน หนุ่มสาวเฟรนลี่มีเพื่อนมาก แน่นอนว่าการมีอัธยาศัยที่ดี คือสิ่งที่เราควรมีติดตัว แต่บางครั้งก็อาจมากจนสร้างความลำบากให้คนอื่นได้ เช่น การพาเพื่อนมาห้อง หรือมาปาร์ตี้กันตลอดเวลา โดยไม่เกรงใจใจรูมเมท ก็ถือเป็นเรื่องปวดหัวได้เช่นกัน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความลำบากใจสำหรับคนที่ต้องอยู่ร่วมกับรูมเมทที่มีเพื่อนเยอะ จนสามารถสร้างปัญหาให้เราได้ เพราะเพื่อนของเขาอาจไม่รู้จักกับเราก็ได้ แต่ดันเข้าออกห้องพักที่เป็นที่ส่วนตัวของเราได้บ่อย ๆ แบบนี้คงไม่ไหวเท่าไหร่ในเรื่องความสงบและความปลอดภัย และยังทำให้ความเป็นส่วนตัวของหายไปอีกด้วย

วิธีแก้คือ
ถ้าเจอรูมเมทที่มีลักษณะนี้ ควรทำข้อตกลงกับรูมเมทให้ชัดเจนไปเลยว่า การอยู่ร่วมกันต้องเป็นแบบไหน เช่น ถ้าจะพาเพื่อนมาห้องบ่อย ๆ หรือคืนไหนมีปาร์ตี้ในห้อง อาจจะขอให้เขาจัดให้น้อยลง หรือแจ้งเราล่วงหน้าไว้ก่อน หรือทางที่ดีถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ควรบอกเขาไปเลยว่าเราไม่สะดวก ถ้าเธอจะพาเพื่อนมาห้องตลอด แล้วจัดปาร์ตี้กันเสียงดังรบกวน แบบนี้เราคงไม่โอเค หรือตกลงกันไปเลยว่าไม่ควรทำแบบนี้อีก เขาจะได้รู้ตัวแล้วปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากขึ้น

3. มนุษย์ทาร์ซาน

รูมเมทแบบนี้เป็นประเภทมีห้องไว้เพื่อใช้ชีวิตอย่างเดียว คือทำทุกอย่างในห้อง กิน นอน ทำงาน ไปเรื่อย ๆ แต่ไม่รักความสะอาด โดยเฉพาะไม่ค่อยชอบอาบน้ำ เสื้อผ้าตัวเดิมใส่ได้ทั้งคืนทั้งวัน โดยไม่รู้สึกอะไร แถมอยู่ห้องก็ไม่ชอบทำความสะอาด ห้องรกก็ไม่ชอบกวาด กินเสร็จตรงไหนก็ทิ้งขยะไว้ตรงนั้น เรียกว่าสกปรกตัวแม่เลยจริง ๆ แต่อยู่คนเดียวยังพอทน แต่ถ้าอยู่หลายคนแล้วเป็นแบบนี้ รูมเมทร่วมห้องก็คงไม่ไหวแน่ ๆ

วิธีแก้คือ
ควรกำหนดกฎระเบียบ แบบวางตารางให้ชัดเจนไปเลยว่า การทำความสะอาดห้องจะทำอะไรบ้าง ทำวันไหน แบ่งหน้าที่กันทำให้ชัดเจน เพราะห้องเป็นส่วนกลางที่ช้อาศัยร่วมกัน ต้องช่วยกันรักษาความสะอาด ถ้าเราวางกฎการทำความสะอาดไว้ชัดเจน เขาก็จะรู้ตัวเองมากขึ้นว่าต้องเก็บ เพราะถ้าไม่เก็บก็ต้องเหนื่อยทำความสะอาดเอง แบบนี้ก็น่าจะพอช่วยแก้ปัญหาได้อยู่นะ

4. มนุษย์เกมเมอร์

สำหรับรูมเมทแนวนี้ จะเป็นสายงีบตอนฟ้าสว่าง เมื่อไหร่ที่กลับห้องตอนกลางวันหรือตกเย็นหน่อย ฟ้าไม่มืดมาก ตาจะอ่อนแรงง่วงนอน ต้องรีบนอนเก็บแรงเอาไว้เยอะ ๆ พอเวลาล่วงเลยเข้าไปตีหนึ่งตีสองก็จะเริ่มออกรบ ! เรื่องรบที่ว่าก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอก เล่นเกมจ้า งานนี้คอเกมก็มาจ๊ะ ยิงกันกระจุยกระจาย ออกรบกันกับคู่แข่งกันแบบดึกดื่นข้างคืนข้ามวัน ถ้าเราต้องอยู่ร่วมกับรูมเมทแบบนี้ แน่นอนว่าจะส่งผลให้เวลานอนของเราผิดเพี้ยนไปด้วย เพราะถึงเพื่อนจะใส่หูฟังเพื่อรักษามารยาทแล้วก็ตาม แต่เวลาเล่นเกมแล้วเข้าถึงอารมณ์ ก็จะต้องมีการออกอาการเกิดขึ้น เสียงลุ้นเสียงเชียร์ดัง ๆ ต้องมีตามมา แบบที่คนเล่นก็ไม่ได้ทันตั้งตัวไว้ เพราะอาการลุ้นมาตามอารมณ์นั้นเอง ถ้าเจอแบบที่ลุ้นดังเป็นช่วง ๆ ยังพอทน แต่คอเกมบางคนก็เก็บอาการลุ้นไม่อยู่ ตะโกนโวยวายเสียงดังออกมาแบบสุดเหวี่ยง จนลืมคิดไปว่่าเรานอนอยู่ พอเจอแบบนี้ก็ทำให้นอนไม่หลับ จนอาจตื่นสายไปตาม ๆ กันได้

วิธีแก้คือ
วิธีแก้ไม่ยาก บอกออกไปเลยว่า เธอเล่นเกมได้นะเราไม่ว่า แต่ช่วยเล่นตอนกลางวันน่าจะดีกว่า แต่ถ้ายื่นข้อเสนอไปแล้วยังส่งเสียงลุ้นตอนกลางดึกอยู่ ก็ต้องคุยแบบชัดเจนไปเลยว่า ถ้าจะเล่นเกมตอนดึกก็ขอให้ไปเล่นที่ร้านเกมน่าจะดีกว่า อยากเล่นนานแค่ไหน ข้ามวันขนาดไหน หรือตะโกนลุ้นเสียงดังเท่าไหร่ ก็เอาให้เต็มที่ เล่นเสร็จแล้วก็ค่อยกลับมานอนห้อง แบบนี้น่าจะโอเคอยู่นะ จะได้ไม่รบกวนกันมาก แล้วก็ได้ทำสิ่งที่ต่างคนต่างชอบอยู่เหมือนเดิม ก็ถือว่าวินวินทั้งคู่นะ 

5. มนุษย์เสียงใส

คนเราทุกคนชอบความบันเทิงกันหมด และบางคนก็ชอบฟังเพลง แต่จะมีคนประเภทหนึ่งคือชอบฟังเพลงแบบใส่หูฟัง เพราะกลัวรบกวนคนรอบข้าง ซึ่งก็ถือว่าเป็นมารยาทที่ดีมาก ๆ อย่างหนึ่ง แต่ข้อดีอาจกลายเป็นข้อเสียก็ได้นะ เพราะพอเวลาผ่านไปสักพัก ฟังเพลงไปเรื่อย ๆ อารมณ์เริ่มได้ เพลงเข้าท่อนฮุค ปุ๊บ ! ลืมตัวจ้าว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว ร้องออกมาดัง ๆ แบบอินกับอารมณ์เพลงสุด ๆ ซึ่งการลืมตัวแบบนี้อาจสร้างความตกใจ และเสียงรบกวนให้กับเพื่อนร่วมห้องได้ ยิ่งตอนดึก ๆ แล้วล่ะก็เสียงดังแน่ ๆ อาจจะสร้างความหงุดหงิดให้คนอื่นได้นะ ยิ่งเพลงร็อคนะ โอ้โห ! ห้องแตกแน่นอนจ้างานนี้ ใครที่เป็นแบบนี้ต้องระวังนะ อารมณ์จะอินเกินจนทำให้คนอื่นรำคาญเอาได้นะ

วิธีแก้คือ
ถ้าเจอรูมเมทแบบนี้ ควรแนะนำให้เขาสร้างห้องคาราโอเกะขึ้นมาเองเลยดีกว่า จะได้ตะโกนร้องเพลงได้เข้าถึงอารมณ์แบบสุดพลัง หรือถ้าเอาแบบทำได้จริง คือบอกไปตรง ๆ เลยว่าเธอทำเสียงดังไปนะ ให้เขาไปร้องข้างนอกน่าจะดีกว่า เพื่อป้องกันเสียงดังที่อาจจะไปรบกวนห้องข้าง ๆ ได้

6. มนุษย์ล่าท้าผี

รูมเมทที่ชอบฟังรายการวิทยุดัง ๆ มีกันออกบ่อย แต่ฟังวิทยุแบบฟังเพลงเพลิน ๆ ยังพอทนได้ แต่ถ้าเจอแบบฟังรายการผี ๆ ละก็ งานนี้มีหลอนแน่ แถมบางรายยังชอบดูรายการผีเอามาก ๆ แต่ดันไม่ชอบดูคนเดียว ก็เลยต้องชวนรูมเมทดูเป็นเพื่อน แต่ก็ใช่ว่ารูมเมททุกคนจะชอบเรื่องผี ๆ เหมือนกันซะหมดทุกคน เพราะบางคนก็กลัวผีกันแบบหน้าซีดหัวหด กลัวคนเดียวก็ว่าแย่แล้ว แต่ดันมีเพื่อนร่วมห้องที่คอยเปิดเรื่องผีสร้างบรรยากาศแบบนี้ บอกเลยว่าหลอดสุด ๆ งานนี้ใครไม่ใช่สายผี เอ้ย ! กลัวผี คงต้องลำบากกันแน่ ๆ

วิธีแก้คือ
ใครเจอรูมเมทสายผีแบบนี้ บอกเลยว่าให้ลองคุยไปตรง ๆ เลยว่า เธอเราเป็นคนกลัวผีมาก ๆ ไม่สามารถดูหรือฟังเรื่องผีเป็นเพื่อนใครได้ทั้งนั้น ถ้าเธอจะดูก็ช่วยใส่หูฟังดูคนเดียวน่าจะเหมาะกว่า หรือถ้ารูมเมทสายผีไม่มีเวลาหรือกลัวที่จะดูดึก ๆ คนเดียว ก็แนะนำไปเลยว่ารอดูตอนกลางวันกับเพื่อนสักคนที่ไม่กลัวผี แบบนี้คงโอเคกว่า

7. มนุษย์ละมุด 

รูมเมทประเภทนี้จะชอบงานสังสรรค์ข้างนอกเป็นพิเศษ ที่ไหนมีปาร์ตี้ที่นั้นมีเธอแน่นอน ไปมันทุกที่ทุกคืน กว่าจะกลับก็ตีสองตีสาม กลับมาถึงก็ดื่มมาอย่างหนักหน่วง ตัวโยกเดินไม่ตรงทาง แถมกลับมาพร้อมกลิ่นเหล้าติดตัวตลอดทุกครั้ง นักดื่มตัวยงของจริงเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเที่ยวบ่อย ๆ แล้วไม่สร้างเรื่องยังพอทน แต่นี่กลับดึกแล้วยังต้องคอยให้รูมเมทมาดูแล เพราะเมากลับมาแบบนี้ก็คงไม่โอเคเท่าไหร่ เพราะดึกดื่นก็เป็นเวลาพักผ่อนของเรา ที่ทุกคนควรจะต้องนอน แต่กลับต้องเอาเวลาพักผ่อน ตื่นมากระเตงเพื่อนสายเมาเข้าห้อง หรือบางทีหนักหน่อย เมาแบบอ้วกแตก ก็ต้องคอยเช็ดล้างทำความสะอาด ใครเจอรูมเมทสายนี้บอกเลยว่าลำบากแน่ชีวิต

วิธีแก้คือ
สำหรับวิธีแก้คือให้เพื่อนสายเมาพกกุญแจกับคีย์การ์ดออกไปด้วยให้พร้อม มีไว้กันคนละชุดไปเลยให้เคลีย ๆ เราจะได้ไม่ต้องตื่นกลางดึกแล้วลุกมาเปิดประตูให้ แต่ถ้าเจอถึงขั้นเมาเละเทะก็บอกไว้ตรง ๆ เลยว่า ถ้าวันไหนเมาร่วงขนาดนี้ก็ให้นอนห้องเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันไปเลย จะได้มีคนดูแลรับกลับจากผับ เช้ามาค่อยกลับห้องมาอาบน้ำแทน แบบนี้เราก็จะได้หมดห่วงว่าเพื่อนมีคนดูแลตอนเมา ปลอดภัย แถมเรายังไม่ต้องเหนื่อยมาดูแลคนเมาอีกด้วย

8. มนุษย์นักมายากล

หลายคนสงสัยเพื่อนเป็นนักมายากล เสกของหายได้เหรอ เปล่าเลย ! งานนี้ของหายจริง แต่เป็นของกินนะที่หาย ของกินที่เราซื้อมานั้นแหละที่หายไปแบบไร้ร่องรอย เนื่องจากเค้าคือนักมายากล ! สามารถเสกของกินในตู้ให้หายไปได้ง่าย ๆ แบบที่เราไม่ทันตั้งตัวหรือรู้มาก่อน เพราะเราแทบจะไม่ทันได้สังเกตว่าอะไรหายไปบ้าง ไม่ว่าจะข้าว ขนม ของกินต่าง ๆ ก็หายไปแบบไร้ร่องรอย จะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนนึกได้ว่าจะกิน แต่ก็ดันหาไม่เจอเอาตอนจะกิน บอกเลยว่ารูมเมทสายนักมายากลแบบนี้ ไม่พลาดเสกของหายเข้าท้องแน่นอน

วิธีแก้คือ
ถ้าเจอรูมเมทแบบนี้ต้องลองขั้นพื้นฐานด้วยการไม่เก็บของกินใหม่ ๆ เอาไว้เยอะ แต่ถ้าลองแล้วไม่รอดก็ต้องคุยกันไปเลยว่าของอะไรที่เราซื้อมา เราไม่ได้หวงนะ จะหยิบกินก็ไม่ว่า แต่รบกวนให้ขอ หรือบอกเราก่อนล่วงหน้าก็จะดี แต่ถ้าบอกตรง ๆ แบบนี้แล้วยังไม่ดีขึ้นอีก จะลองแก้เผ็ดสักครั้ง ด้วยวิธีเก็บของหมดอายุไว้ เพื่อรอดูสิว่ารูมเมทนักมายากลจะเผลอหยิบไหม และถ้าเผลอหยิบกินจนท้องเสียไปแล้ว อาจจะเข็ดจนไม่กล้าหยิบของเราโดยไม่ขออีกหรอเปล่า ใครเจอแบบนี้ก็ต้องลองดูกันสักวิธีละกัน ว่าวิธีไหนจะปราบเพื่อนสายมายากลได้เด็ดขาด

9. มนุษย์ขี้ยืม

เพื่อนร่วมห้องแบบนี้เป็นพวกไม่ชอบซื้อของ จะใช้อะไรก็ขอ ขอทุกอย่างจากคนรอบตัว แต่ไม่ยอมจะเสียเงินซื้อเอง เรียกว่าจะทำอะไรสักอย่างโน่นก็ไม่มี นี่ก็ขอยืม ขอยืมไม่ว่าแต่ไม่เอามาคืนด้วยอีกต่างหาก เรื่องยืมก็ไม่เท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าของที่ยืมไป บางครั้งเราเองก็อาจจะจำไม่ได้ว่าให้ใครยืมอะไรไว้บ้าง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเราลืมไปแล้วนั้นเอง ว่าเราเคยให้ยืมอะไรไป คือยืมไปไม่คืนจนเราลืมไปแล้วนั้นเอง ซึ่งหนักสุดก็คือยืมเงินแล้วทำเนียน ! ถ้าเราไม่ทวงก็อย่าหวังจะให้คืน เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ เพราะเจอบ่อย ๆ ก็อาจจะกลายเป็นเราเองที่เกรงใจ ไม่กล้าทวงคืนอีก เพราะกลัวจะผิดใจ ถ้าเจอแบบนี้บอกเลยว่าปวดหัวใช้ได้เหมือนกัน

วิธีแก้คือ
ใครเจอแบบนี้ ต้องมีวิธีที่เด็ดขาด ถ้าโดนยืมของแล้วไม่คืน คืนช้า ทวงแล้วดันทำของเราหายอีก ! เรียกว่าไม่รักษาของแบบสุด ๆ ถ้าเจอแบบนี้ ให้ตั้งกฎไปเลยว่า ถ้ายืมของชิ้นไหนแล้วทำหาย ให้ซื้อของชิ้นนั้นมาให้เราใหม่ด้วย เขาจะได้ระวังตัวมากขึ้นว่าต้องรักษาของที่เป็นของเราไว้ให้ดี จะได้ไม่เสียเงินซื้อให้เราใหม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ ถ้ามีการยืมแล้วยังไม่ได้คืน ครั้งหน้าก็บอกไปเลยว่า ถ้ายังไม่จ่ายคืนเงินเก่าที่ยืมไป ก็ไม่ให้อีกแล้วล่ะ ซึ่งถ้าเรายื่นคำขาดไปแบบนี้แล้ว ก็อยู่ที่จิตสำนึกเขาแล้วล่ะ ว่าจะคิดได้มากน้อยแค่ไหน ว่าต้องรู้จักเกรงใจกันบ้าง ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม

10. มนุษย์นักโอเปร่า

รูมเมทประเภทนี้ ชอบวอมคอกลางดึก สงสัยละสิว่าคืออะไร ก็บรรเลงเสียงกรนดัง ๆ ยังไงล่ะ มาเลยจ้าทุกท่วงทำนอง ขึ้นลง สูงต่ำ มาหมดทุกห้องเสียง ผ่อนหนักเบาช้าเร็วเป็นทำนองยาวทั้งคืน บรรเลงจนทำให้เพื่อนร่วมห้องนอนไม่หลับไปตาม ๆ กัน เจอแบบนี้ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของระบบร่างกาย ที่ธรรมชาติแต่ละคนสร้างมาไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราดันเป็นคนหลับยาก ได้ยินอะไรนิดเดียวก็ตื่นง่ายไปหมด ก็คงต้องลำบากกันหน่อยที่จะมีรูมเมทแบบนี้ เพราะคงตาค้าง หมอนปิดหูกันทั้งคืนยันเช้าได้

วิธีแก้คือ
สำหรับวิธีแก้ไขเบื้องตน คือบอกเพื่อนให้เปลี่ยนท่านอน เป็นที่รู้กันว่าท่านอนหงายจะทำให้นอนกรนได้ เพราะฉะนั้นบอกเพื่อนไปเลยว่า เธอ ๆ รบกวนนอนตะแคงนะ จะได้ไม่กรนตอนนอน และที่สำคัญหมั่นพาเพื่อนไปออกกำลังกายบ่อย ๆ แล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ก็คงต้องทำใจ แล้วไปซื้อ ear plug มาใส่อุดหูเอาแล้วกันนะ

          สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเจอรูมเมทแบบไหน การอยู่ร่วมกันให้ได้คือสิ่งสำคัญที่สุด จะทำอะไรก็ต้องพูดคุยเปิดใจกัน ตกลงการอยู่ร่วมกันให้ชัดเจน ถ้าเจอปัญหาอะไรขึ้นมา อย่าเพิ่งหงุดหงิด ตีโพยตีพายต่อกัน ให้ตั้งสติหาทางแก้ไขทีละนิด แต่ทางที่ดีถ้าร่วมมือกันแก้ปัญหาได้ก็จะดีมาก ๆ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ดีต่อไป เพราะสุดท้ายยังไงก็ยังต้องเป็นเพื่อนกันต่อไปอีกอยู่ดี ฉะนั้นการปรับคุยกันคือทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ

เรื่อง : สิรวิชญ์ วิริยะประภานนท์