วันต่อต้านยาเสพติด
วันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปีถือเป็นวันต่อต้านยาเสพติด โดยที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติได้มีมติขึ้นก่อน เมื่อเดือนมิถุนายน ปี ๒๕๓๐ ส่วนประเทศไทยเราก็มีมติ ครม. เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๓๑ กำหนดให้วันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพย์ติดเช่นเดียวกัน เพื่อแสดงเจตนารมย์ที่จะร่วมกับประชาคมโลกในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพย์ติด เพราะต่างก็รู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นมหันตภัยต่อมวลมนุษยชาติ เมื่อใดก็ตามที่ยาเสพย์ติดผ่านเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ ไม่ว่าจะโดยการกิน ดม สูบ หรือฉีด มนุษย์จะไม่สามารถระงับความต้องการเสพครั้งต่อๆไปได้เลย กลับจะมีความต้องการเสพในปริมาณที่มากขึ้น รุนแรงขึ้นและอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ผู้เสพย์มีสุขภาพที่ทรุดโทรม รูปลักษณ์ไม่น่าดูเพราะจะขาดความสนใจตัวเอง เมื่อใดที่ต้องการยาแล้วไม่ได้ หรือได้ แต่ยานั้นเป็นประเภทที่ออกฤทธิ์ให้คลุ้มคลั่ง หวาดระแวง ก็จะสามารถทำให้ก่ออาชญากรรมได้ง่าย นับตั้งแต่ลักเล็กขโมยน้อยไปจนถึงฆ่าผู้อื่นดังที่เป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ ในท้ายที่สุดตนเองก็จะอายุไม่ยืน บ้านเมืองใดปล่อยให้ประชาชนติดยาเสพย์ติดกันมากๆ ไม่เร่งแก้ปัญหา หรือปราบปรามให้เรียบร้อย บ้านเมืองนั้นจะไม่สามารถพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าได้เลย กลับจะมีแต่เสื่อมโทรมลง เพราะมีพลเมืองที่สุขภาพไม่ดีเต็มไปหมดเนื่องจากยาเสพย์ติดทำลายสมองและร่างกายจนเสียหายไปแล้วไม่มีศักยภาพพอจะเป็นผู้พัฒนาประเทศชาติได้ แถมยังจะก่ออาชญากรรมได้ง่าย เป็นใหญ่ปัญหาของสังคมอีกด้วย นี่เองจึงเป็นเหตุให้ทุกๆ ประเทศต่างก็ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหายาเสพย์ติดอย่างมากและต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังจึงจะได้ผลเพราะเดี๋ยวนี้การคมนาคมสะดวก และผู้คนมีความสามารถในการตบตาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมากกว่าแต่ก่อน
เมืองไทยของเราก็มีการปราบปรามยาเสพย์ติดกันมาอย่างต่อเนื่อง หลายยุคหลายสมัย คงจะจำกันได้ว่าสมัยรัชกาลที่สามได้ทรงปราบฝิ่นอย่างจริงจัง มีการตรวจจับพวกที่ลักลอบนำฝิ่นเข้ามาจำหน่ายอย่างเข้มงวด ได้ของกลางมาก็นำไปเผาที่ท้องสนามหลวง ทรงปราบจนคนค้าท้อถอย ต่อมาเมื่อมีคณะรัฐบาลมาทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ต่าง ก็มีความพยายามดำเนินการแก้ปัญหายาเสพย์ติดกันมาโดยตลอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงช่วยให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น ด้วยการนำพันธุ์พืชเมืองหนาวมาทดลองปลูกจนได้ผลดี แล้วพระราชทานให้นำไปปลูกทดแทนฝิ่นอย่างที่เราทุกคนทราบอยู่แล้ว
รัฐบาลปัจจุบันก็มีการประกาศสงครามกับยาเสพย์ติดอย่างเอาจริงเอาจังต่อเนื่องกันมาหลายปี ขณะนี้ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาของการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพย์ติด โดยตั้งเป้ากำหนดเวลาดำเนินการไปจนถึงปี ๒๕๕๑ ซึ่งได้กำหนดทิศทางไว้ว่าให้ทุกพื้นที่มีมาตรการเฝ้าระวังปัญหายาเสพย์ติด มีการสร้างเครือข่ายเยาวชนต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพย์ติดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นกำลังในการคอยเฝ้าระวังและป้องกันปัญหายาเสพย์ติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน ตลอดจนจะมีการรณรงค์ให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลยังถือ ปัญหายาเสพย์ติดเป็นนโยบายสำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพูดถึงการช่วยกันเฝ้าระวังฯ ก็คิดว่าควรจะนำความรู้เกี่ยวกับยาเสพย์ติดมาให้รับทราบกันสักหน่อย เป็นต้นว่า ยาเสพย์ติดมีกี่อย่าง มีเหตุอะไรบ้างที่จะทำให้ติดยา วิธีสังเกตุคนติดยา และวิธีป้องกันจะป้องกันอย่างไร จะได้นำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินงาน ซึ่งก็ได้รวบรวมมาให้ฟังดังนี้
ประเภทของยาเสพย์ติด
- ประเภทกดประสาท ได้แก่ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน ยานอนหลับ ยาระงับประสาท ยากล่อมประสาท เครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด สารระเหยจำพวกทินเนอร์ น้ำมันเบนซิน แล็กเกอร์ และกาวเป็นต้น พวกนี้ผู้เสพติดมักจะมีอาการอ่อนเพลีย ฟุ้งซ่าน อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ปฏิกิริยาในการตอบสนองภาวะฉุกเฉินช้า
- ประเภทกระตุ้นประสาท ได้แก่ยาบ้า กระท่อม โคเคน พวกนี้มักพบว่าผู้เสพติดจะหงุดหงิด กระวนกระวาย สับสน หวาดระแวง บางครั้งมีอาการก้าวร้าว คลุ้มคลั่ง ทำในสิ่งที่คนปกติไม่กล้าทำเช่นทำร้ายตนเอง หรือผู้อื่น
- ประเภทหลอนประสาท ได้แก่แอลเอสดีเห็ดขี้ควายเป็นต้น ผู้เสพติดจะมีอาการประสาทหลอน ฝันเฟื่อง เห็นแสงสีวิจิตรพิสดาร หรือภาพหลอนที่น่าเกลียดน่ากลัว หูจะแว่ว ได้ยินเสียงประหลาด และควบคุมตัวเองไม่ได้ พวกนี้ในที่สุดมักป่วยเป็นโรคจิต
- ประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน (ทั้งกระตุ้นและกดประสาท) ได้แก่กัญชา มักพบว่าผู้เสพติดมีอาการหวาดระแวง ความคิดสับสน เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ควบคุมตนเองไม่ได้ อุปนิสัยใจคอผิดเพี้ยน พวกนี้ในที่สุดก็จะกลายเป็นโรคจิตได้
สาเหตุที่ทำให้ติดยา
- ความคึกคะนอง ความอยากรู้-อยากลอง ความต้องการให้กลุ่มเพื่อนยอมรับตนหรือเพื่อนชักชวน หรือถูกหลอกให้ใช้ยาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นี้ครอบคลุมไปถึงการใช้ยารักษาโรคอย่างขาดความระมัดระวัง ใช้พร่ำเพรื่อ หรือใช้ติดต่อกันนานๆ โดยแพทย์ไม่ได้สั่ง จะทำให้เกิดการติดยาได้โดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน
- ความต้องการที่จะหนีปัญหาที่ตนเองแก้ไม่ตก และมีความเชื่อผิดๆ ว่าเสพยาแล้วจะทำให้ลืมความทุกข์ไปได้ หรือช่วยให้ทำงานได้มากๆ
วิธีสังเกตุคนติดยา
- ร่างกายทรุดโทรม ซูบผอม
- ใส่เสื้อแขนยาวตลอดเวลาเพื่อปกปิดรอยเข็มฉีดยาบริเวณท้องแขนด้านใน หรือรอยกรีดตรงต้นแขนด้านใน
- ติดต่อกับเพื่อนแปลกๆ ใหม่ๆ ที่มีพฤติกรรมผิดปกติ
- อารมณ์ฉุนเฉียว ชอบทะเลาะวิวาทและทำร้ายคนอื่น ในทางกลับกันก็มีอีกบางคนที่เงียบขรึมผิดปกติ ชอบแยกตัวจากพรรคพวกเพื่อนฝูง
- ถ้าเป็นนักเรียน ผลการเรียนจะแย่ลง ถ้าเป็นคนทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานก็จะลดลงหรือไม่ยอมทำงานเลย
- ใช้เงินเปลืองผิดปกติ ขอเงินเพิ่มบ่อย หรือไม่ก็ยืมเพื่อนฝูงไปซื้อยา เป็นหนี้เป็นสิน
จากข้อมูลข้างต้นนี้ จะทำให้เห็นว่า ยาเสพย์ติดนั้นป้องกันได้ โดยในส่วนของการป้องกันตนเอง ก็คือต้องศึกษาหาความรู้ให้เท่าทันว่าโทษภัยของยาเสพย์ติดนั้นมีมากขนาดไหน และไม่ใช่สิ่งที่สามารถจะทดลองดูโดยคิดว่าหนเดียวไม่เป็นไร เพราะถ้าหนเดียวไม่เป็นไรจริงคงไม่มีคนติดยาให้เห็น ต้องเลือกคบเพื่อนที่ดี ซึ่งก็คือเพื่อนที่จะแนะนำสิ่งที่ดี เพื่อนที่แนะนำให้ลองยาต้องไม่หวังดีต่อเราแน่นอน ต้องเลิกคบทันที และในเรื่องนี้ครอบครัวที่อบอุ่น สมาชิกมีรักใคร่สัมพันธ์อันดีต่อกัน มีอะไรปรึกษากัน ช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ทอดทิ้งกัน นั่นจะเป็นปราการด่านสำคัญที่สุดในการป้องกันยาเสพย์ติดไม่ให้เข้ามาสู่สมาชิกในครอบครัวได้เป็นอย่างดี ในส่วนของชุมชนที่จะช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้ปัญหายาเสพย์ติดระบาดเข้าสู่ชุมชนของตนก็ทำได้ด้วยการช่วยกันเป็นหูเป็นตา เมื่อทราบแหล่งเสพ แหล่งค้า หรือแหล่งผลิต ต้องควรแจ้งให้ทางการบ้านเมืองได้ทราบโดยเร็ว ที่ศูนย์รับแจ้งข่าวยาเสพย์ติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ เพราะมีเบอร์โทร.ติดต่อที่จำง่าย คือ โทร. ๑๖๘๘
เรื่องของยาเสพย์ติดเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันทุก ๆ ฝ่าย อย่าถือว่าธุระไม่ใช่ เพราะไม่เช่นนั้น ณ วันหนึ่งเมื่อมันมีโอกาสแพร่หลายมากเข้า บุตรหลานของเราเองก็อาจจะยากที่จะป้องกัน
ที่มา
- วันต่อต้านยาเสพย์ติด (๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๘) : ข่าวสารสำนักงาน ป.ป.ส.
- https://www.tungsong.com/Important day/DayDrug/drug.asp
- https://google.com/
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "วันต่อต้านยาเสพย์ติด" ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ