เรื่องและภาพ: กัลยาณี แนวเล็ก

 พลอยใจ 
 MICE and Events Management DTC 

‘BE MICE BE Creative’ สโลแกนของสาขา MICE and Events Managements อาจจะไม่ค่อยคุ้นเท่าไรสำหรับชาว #AdGang59 อาจจะคิดว่ามันคือสายงานนิเทศฯ หรือเปล่า แต่จริง ๆ แล้วงานภาพรวมเป็นหน้าที่ของสาขา MICE and Events Managementsนั่นเอง แล้วสาขานี้ต้องเรียนอะไรบ้าง รุ่นพี่ซีเนียร์อย่าง พลอยใจ-ชนัดดา ทิมแจ้ง คณะอุตสาหกรรมบริการ วิทยาลัยดุสิตธานี พาไปเจาะลึกถึงหลักสูตรที่เรียนกันเลย

เลือกเพราะชอบความไม่จำเจ
ตอนที่อยู่ม.6เรามานั่งถามตัวเองว่า ที่เราจะเรียน สิ่งที่ต้องการจะเป็น ชอบทำงานแบบไหน มานั่งคุยกับตัวเองก่อน ได้คำตอบมาว่าเราไม่ชอบงานจำเจ ชอบงานอะไรใหม่ ๆ ชอบแบบแสง สี เสียง แล้วก็ไม่ชอบอยู่ติดกับออฟฟิศมากเกินไป เลยคิดว่าหนีไม่พ้นงานที่บ้านซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับ Events ก็เลยมาลิสต์ดูก่อนว่าคณะอะไรบ้างที่เราไม่ต้องทำอะไรจำเจ ตอนแรกก็เล็งไว้ นิเทศฯ หรือว่าสถาปัตย์ไหมเพราะว่า เราก็ชอบวาดรูปด้วย หรือว่าจะมี Events ในไทยมีสอนหรือเปล่า จู่ ๆ ก็เจอบูธของวิทยาลัยเห็นมี MICE and Eventsก็เลยพุ่งประเด็นมาตรงนี้เลยค่ะ
 

หลักสูตร MICE and Events

ปีหนึ่ง ต้องบอกก่อนว่าคนมองภาพลักษณ์ของคณะอุตสาหกรรมบริการ มองถึงเเรื่องเซอร์วิส แต่ว่าจริง ๆ แล้วพอเข้ามาเรียนตัวบริหารหมดเลย ใครคิดว่าจะหนีเลข สถิติ บัญชี ไฟแนนซ์ก็มาครบหมดเลยค่ะ มีเรียนปรับพื้นฐานก่อน แล้วก็จะเรียนประจำของสาขาตัวเอง แต่ว่าของเราเป็นอุตสาหกรรมบริการ ดังนั้นพื้นฐานของอุตสาหกรรมบริการก็ต้องเรียนด้วย มีวิชาที่น่าสนใจหนึ่งก็คือ HU เป็นวิชาที่สอนให้นักศึกษารู้ในเรื่องของดุสิตคาแรคเตอร์ เหมือนเป็นดีเอ็นเอของชาวดุสิตค่ะ คือมีความตรงต่อเวลา เรียนรู้เรื่องของระเบียบวินัยคนที่จะทำอาชีพของการเซอร์วิสค่ะ ที่จำเป็นจะต้องมีบุคลิกภาพ การแต่งหน้าก็ต้องแต่งไป ถุงน่องก็ต้องใส่ เน็ตก็ต้องติด อันนี้คือทุกคณะต้องเรียน การแต่งตัวทุกคนจะใส่เหมือนกันหมดคือ ชุดสูท ยกเว้นมีวิชาพละ
 

ปีสอง เริ่มเจาะวิชาหลักของตัวเอง แต่ก็จะต้องรู้ในเรื่องสาขาครัว อย่างเช่นเรื่องของอาหาร ก็จะมีวิชา Culinary Arts เป็น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกอบอาหาร ก็จะเรียนว่าข้าวมีกี่ชนิด ต่อด้วยวิชา Catering ต้องรู้เรื่องการจัดเลี้ยงว่าถ้าสมมติเราจัดงาน แล้วแขกมีการแพ้อาหาร ซึ่งอาจจะมีแพ้กลูเตน เราก็จะต้องรู้ว่าเขาแพ้กลูเตนเขาก็จะกินอาหารจำพวกแป้งอะไรอย่างนี้ไม่ได้ เราก็จะต้องรู้ของสาขาอื่น รู้สาขาของท่องเที่ยวด้วยเพราะว่า เราต้องเรียน Incentive เรื่องของการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลนะคะ ดังนั้น เราต้องเรียน Intro Tour ก็มีการออกทริปกับสาขาทัวร์ เราก็จะต้องรู้ให้เท่ากับทัวร์ เวลาเราทำงานต้องคิดโปรแกรมทัวร์เป็นค่ะ

ปีสาม มีการตลาด เศรษฐศาสตร์ กลยุทธ์ แล้วก็มีเป็นพวกสัมมนา เรียนเกี่ยวกับทัวร์ พฤติกรรมนักท่องเที่ยว วิชาที่เจาะไปทาง MICE ก็จะมี Intro MICE มีการท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง งานประชุม และมีวิชาเกี่ยวกับการจัดการ Events

ปีสี่ เรียน Trade Shows ให้รู้ว่างานแสดงสินค้า ต้องทำอะไรบ้าง เรียน Risk Management เป็นเรื่องบริหารความเสี่ยงว่าจัดงานต้องดูเรื่องอะไรบ้าง แล้วก็สมมติว่าเกิดเหตุการณ์นี้เราจะทำยังไงค่ะ แล้วก็มีวิชา Innovative เกี่ยวกับนวัตกรรมของ MICE เราจะเอานวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้อะไรบ้าง ส่วนใหญ่วิชาสาขาจะเน้นไอเดีย แล้วก็จะมีวิชา Information เอาพวกเทคโนโลยีสารสนเทศมาให้เกี่ยวข้องกับเรื่องของงาน Event ค่ะ ว่าเราจะใช้อะไรได้บ้าง ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความคิด ไอเดีย ความเป็นครีเอทีฟเพราะว่า อย่างของสาขามีคำที่เป็นสโลแกน ‘BE MICE BE Creative’ MICE คือการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมนานาชาติ แล้วก็การจัดนิทรรศการค่ะ ส่วน Event ก็กิจกรรมพิเศษอันนี้คือเข้าใจแบบตรงตัวเลย
 

โปรเจ็กต์
ส่วนใหญ่แล้วปีสามปีสีจะเรียนด้วยกัน เกือบทุกวิชาของสาขาจะมีโปรเจ็กต์หมดเลย แต่ถ้าเน้น ๆ ก็ Catering เราต้องทำเป็นโมเดลเล็ก ๆ เหมือนของสถาปัตย์ค่ะ หรือว่าวิชาที่เรียนอยู่ Risk Management ค่ะเป็นเรื่องของความเสี่ยง โปรเจ็กต์ก็คือตอนนี้ ดุสิตธานีของโรงแรม ก็ไปจัดเหมือนจะมีงานเกิดขึ้นเป็นงานระดับ อินเตอร์เนชั่นแนล อาจารย์ก็ให้นักศึกษาของ MICE ไปดูในเรื่องของ เพลนารี ฮอลล์ เข้าไปร่วมจัดการกับของทางวิทยาลัย ดังนั้นนักศึกษาก็เข้าไปแล้วก็ได้ทำโปรเจ็กต์นำเสนอกับทางท่านอธิการ เรื่องของโชว์ว่างาน Grand opening โชว์ยังไง เปิดยังไง เราจะรันคิวอย่างไร อันนี้เป็นโปรเจ็กต์หนึ่งที่ทำจริง ๆ เลย
 

ฝึกงาน
ปีสามต้องเข้าไปฝึกที่สถานที่จัดงานก่อน ปีสี่คุณถึงได้ฝึกพวกออแกไนซ์ หรือเซลล์ เขาจะแบ่งไปเลย แต่ด้วยสาขาเราเข้ากับศูนย์ประชุมง่ายอยู่แล้ว ต่างกับโรงแรมเราจะเข้ายากหน่อย ดังนั้นถ้าเราอยากเรียนรู้เรื่อง processโรงแรม เราควรจะไปฝึกงานช่วงนี้มากกว่าเพราะว่า มองว่าถ้าเราจบไปยังไงเราฝึกกับทางสถานประกอบการพวกของ อิมแพค ไบเทค เข้าง่ายมาก ก็เลยคิดว่าจะฝึกโรงแรมก่อน
 

กิจกรรม ประเพณีประจำคณะ
มีรับน้องค่ะ ทุกคนจะมองว่ารับน้องมันโหด ถามว่ามีพี่ว๊ากไหมก็มี แต่เราเรียกพี่ระเบียบ ตรวจระเบียบอย่างเดียวเราจะไม่ดุคุณนอกเหนือจากนั้น คือเราไม่มานั่งด่าเรื่องไร้สาระค่ะ เราจะดุแค่ว่าเนคไทคุณยังไง คุณแต่งตัวถูกระเบียบไหม คุณติดเข็มไหม ทรงผมคุณถูกไหม สีผมคุณทำหรือเปล่า เล็บคุณตัดไหม คือเราเอาดุสิตคาแรคเตอร์ทุกอย่างสอนน้อง แล้วส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของการบริการปลูกฝังตั้งแต่ต้น เวลาเราเจอน้องหรือว่าเจอใครก็จะรับไหว้น้องตลอดหรือไม่ก็ทักทาย สวัสดีค่ะ คืออยากให้พี่กับน้องรักกันมากกว่าที่จะมานั่งว๊ากไร้เหตุผลค่ะ

ประชุมเชียร์ที่นี่มีความพิเศษอย่างหนึ่งคือ มีดื่มน้ำปฏิญาณ แต่อันนี้ปฏิญาณเกี่ยวกับอุตสาหกรรมบริการ เหมือนซื่อสัตย์ในอาชีพตัวเอง ก็จะมีนางรำ มีเป็นพิธีเชิญพระสยามเป็นประเพณีของที่นี่ค่ะ เรียกว่า พิธีอันเชิญประสาทดุสิต บายศรีก่อน แล้วก็อัญเชิญพระสยามเทวาธิราช มีนางดุสิตา มารำถวาย แล้วก็ปรุงน้ำแล้วให้น้องดื่มน้ำมะฮอกกานี(ต้นไม้ประจำสถาบันคือ ต้นมะฮอกกานี) เป็นน้ำสมุนไพร ดื่มน้ำปฏิญาณตนด้วยกัน แล้วจะมีพี่ซีเนียร์มาทำสะพานชีวิต คือทำให้พี่กับน้องสร้างสัมพันธ์กัน
 

สิ่งสำคัญของ MICE และ Events
ถ้าพูดถึงงาน Events คุณจะทำยังไงก็ได้ถ้างานมันพลาดลูกค้าต้องไม่รู้ หมายถึงว่า เราต้องมีความยืดหยุ่นพอสมควร แต่บางเรื่องเราต้องเคร่งเหมือนกัน ทำยังไงก็ได้ให้งานมันโอเคที่สุด แล้วคนที่กำลังร่วมงานอยู่เขาแฮปปี้ เขายังเอนจอยอยู่ แล้วมีเรารู้อยู่คนเดียวว่างานเราพลาดนะ แค่นี้พอ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ลูกค้าแฮปปี้เพราะมันเป็นงานบริการ MICE ก็เหมือนกัน แต่ในแต่ละตัว MICE คือ งานทุกงานลูกค้าแฮปปี้ใช่ แต่อย่างงานประชุมต้องรอบคอบมากสำหรับการจัดงานเพราะค่อนข้างที่จะละเอียด ตัว Incentive ทำไงให้มันประทับใจมากที่สุด ทุกอย่างต้องเป็นที่หนึ่งทุกอย่างต้องเป็นนัมเบอร์วัน ทุกอย่างเป็น the best ของ the best ค่ะ คือทำยังไงให้ลูกค้าคิดว่าเขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของตรงนั้นอะไรอย่างนี้ค่ะ ส่วนถ้าเป็นเรื่อง Convention ก็เหมือนงานประชุมเป็นงานฉาบฉวย คือเราจัดงาน Exhibition ขึ้นมา เราไม่ต้องคิดอะไรเยอะกับเรื่องโครงสร้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอดภัยเพราะว่าโครงสร้างสามารถรื้อถอนได้ ความปลอดภัยต้องมีสูง
 

ตลาดงาน
ค่อนข้างที่จะโตคือ ตราบใดที่คนยังบริโภคของอยู่หรือตราบใดที่คนยังต้องการทำมาร์เก็ตติ้งอยู่เพื่อโปรโมทสินค้าตัวเอง ยังไง ๆ งาน Event ก็เกิด ที่สำคัญงาน Event ของไทยเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ อย่างแรกคือต้องมองศักยภาพของประเทศเราก่อน เรามีทรัพยากรค่อนข้างที่จะสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว แต่ว่ามันเป็นเรื่องของสถานที่จัดงาน เรื่องของการอำนวยความสะดวกให้เขา ทุกอย่างมันพร้อมมากกับการที่จะจัดงาน เป็นศูนย์กลางของ AEC อีก แต่อย่างเดียวที่ขาดเลย บุคลากรที่จะทำเกี่ยวกับ MICE ค่ะ
 

ADMISSIONS UNLOCKED

- สนใจที่จะเรียนเกี่ยวกับด้านนี้
- ต้องเป็นคนที่ขวนขวายเพราะงาน MICE อัพเดทตลอดเวลา
- ใจรักงานบริการ
- มีความอดทนสูง
- ความเป็นครีเอทีฟ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องมองภาพงานให้ออก