มหาวิทยาลัยแห่งอุดมการณ์และเหตุการณ์ 14 ตุลา ดินแดนแห่งเสรีภาพ แหล่งศึกษาที่ร่มเย็นเด่นริมสายชล หรือที่รู้กันในนาม “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” วันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต” ไม่เพียงแค่น้อง ๆ ที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ทุกคนจะได้ทำความรู้จักกับดินแดนที่มีเสรีภาพทุกตารางนิ้วในมุมมองใหม่ จะแตกต่างจากภาพในหัวของทุกคนหรือไม่ หรือจะไฉไลไฟกระพริบกว่าเดิมมั้ย ต้องติดตามอ่านกันนะคะ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตที่ไม่ได้ตั้งอยู่ที่รังสิต แต่ตั้งอยู่ที่คลองหลวง หรือที่นักศึกษามหาลัยฯ รู้จักกันดีในชื่อ “ทุ่งรังสิต” เพราะพื้นที่ป่ากว่า 100 เอเคอร์ เอ้ย !! นั่นมันในหมีพูห์ กลับเข้าเรื่องจริงกันดีกว่า ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางมาก และก่อนจะมาเป็นมหาวิทยาลัย พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นทุ่งมาก่อน รวมถึงอากาศที่ร้อนจนเหงื่อไหลเหมือนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ (อันนี้ขอบอกว่าไม่ได้พูดเล่น)
ศูนย์รังสิตจึงถูกเรียกด้วยความเอ็นดู ว่า “ทุ่งรังสิต” ไปโดยปริยาย บอกแค่นี้อาจจะยังไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยของเราอยู่แถวนั้น แต่ถ้าบอกชื่อสถานที่สำคัญที่ตั้งอยู่ใกล้ก็น่าจะเก็ทกัน นั่นก็คือ ตลาดไท ! ตลาดขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในภาค ซึ่งมหาวิทยาลัยของเราตั้งอยู่ตรงข้ามกับตลาดไท อาจจะไม่เป๊ะแต่ก็เยื้อง ๆ ออกมาหน่อย ประตูทางเข้าตรงนั้นจะถูกเรียกว่า “ประตูพหลโยธิน” เพราะประตูตั้งอยู่ฝั่งถนนพหลโยธินเลยจ้า ด้านหน้าก็จะมีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ตั้งอยู่ แต่ประตูทางด้านนั้นไม่ค่อยมีนักศึกษาใช้สักเท่าไหร่ เนื่องจากหอพักส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ที่ประตูเชียงราก 1 ดินแดนแห่งอาหารอร่อยทุกชนิด ซึ่งเราจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังด้านล่างอีกทีนะ เอาเป็นว่าตอนนี้ หากน้อง ๆ บางคนที่ไม่รู้จักตลาดไท อาจจะยังไม่เก็ทว่า มหาลัยวัวชนของเราอยู่ตรงจุดไหนกันแน่
เราจะมาบอกแลนด์มาร์คที่สำคัญสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั่นก็คือ สถานีรถไฟเชียงราก เอ้ยไม่ใช่ !! ห้างสรรพสินค้า “ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต” ต่างหาก ! ห้างที่เติมเต็มความศิวิไลซ์ให้กับชาวธรรมศาสตร์ เป็นห้างใหญ่ ห้างเดียวในแถบทุ่งของเรา โดยจะมีรถตู้รับส่งระหว่างห้องและมหาวิทยาลัยอยู่ตลอด ในราคาเพียง 15 บาท เท่านั้น ! ซึ่งฟิวเจอร์พาร์คก็ไม่ได้ตั้งอยู่ไกลเลยจ้า ใช้เวลาแค่ประมาณ 10 - 15 นาที ในการเดินทางจากธรรมศาสตร์ไปถึงฟิวเจอร์ (คำเตือน : เวลาขึ้นอยู่กับความเร็วในการขับรถของคุณลุงคนขับ และความไม่ขยับของรถที่ติดแหง๊ก)
เอาจริง ๆ มันเป็นห้างที่ใกล้พอสมควรเลยนะ แต่ที่มันให้ความรู้สึกไกลและนานก็เพราะ รถที่ติดยาวจนถึงแยกลาดพร้าว (นั้นก็เวอร์เกินไป) โดยเฉพาะช่วงเวลาเลิกงานตอนบ่ายสามครึ่งถึงหกโมงเย็น รถจะติดแบบสุด ๆ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ ที่กลับรถอยู่ไกลมากค่ะซิส ! ถ้าเป็นทางประตูพหล สะพานกลับรถจะอยู่เลยตลาดไทไปอีก ถ้าทางประตูเชียงรากหนึ่งก็จะมีที่สะพานไปลงตรงชุมชนบางขัน ซึ่งใกล้ขึ้นมาอีกนิดนึง โดยที่ฟิวเจอร์เนี่ยก็จะเป็นศูนย์รวมของทุกห้างสรรพสินค้า ทั้ง Big C , Spell , Robinson และสินค้าในตัวห้างฟิวเจอร์เอง เรียกว่ามีเอฟวี่ติงที่คุณต้องการแน่นอน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่รักสวยรักงาม มี Spell , Eveandboy นะจ๊ะ ไม่ได้ไก่กานะขอบอก ! คือมีทุกอย่างให้เรากระเป๋าแบนกันเลยล่ะ
ไหน ๆ ก็พูดถึงท่ารถตู้แล้ว มาดูวิธีการเดินถึงทุ่งรังสิตกันดีกว่า บอกเลยว่ามีหลายหนทางมากค่ะคุณกิตติ ตั้งแต่เครื่องบินยันรถไฟกันเลยทีเดียว แต่เรามาเริ่มตั้งกูเกิลแมพที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมินะคะ สำหรับน้อง ๆ ที่มาจากต่างจังหวัด น้องสามารถมาขึ้นรถตู้ของมอเราได้ที่เกาะพญาไท ท่ารถจะตั้งอยู่ด้านหลัง Victory point ให้น้อง ๆ มองหารถตู้ที่มีตัวอักษร TU อยู่ข้างหน้า ตรงนั้นจะเป็นท่ารถตู้ที่จะเดินทางตรงมาถึงข้างในมอธรรมศาสตร์เลยจ้า หรือจะนั่งรถเมล์ก็ได้ น้องสามารถมาขึ้นรถเมล์สาย 29, 39 หรือ 510 ได้ที่เกาะพหลโยธิน แต่ขอบอกน้องไว้นิดนึงว่า ก่อนขึ้นดูป้ายด้านหน้ารถหรือถามพี่กระเป๋ารถเมล์ก่อนนะ ว่าเขาไปธรรมศาสตร์หรือเปล่า เพราะบางคันก็ไม่เข้าธรรมศาสาตร์จ้า แต่ถ้าแนะนำก็เป็น 510 เพราะรถเมล์ส่วนใหญ่ที่เห็นเข้ามาในมอบ่อย ๆ ก็จะมี 510 เนี่ยแหละจ้า
ถ้าเป็นวันแรกพบของกิจกรรมใหม่ในวันเฟรชชี่ ก็จะมีพี่ ๆ จากแต่ละคณะมารอรับตรงท่าจ้า แต่ถ้าไม่มี ก็จะมีพี่วินมอไซต์จอดอยู่เช่นกัน เราสามารถขึ้นวินแล้วบอกสถานที่ที่จะไปได้เลยจ้า ค่ารถก็จะอยู่ไม่เกิน 30 บาทค่ะ ที่สำคัญอย่าให้ตัวเองโดนโกงในวันแรก (เหมือนพี่) นะคะ และสำหรับน้อง ๆ หรือผู้ปกครองคนไหนที่นำรถยนตร์ส่วนตัวมา สามารถเดินได้ 2 เส้นทางค่ะ
1. ทางยกระดับดอนเมือง – โทลเวย์ ขับผ่านสนามบินดอนเมืองและศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต จนสุดโทลเวย์ เมื่อลงมาก็ขับตรงมาเรื่อย ๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ฝั่งพหลโยธิน) จะอยู่ทางด้านซ้ายมือค่า
2. ทางด่วนแจ้งวัฒนะ - ม.ธรรมศาสตร์ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเชียงราก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าประตูเชียงราก 1 ได้เลยค่ะ หรือน้องคนไหนนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินดอนเมืองก็สามารถข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามแล้วขึ้นรถเมล์สาย 29, 39, 510 ได้ตามปกติเลยจ้า แต่อย่าลืมนะว่า ดูป้ายหน้ารถเมล์ให้กีก่อนว่าเข้าธรรมศาสตร์หรือเปล่า หรือน้อง ๆ ที่นั่งรถไฟมาลงที่สถานีเชียงราก สามารถนั่งแท็กซี่หรือพี่วินมาลงที่ธรรมศาสตร์ได้เช่นกันจ้า
น้อง ๆ ที่มาสอบสัมภาษณ์ แล้วอยากรู้ว่า “พี่คะ ทุ่งรังสิตนี่มันหาที่พักรายวันได้ที่ไหนบ้างคะ” วันนี้เรามีหอพักรายวันมาให้น้องเลือกกันค่ะ
- หอแรกคือ D-Luxx Thammasat เป็นหอพักรายวันของทางมหาวิทยาลัย ส่วนตัวไม่เคยไปพัก แต่รีวิวจากเพื่อน ๆ ถือว่าดีงามค่ะ หอที่นี่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณหอใน มีรถเอ็นจี้บริการถึงที่ อัตราค่าห้องพัก 800 บาท ต่อห้อง/คืน โดยห้องสามารถอยู่ได้ 2 คน
- หอพักที่ 2 คือ “ปิยะมนแมนชั่น” อยู่ฝั่งตรงข้ามประตูเชียงรากหนึ่ง ต้องเดินมาข้ามสะพานลอยนิดนึง มีพี่วินคอยให้บริการจ้า อัตราค่าห้องพัก 600 - 1000 บาท/วัน
- หอที่สามก็คือ Campus เป็นหอพักโมเดิร์นสวย ๆ ที่อยู่ฝั่งเดียวกับตัวมหาลัย ฯ แต่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางเพียงนิด (น้อง ๆ สามารถเดินไปได้ แต่น้องจะเหนื่อยหน่อยนะคะ) ขึ้นแท็กซี่หรือพี่วินในราคาไม่แพงมาลงในมอได้เลยก็จ้า อัตราค่าห้องพัก 750 - 1,000 บาท/วัน
- หอพักที่อยู่ฝั่งเดียวกับแคมปัสก็คือ J park หอที่ล่ำลือกันว่าห้องสวย ส่วนราคาห้องพัก 750 - 1100 บาท สามารถเรียกพี่วินและแท็กซี่ได้เหมือนกันจ้า และยังมีหอพักรายวันอีกมากมายรอบ ๆ ธรรมศาสตร์ น้อง ๆ สามารถหารีวิวที่จริงใจไม่จิงโจ้ดูได้ตามเว็บพันธิปเลยจ้า
น้อง ๆ คนไหนที่ได้ก้าวเข้ามาในรั้วมหาลัยธรรมศาสตร์เต็มสองข้างแล้ว สนใจอยากจะหาหอพักเช่าเป็นรายปี วันนี้พี่ก็ได้รวบรวมรีวิวหอพักต่าง ๆ มาให้เรียบร้อยแล้วจ้า สำหรับน้อง ๆ ที่รักความสะดวกสบาย เน้นอยู่ใกล้ เดินสะดวก พี่แนะนำเป็นหอพัก City park, Inter park และทรงพิเชษฐ์ เลยจ้า เพราะหอพักเหล่านี้ตั้งอยู่ติดกับประตูเชียงรากหนึ่ง ใช้เวลาเดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงอาคาร sc แล้ว
- เริ่มที่ City park หอพักตึกสูงระฟ้าสีน้ำตาลประจำประตูเชียงราก เป็นหอใหม่ มีห้องพักคาตั้งแต่ 6,000 - 7,000 บาทขึ้นไป มีแบ่งโซนหญิงและโซนรวม และมีฟิตเนส , สระว่ายน้ำ , ห้องอ่านหนังสือ ได้ข่าวจากเพื่อน ๆ ว่า ที่นี่ห้องใหม่และสวย แต่ขนาดห้องเล็กไปหน่อย และจองยากมาก (กอไก่ล้านตัว) ถ้าจะจองนี่ต้องเฝ้าหน้าเว็บให้ดี ๆ เลยละค่ะ ข้างใต้หอมี Watsons , Mezzo , เซเว่น และร้านตัดผม คาเฟ่ ร้านสเต็กและอีกสารพัดร้านค้า หนุ่ม ๆ ที่หอหน้านี่ขอบอกเลยว่า ดีและหุ่นแซ่บมากจ้า ! เคยแอบมองตอนไปซื้อของที่วัตสัน อิอิ
- ส่วน Inter park เป็นหอที่สร้างมาก่อนซิตี้ ภายนอกดูเก่า แต่ข้างในห้องใหม่ มีสระว่ายน้ำ ข้างล่างหอก็มีร้านอาหารอร่อย ๆ เยอะมาก ตั้งแต่บุฟเฟ่ยันร้านนม และมีแฟมีลี่มาร์ท ส่วนราคาห้องพักอยู่ที่ 6,000 บาทขึ้นไป
- และอีกที่ก็คือ “ทรงพิเชษฐ์” เป็นหอที่มีอายุพอสมควร แต่การตกแต่งภายในห้องค่อนข้างใหม่ ได้ยินจากปากเพื่อน ๆ และรุ่นพี่หลายคนบอกว่า “ก็ดีนะ อยู่ได้” มีเซเว่นข้างล่างหอ ฟิตเนส และร้านอาหารอีกมากมาย รวมถึงร้านขายเครื่องเขียน หรือของใช้ในหอก็มีนะเออ ส่วนราคาห้องประมาณ 4,500 - 5,000 บาทจ้า
ถัดจากแถบหน้าประตูเชียงรากมา ก็จะมาถึงโซนยูแสควร์ ดินแดนแห่งร้านอาหารและศูนย์รวมผู้คน จะมีหอ Banyantree, Twintown , U-house , U-plus
- สำหรับ “Banyantree” เป็นหอพักสีเขียว - น้ำตาล เด่นสะดุดตา อยู่ติดกับร้านชมดาวหรือที่เหล่านักศึกษาธรรมศาสตร์รู้จักในชื่อว่า “ก้ำกึ่ง” อธิบายง่าย ๆ ก็คือร้านเหล้าที่มีดนตรีสด และเด็ก มธ.ชอบไปมาก ๆ ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในหอบันยันทรีชั้นล่าง ๆ จะค่อนข้างหนวกหู เวลาจะอ่านหนังสือก็ลำบากหน่อย เห็นว่าพอชั้นบน ๆ แล้วอยู่คนละฝั่งหรือก้ำกึ่งออกมาหน่อย ก็ถือว่าเสียงไม่ดังมากจ้า ส่วนขนาดห้องไม่ใหญ่มาก ราคาอยู่ที่ 5,500 - 6,000 บาทค่ะ หออยู่ตรงกลางระหว่างซิตี้ปาร์คกับยูแสควร์ หากินง่าย จ่ายสะดวก แถมมีร้านเกมอยู่ข้างล่าง จะมีหนุ่ม ๆ หน้าตาดีมานั่งหน้าร้านเกมอยุ่บ่อย ๆ บอกเลยว่างานละเอียดมากจ้า
- Twintown เป็นหอที่อยู่ตรงข้ามยูแสควร์เลย หอดูเก่า ๆ หน่อยแต่ห้องโอเค อยู่ได้ แยกฝั่งรวมกับฝั่งหญิง มีเน็ตให้ ความเร็วระดับเล่นเกมได้ ไม่มีหลุด ในหอมีฟิตเนสเป็นห้องเล็ก ๆ เหมือนห้องเก็บของ และรวมเครื่องเล่นทุกอย่างไว้ในนั้น ราคาห้องประมาณ 4,500 บาท ด้านล่างหอร้านอาหารเยอะมาก พร้อมด้วยความยูแสคร์และเซเว่นตรงยูเฮาส์ งานนี้เธอไม่มีวันอดตายแน่นอน !
- U-house เป็นหอใหม่ ห้องดี เฟอร์นิเจอร์โอเค ห้องไม่ใหญ่มาก มีทั้งชั้นหญิงล้วนและชั้นรวม มีไมโครเวฟ , ตู้เย็น , เครื่องซักผ้า ของใช้ส่วนรวมเอาไว้ให้ ห้องมีหลายขนาดและหลายราคามากเวอร์ อะไรจะเยอะเบอร์นั้น ราคามีตั้งแต่ 5,500 - 8,200 ที่นี่คิดราคาเน็ตแยก ซึ่งห้องแปดพันสองจะห้องใหญ่สุด อยู่ชั้นเก้า เตียงใหญ่นุ่มมาก แต่ระเบียงเล็ก สามารถตากผ้าได้ไม่เกิน 15ชิ้น สำหรับห้องแสตนดาร์ด จะมีระเบียงกว้างขึ้นมาหน่อย แต่นกเยอะมาก ชั้นล่าง ๆ ต้องระวัง เตียงแข็ง นอกนั้นก็ถือว่าโอเค แต่ราคาแอบแพงไปนิด เพราะไม่มีสวัสดิการอะไรให้เลยนอกจากไอติมฟรีตักเท่าไหร่ก็ได้ใต้หอ และใต้หอมีเซเว่นและอยู่ตรงข้ามยูแสควร์ ไม่อ้วนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
- U-plus จะคล้าย ๆ ยูเฮาส์เพราะเจ้าของเดียวกัน แต่จะมีความแพงและดูดีกว่า ห้องจะใหญ่มากขึ้นไปอีก ขนาดและราคาห้องก็มีหลากหลายอีกนั้นแหละตั้งแต่ 8,000 - 10,000 บาท เฟอร์นิเจอร์ก็จะดีงามไปตามราคาห้อง แต่สวัสดิก็ยังไม่มีเหมือนเดิม แต่พนักงานที่ดูแลใต้หอพูดจาดีมาก เพราะว่าเป็นบริษัทก็เลยเหมือนจะเทรนพนักงานมาดีพอสมควรเลยจ้า สำหรับการรีวิวหอพัก พี่ก็ขอจบไว้ตรงนี้ น้องๆคนไหนที่อยากหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่เว็บ horpak tu หรือเสิร์ชหารีวิวได้ในเน็ตเลยจ้า
พูดถึงที่พักแล้วจะไม่พูดถึงของกินก็คงจะไม่ได้ เชียงราก 1 เป็นแลนด์มาร์คหนึ่งที่มีร้านอาหารเยอะมาก ตั้งแต่บุฟเฟ่ไปจนถึงร้านอาหารตามสั่ง เนื่องจากจำนวนของมันเยอะมาก ๆ เลยขอทำเป็นรีวิวแบบสั้น ๆ แทน (คำตือน : การรีวิวอาหารขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วยจ้า)
สำหรับร้านอาหารตามสั่งที่อร่อย ๆ ก็จะมี ร้านใบโมก , ร้านป้าหนู และร้านเสวย ร้านป้าหนูกับใบโมกจะอยู่ใต้หออินเตอร์ ใบโมกจะเป็นร้านอาหารติดแอร์ อาหารอร่อย ราคา 45 - 60 แล้วแต่เมนู แต่รอนาน ยิ่งช่วงคนเยอะ ๆ ก็คือจบปีสี่เพิ่งจะได้กิน ! สำหรับร้านป้าหนู ร้านไม่ติดแอร์ แต่อาหารอร่อยดี ทำเร็วด้วย ราคาก็จะถูกกว่าใบโมกนิดนึง ส่วนเสวยเป็นร้านที่อยู่ในยูแสควร์ ส่วนตัวพี่คิดว่าเป็นร้านอาหารที่กินได้ที่สุดในยูแสควร์ ราคาก็พอ ๆ กันกับป้าหนู แต่ร้านนี้นักศึกษาชานวิศวะชอบมากิน ซึ่งแน่นอนว่า ดีงามมาก ! สำหรับเมนูอาหารตามสั่งในแถบมหาลัย ฯ ก็จะเหมือน ๆ กัน จนเรานึกว่าช่วยกันคิดขึ้นมา แบบถ้าร้านนึงมีปลาทอดซอสมะนาวเป็นอาหารแนะนำ ไปอีกประมาณสองร้านก็จะเจอปลาทอดซอสมะนาวเหมือนกัน
สำหรับร้านบุฟเฟ่ แถวมอที่เห็นคนกินกันบ่อย ๆ ก็จะมี Namba shabu , ย่างเนย , ชาบูลาว นัมบะจะเป็นชาบูราคา 279 และ 329 (จะมีเนื้อกับซีฟู๊ด) ซึ่งเป็นราคารวมน้ำ มีน้ำซุปหลายแบบ ของเยอะ มีชีสให้เติมไม่อั้น รีวิวมากมายไปดูได้ เพราะคนไปกินกันบ่อยมาก ส่วนย่างเนยเป็นร้านปิ้งย่างขวัญใจชาวธรรมศาสตร์ มีสองสาขา สาขาแรกอยู่ในซอยเจปาร์ค สาขาใหม่อยู่ที่เชียงราก 2 ราคา 199 บาท ไม่รวมน้ำ เนื้อหมูดีงามมาก เนื้อวัวก็มีแต่ต้องสั่งกับพนักงาน แบบหม้อต้มก็มี เนยเติมไม่อั้น น้ำจิ้มก็อร่อย คนไปเยอะ ต้องรอหน่อย แอบคิดว่าของน้อยไปหน่อยด้วย และชาบูลาว อยู่ข้างใต้อินเตอร์ปาร์คเหมือนกัน เป็นร้านชาบูที่มีทั้งเตาต้มและปิ้ง ราคามีทั้ง 199 และ 259 บาท (มีเนื้อวัวและซีฟู๊ด) ราคาไม่รวมเครื่องดื่ม น้ำจิ้มร้านนี้จะเป็นแบบน้ำจิ้มลาว หมูหมักลาวอะไรแบบนี้ ถือว่าน่าสนใจดี แต่พี่กินแล้วมันก็ไม่ได้ประทับใจขนาดนั้น แต่ชอบผักที่เขาให้มา มันเหมือนกินจิ้มจุ่มผสมชาบู มีพวกสมุนไพรไทยหอม ๆ แล้วก็ผักกาดตามปกติ หมูอร่อยดี แต่อยากให้น้ำหมักมันซึมเข้าไปมากกว่านี้อีกหน่อย และเนยก็ต้องคอยเรียกให้พนักงานเติมให้ตลอด ๆ พวกพี่ ๆ จะชอบพาไปเลี้ยงสายหรือเลี้ยงจบงานที่นี่ เวลาเดินผ่าน จะได้กลิ่นที่หอมมาก ๆ จนอยากเลี้ยวเข้าไปกินเลยอ่ะ และอีกสามร้านสุดท้ายที่พี่อยากแนะนำก็คือ ตำแซ่บ , ชินคันเซน และ So cool มาเริ่มที่ร้านตำแซ่บกันก่อน เป็นร้านส้มตำติดแอร์ใต้หอทรงพิเชษฐ์ เป็นร้านเล็ก ๆ แต่อาหารอร่อยมาก (กอไก่ล้านตัว) ส่วนตัวชอบมาก ๆ โดยเฉพาะไก่ทอด ดีงามแบบที่ว่า แค่ 5 น่องมันไม่พออ่ะ ใช้สูตรหมักด้วยอะไรไม่รู้ แต่มันเค็ม ๆ หวาน ๆ ลงตัวมาก แต่ราคาของร้านนี้อาจจะแพงขึ้นมานิดนึง แต่ยังรับได้ถ้าเทียบกับความอร่อย
สำหรับชินคันเซน เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นติดแอร์สุดนิยมของชาวคลองหลวง อยู่ใต้หออินเตอร์ปาร์คอีกนั่นแหละ ร้านคนเยอะมาก ๆ มีอาหารตั้งแต่ซูชิจนถึงข้าวหน้าต่าง ๆ อาหารอร่อย วัตถุดิบสด แต่ราคาค่อนข้างสูง แนะนำให้พาพ่อแม่มากินนะ และร้านสุดท้าย So cool เป็นร้านขนมหวาน ตั้งอยู่ข้างหลังชาบูลาว มีขนมหวานเยอะมาก ตั้งแต่วาฟเฟิลไปจนถึงโทสต์ต่าง ๆ ในร้านที่ติดแอร์เย็นสบาย มีโตีะรองรับทั้งข้างในและข้างนอก แต่ข้างในร้านแคบไปหน่อย พอเดินผ่านแล้วกลิ่นหอม ๆ มันชอบลอยมา แบบกลิ่นของวาฟเฟิลอ่ะ ซึ่งวาฟเฟิลก็หอมอร่อยตามกลิ่นเลย ดีงามมาก ๆ ขนมอย่างอื่นก็ดีงาม มีเมนูให้เลือกเยอะมาก ๆ และในมอจะมีตลาดนัดหลายวันมาก ซึ่งมีร้านอาหารอร่อยอีกมากมาย น้อง ๆ คนไหนสนใจไปเดินดูได้มีเฉพาะวันธรรมดาจ้า
เรื่องกินเล่นเรียบร้อยไปแล้ว เราก็มาที่เรื่องสำคัญกันบ้าง สำหรับน้อง ๆ ที่เพิ่งเคยมาธรรมศาสตร์ครั้งแรกในวันสัมภาษณ์หรือวันสอบ และน้องคิดว่า “พี่คะ ! นี่มันตรงไหน แล้วหนูต้องไปตรงไหน” พี่ก็ขอบอกให้น้องเดินตามแผนที่กันเอง (เอ้ยไม่ใช่อย่างนั้น) ใครจะไปใจดำขนาดนั้น เพราะพี่จะมาแนะนำสถานที่ในมอที่น้อง ๆ ควรจะรู้จัก เริ่มกันที่แรกคือ “หอสมุด อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์” สถานที่พักพิงของเหล่านักศึกษาผู้ใฝ่เรียนรู้ และหลบหนีความร้อนจากดวงอาทิตย์ เพราะแอร์หอสมุดเย็นมาก (เสียงสูง) ช่วงสอบมีหลายคนเอาผ้าห่มไปเพราะแอร์หนาวมาก หอสมุดมีหลายโซน ทั้งโซนเงียบไว้สำหรับคนอ่านหนังสือและต้องการสมาธิ โซนปกติที่โซนนี้จะเสียงดังหน่อย โซนห้องประชุมที่ต้องรีบมาจองกันเพื่อให้ได้ห้องประชุมเงียบ ๆ ไว้ทำงาน และโซนหนังสือชั้นบน ในหอสมุดก็จะมีร้านกาแฟสตาร์บัคฃ ร้านทรูคอฟฟี่ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสตาร์บัค น้อง ๆ สามารถเข้าไปอ่านหนังสือหรือทานน้ำทานขนมเติมพลังในร้านได้จ้า
อีกสถานที่สำคัญก็คือ “อาคารศูนย์การเรียนรู้” หรือที่ทั่ว ๆ ไปเรียกว่า ศ.ก.ร ถ้าเปรียบเป็นมัธยมก็คงจะเป็นอาคารอเนกประสงค์ อาคารที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉันเลย ตั้งแต่ที่ทำงานกลุ่ม ที่ประชุม ไปจนถึงห้องนอน และความพีคของ ศ.ก.ร คือเป็นอาคารที่เปิด 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งเทอม ! จะมีนักศึกษามานั่งเผางานที่ ศ.ก.ร ให้เห็นเป็นประจำ บางคนก็ใช้เป็นที่นอนในวันที่เข้าหอในไม่ทัน ภายในอาคารจะมีห้องคอมพิวเตอร์, ห้องประชุม, โรงหนัง และโซนอ่านหนังสือให้ คือเป็นเอฟวรี่ติงจริง ๆ จ้า
อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่อดพูดถึงไม่ได้ก็คือ อาคารเรียนรวม SC อาคารทรงเหมือนยานอวกาศ ที่มองไปมองมามันก็สวยเหมือนกันนะ เป็นอีกอาคารหนึ่งที่มีการใช้งานอย่างคุ้มค่า เป็นอาคารเรียนรวมที่เราก็ไม่นึกว่าจะเรียนรวมขนาดนี้ ทุกวันนี้แทบไม่ได้เรียนที่คณะ เพราะมีเรียนแต่ที่ SC และห้องหับใน SC ก็มีหลายร้อยห้อง เดินวนหากันไป หลงง่ายยิ่งกว่าเซนเวิลด์ ซึ่งอาคาร SC เป็นเหมือนศูนย์รวมของหลาย ๆ คณะ เพราะเมื่อมองจากด้านบน ที่แยกออกมาคืออาคารของคณะต่าง ๆ คณะด้านสังคมส่วนใหญ่จะประจำอยู่แถวนี้ ส่วนคณะทางวิทยาศาสตร์ เช่น คณะแพทย์หรือคณะวิทย์ จะอยู่ทางฝั่งประตูพหลโยธินซะส่วนใหญ่ เวลาจะไปแอ๊วเด็กแพทย์จึงไม่ง่ายอย่างที่น้อง ๆ คิดนะคะ บอกเลย !
ลานจัดกิจกรรมส่วนใหญ่จะจัดตรงพื้นที่ลานอินเตอร์โซน บริเวณลานหน้าหอใน เป็นลานที่มักมีงานแสดงดนตรีของชมรม หรือมีงานขายของอยู่ตลอดเวลา และจะเป็นงานกลางคืนเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากความเป็นทุ่งรังสิต ทำให้ยุงที่มอเราดุมาก ๆ การพกซอฟเฟลติดตัว เป็นเรื่องปกติของคนในมอ ยุงเยอะและตามเราไปทุกที่จ้า ไม่ว่าจะลานอินเตอร์โซนหรือชาบูลาว พี่แนะนำให้น้องพกมันไว้ เวลามีงานทำที่คณะดึก ๆ จะได้มีไว้กันคุณยุงทั้งหลาย
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้เล่าไปเกี่ยวกับเรื่องในมอ ทุก ๆ คนคงพอจะเห็นภาพบางส่วนออกแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งเท่านั้น การเรียนมหาวิทยาลัยมันอาจจะไม่ได้สบายและสนุกอย่างที่ทุกคนวาดภาพไว้ มันจะต้องมีบางเทอมที่น้องต้องไปเรียนตอนแปดโมงเช้า บางเทอมก็ต้องไปเรียนตอนสี่โมงครึ่ง คือเวลาเรียนไม่เป็นแบบที่เคยชินในสมัยมัธยมอีกต่อไป น้องจะได้พบเจอกับความรู้สึกที่หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่ความเครียดไปจนถึงความเหงา น้องจะเครียดตั้งแต่ลงทะเบียนเรียน สอบมิดเทอม ประกาศผลสอบ ไปจนถึงสอบไฟนอล และวนลูปเดิม ๆ ไปถึงสี่ปี น้องอาจจะเหงาที่ต้องอยู่คนเดียว เพราะน้องกับเพื่อนจะเรียนไม่เหมือนกัน มันจะมีวิชาที่น้องจะได้เรียนกับเพื่อนทั้งคณะ และวิชาที่ทั้งคณะมีแค่น้องคนเดียวที่เรียน และน้องก็จะมีความสุขที่ได้ทำกิจกรรมที่มันทั้งหนักและเหนื่อย แต่มันออกมาดีเพราะน้องและเพื่อน ๆ ช่วยกันทำ น้องจะมีความสุขหลังจากเห็นเกรดที่น้องตั้งใจอ่านมากมายแล้วผลที่ออกมามันคุ้มค่า
ชีวิตมหาลัยมันมีอะไรมากกว่าที่น้องคิดไว้มาก รวมถึงตัวมหาวิทยาลัยเองด้วย ที่นี่อาจจะไม่ได้เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพทุกตารางนิ้วแบบที่น้องวาดไว้ เพราะกรอบคำว่าเสรีภาพของแต่ละคนต่างกัน แต่ที่นี่จะเป็นมหาลัย ฯ ที่ให้น้องได้แสดงออกทางความคิดเห็นบนพื้นฐานสิทธิเสรีภาพของน้อง ที่นี่อาจจะไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งอุดมการณ์ที่ฝังไปในเส้นเลือดในแบบที่น้องคิดไว้อีกแล้ว แต่ในที่สุด ไม่ว่าน้องจะอยู่ข้างไหน ที่นี่น้องจะเจอคนที่มีอุดมการณ์เหมือนน้อง ให้น้องได้ปลดปล่อยความชอบและความเป็นตัวเองออกมา และสุดท้าย ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ปลดล็อคศักยภาพของคน น้องจะไม่มีวันรู้ว่าตัวเองมีอะไรดี จนกว่าน้องจะได้ลงมือทำ และพี่หวังว่าเราจะเจอกันในวันแรกพบนะคะ
เรื่อง : ธนารีย์ รัตนฉายา
นามปากกา : Blackbabelfish