ในหลวง : ผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม
นับแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระบรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 เป็นปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” เป็นต้นมา ตราบจนถึงปัจจุบันใกล้จะครบ 60 ปี แห่งการดำรงสิริราชสมบัติ ณ วันที่ 9 มิ.ย. พ.ศ. 2549 ที่จะถึงนี้แล้วนั้น เราจะพบว่าพระราชจริยาวัตรและพระราช-กรณียกิจที่ทรงปฏิบัติตลอดมา ได้เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกันว่าทรงดำเนินตามแนวพระราชปณิธานอย่างแน่วแน่ และทรงถึงพร้อมด้วยหลักราชธรรมที่พระมหากษัตริย์พึงปฏิบัติทุกประการไม่ว่าจะเป็นราชสังคห-วัตถุ 4 , จักรวรรดิวัตร 12 , ขัตติยพละ 5 , พรหมวิหารธรรม 4 และ ทศพิธราชธรรม ทั้งนี้ด้วย ทรงตระหนักถึงความจำเป็นและความสำคัญของศีลธรรมทางศาสนา อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก จึงทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีเสมอมา ในที่นี้จักได้อัญเชิญพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติในการปกครองประเทศโดย “ธรรม” เฉพาะทศพิธราชธรรมมาเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่า นอกจากจะทรงมีพระปรีชาสามารถแล้วยังต้องทรงใช้พระวิริยอุตสาหะ และ ความเสียสละ มากมายเพียงใด จึงบรรลุถึงซึ่งประโยชน์สุขแก่มหาชนคนไทยได้เช่นทุกวันนี้
ทศพิธราชธรรม หรือ ธรรมของพระราชา 10 ประการ นั้น ประกอบด้วย ทาน, ศีล, ปริจจาคะ, อาชชวะ, มัททวะ, ตปะ, อักโกธะ, อวิหิงสา, ขันติ และ อวิโรธะ
- ทาน นั้นมีสองอย่างได้แก่ธรรมทาน กับ อามิสทาน ธรรมทานคือการให้สติปัญญา, ความรู้, คุณธรรม, ความถูกต้อง เป็นการให้ความดีให้ความสุขสงบเย็น ข้อนี้พสกนิกรชาวไทยทุกคนได้รับอยู่เสมอ จากพระบรมราโชวาท-พระราชดำรัสที่ได้พระราชทานในโอกาสต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดสติปัญญา สามารถนำไปปฏิบัติ แก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ และตั้งอยู่ในความดีมีสุข ส่วนอามิสทานคือการให้วัตถุเป็นทานนั้น เราก็เห็นกันจากการที่ได้พระราชทานอาหาร ยารักษาโรค เมล็ดพันธุ์พืช และของใช้จำเป็นอื่นๆในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรตามท้องถิ่นทุรกันดารที่เขามีความขาดแคลน รวมไปถึงผู้ประสบภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติก็ล้วนได้รับพระราชทานความช่วยเหลือมาโดยตลอด เรียกได้ว่าทรงบำเพ็ญทานบารมีอย่างมากมายและครบถ้วนสมบูรณ์
- ศีล เป็นคุณธรรมพื้นฐานของมนุษย์ ผู้มีศีล คือผู้มีเจตนางดเว้นจากการประทุษร้าย หรือทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยกาย หรือวาจา ผู้มีศีลย่อมสำรวมรักษาความประพฤติไม่ให้เป็นไปในทางทุจริตหรือในทางเบียดเบียนไม่ว่าต่อคนหรือสัตว์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น นอกจากจะเสด็จออกผนวชเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนาตามขัตติยราชประเพณี และทรงรักษาศีลอย่างเคร่งครัดแล้ว เมื่อทรงลาผนวชก็ทรงรักษาศีลของฆราวาส และทรงประพฤติธรรมทั้งยังชักชวนให้ประชาชนปฏิบัติตาม แม้ผู้มิได้นับถือพุทธศาสนา ก็ทรงสนับสนุนให้ศาสนิกเหล่านั้น ปฏิบัติตามหลักศีลธรรมที่ตนนับถือ เนื่องจากทรงตระหนักดีว่าทุกศาสนาล้วนมีหลักคำสอนที่มุ่งให้ทุกคนเว้นจากความชั่วทำความดีด้วยกันทั้งนั้น
- ปริจจาคะ การบริจาคหรือเสียสละความสุขสำราญอันเป็นการบริจาคชั้นสูงยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานอกจากจะทรงเสียสละทั้งกำลังพระวรกาย และพระสติปัญญา ตลอดจนความสุขส่วนพระองค์ในการมุ่งบำเพ็ญพระราชกรณียกิจบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎรและเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญแล้ว ยังทรงชักชวนและให้กำลังใจแก่ข้าราชการและประชาชนให้เป็นผู้มีความเสียสละต่อบ้านเมืองด้วย ดังที่ทรงมีพระราชดำรัสแก่ภรรยาและบุตรข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตจากการถูกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ลอบสังหารรายหนึ่งว่า “คนเราเลือกเวลาตายไม่ได้ ต้องตายด้วยกันทุกคน แต่การตายในหน้าที่เช่นนี้ เป็นการตายที่มีเกียรติยิ่ง”
- อาชชวะ ความซื่อตรง เป็นคุณธรรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยึดถือในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจมาโดยตลอดนับแต่ทรงดำรงสิริราชสมบัติสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทรงซื่อตรงทั้งต่อพระองค์เอง ต่อหน้าที่ ต่อประชาชน และชาติบ้านเมือง
- มัททวะ ความอ่อนโยน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีมัททวะธรรมความสุภาพอ่อนโยน เป็นที่ประจักษ์ทรงมีพระกิริยา พระวาจา และพระหฤทัยสุภาพ ไม่เคยทรงแสดงกิริยาดูหมิ่น หรือแข็งกระด้างแก่ผู้ใด แม้บุคคลที่ต่ำกว่า จึงได้ทรงเป็นที่รักยิ่งของประชาชน
- ตปะ การบำเพ็ญตน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญเพียรเผากิเลสตัณหา มิให้ความหลงไหลในความสุข ความปรนเปรอ หรือความเกียจคร้านเข้ามาครอบงำพระทัยได้ จึงทรงมีพระตบะอย่างยอดเยี่ยมทำให้สามารถประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่บรรลุผลสำเร็จเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งยังทรงมีพระราชดำรัสสั่งสอนประชาชนให้มีความขยันหมั่นเพียรไม่เกียจคร้านตอนหนึ่งที่ว่า “ขอให้ทุกคนพยายามช่วยกัน และพยายามที่จะขยันหมั่นเพียร พยายามอดทนต่อไป แล้วสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่ส่วนรวม แก่บ้านของเรา แก่ครอบครัว และแก่ตนเอง ถ้าทุกคนมีความอดทนมีความเพียรพยายามก็เชื่อว่าหมู่บ้านนี้จะเจริญรุ่งเรือง”
- อักโกธะ ความไม่โกรธ และไม่อาฆาตพยาบาท คุณธรรมข้อนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงบำเพ็ญเป็นที่ประจักษ์แก่ทั้งประชาชนชาวไทยและนานาประเทศมาแล้ว ดังเมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนต่าง-ประเทศ (ออสเตรเลีย) เมื่อปี พ.ศ. 2505 แล้วได้มีประชาชนของประเทศนั้นมาคลี่ป้าย ไม่ต้อนรับผู้เผด็จการเมืองไทย ซึ่งจากพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” มีอยู่ตอนหนึ่งที่จะขออัญเชิญมาแสดงเพื่อยืนยันถึงความเป็นผู้ไม่โกรธ ไม่อาฆาตพยาบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังนี้
“ข้าพเจ้าเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระทัยเย็นเป็นที่สุด ข้าพเจ้าเองรู้สึกว่าสั่นด้วยความน้อยใจปนความโกรธ นึกสงสารตัวเองเป็นกำลังว่าเรามาเหนื่อย ๆ เพื่อมาเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศเรากับประเทศเขา กลับมาโดนคลี่ป้ายไล่ทันทีที่มาถึง ใช่ว่าเราจะขอมาเมื่อไร เขาเชิญเรามาต่างหาก พระเจ้าอยู่หัว-กลับรับสั่งปลอบว่า ให้เฉยๆไว้ ทำใจเย็นเข้าสู้ อย่าได้แสดงความรู้สึก เช่น เสียใจ หรือน้อยใจออกมาให้ทางฝ่ายบ้านเมืองเห็นเป็นอันขาด อันที่จริงก็เป็นการกระทำของผู้ก่อกวนเพียงคนเดียวหรือส่วนน้อย รัฐบาลออสเตรเลียได้ถวายพระเกียรติเต็มที่และราษฎรก็ต้อนรับเราด้วยความไมตรีอันดียิ่ง อาจจะเป็นความประสงค์ของตนส่วนเดียวก็ได้ที่จะแกล้งทำให้เราโกรธจนหัวเสียไป ตลอดเวลา 18 วันที่ท่องเที่ยวอยู่ในประเทศออสเตรเลีย พระเจ้าอยู่หัวทรงย้ำไม่ให้ข้าพเจ้าลืมว่า เมื่อกี้เป็นการกระทำของคนส่วนน้อย ไม่ใช่เป็นการกระทำของประชาชนทั่วประเทศ…”
- อวิหิงสา ความไม่เบียดเบียน การมีอวิหิงสาธรรมนั้น นอกจากจะงดเว้น ไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้งชีวิตและทรัพย์สินแล้ว การสำรวมตน การถือความสันโดษ ประหยัด เรียบง่าย ไม่ทำตัวเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง หรือมีพิธีรีตองจนเกินควร ก็เป็นการปฏิบัติเพื่อความไม่เบียดเบียนด้วยเช่นกัน ซึ่งพระราชจริยาวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้นย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีอวิหิงสาธรรมอยู่เต็มเปี่ยม ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน
- ขันติ ความอดทน ในเรื่องของความอดทนนี้ จากความทันสมัยของสื่อในปัจจุบัน ย่อมทำให้คนทั่วไปได้มีโอกาสเห็นถึงความเหนื่อยยากของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อพระราชทานความช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นห่างไกลคมนาคมได้เป็นอย่างดีว่าต้องทรงใช้ความอดทนเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นการอดทนต่อความทุกข์ยากขณะเดินทางในที่กันดารที่แม้แต่คนธรรมดาก็ไม่ต้องการจะไป อดทนต่อแดด ต่อฝน ต่ออากาศที่ร้อนหรือหนาว แม้ความหิวกระหาย ซึ่งภาวะของความไม่สะดวกสบายเช่นนี้สามารถเกิดได้หลายอย่างพร้อมกันในการเสด็จฯ เพียงท้องที่เดียว แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีขันติธรรม ได้เสด็จฯ ไปทุกถิ่น ทุกที่ ที่ประชาชนมีความลำบากยากเข็ญโดยไม่ทรงย่อท้อ ตลอดระยะเวลายาวนานหลายสิบปี เพื่อราษฎรของพระองค์จะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- อวิโรธนะ คือการวางตนเป็นหลักหนักแน่นในธรรม ไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากความถูกต้องดีงาม ความสุจริต-ยุติธรรม คุณธรรมข้อนี้ นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงถึงพร้อมในพระราช-กรณียกิจที่ทรงปฏิบัติด้วยพระองค์เอง แล้ว ยังได้ทรงมีพระบรมราโชวาทเตือนสติ ผู้มีหน้าที่รักษากฎหมายด้วยว่า
“การพิจารณาตัดสินอรรถคดีนั้นกระทำตามตัวบทกฎหมาย ตัวบทกฎหมายจึงสำคัญมาก และจะต้องมีบทบัญญัติอันถูกต้องเป็นธรรม ปราศจากช่องโหว่… ความไม่เป็นธรรมหากจะเกิดขึ้นในการตัดสินอรรถคดี ไม่ใช่จะอยู่ที่ตัวบทกฎหมาย แต่อยู่ที่ตัวบุคคล ตราบใดผู้ที่ใช้กฎหมายมีความสุจริต มีจรรยา และมโนธรรมของนักกฎหมายมั่นคงแล้ว ก็ไม่ควรจะเกิดความผิดพลาด”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยึดหลักธรรมเช่นนี้ในการปกครองประเทศ จึงนับเป็นบุญอันมหาศาลของคนไทยที่ได้เกิดมาอยู่ภายใต้ร่มพระบารมี ได้มีความสุขสงบร่มเย็นเสมอมา แม้บางครั้งจะเกิดเหตุการณ์ไม่น่าพึงใจแต่ก็สงบลงได้ด้วยพระเมตตาบารมีทุกครั้ง
ในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม นี้ จึงขอเชิญชวนชาวไทยได้พร้อมใจกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญแก่ประชาชนชาวไทย ทรงพระเกษมสำราญเป็นนิจนิรันดรกาล เทอญ
เรียบเรียงจาก - หนังสือพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระราชธรรมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช : พระภิกษุปรัชญา อภิวโส (สร้อยประดิษฐ์) : ธรรมสภา : มิถุนายน 2539
- สำนักข่าวไทย : 12 มิถุนายน 2539
ข้อมูลจาก บทความพิเศษ ประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว : ผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม" ผลิตโดย ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ งานบริการการผลิต ฝ่ายออกอากาศวิทยุ กรุงเทพ