พระจันทร์กับดวงจันทร์
ปี ๒๕๔๙ นี้ วันไหว้พระจันทร์ตรงกับวันที่ ๖ ตุลาคม ในเรื่องของตำนานที่ก่อให้เกิดประเพณีไหว้พระจันทร์ รวมถึงข้าวของเครื่องไหว้ต่างๆ ได้เคยบอกเล่าไว้แล้ว ซึ่งจะสามารถดูได้จาก Intranet แต่รวบรวมมาเล่าให้ฟังครั้งนี้ จะเป็นตำนานเกี่ยวกับกำเนิดของพระจันทร์ความเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
กำเนิดและความเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์
แสงสว่างที่นวลงามจากพระจันทร์ยามค่ำคืน ทำให้คนมักเข้าใจผิดว่า พระจันทร์น่าจะเป็นหญิงสาว เพราะความสวย ความนุ่มนวลเป็นคุณสมบัติของผู้หญิง แต่ในตำนานโหราศาสตร์ พระจันทร์กลับเป็นเทวะรูปงาม แถมเจ้าชู้มากด้วย เพราะพระอิศวร หรือพระศิวะได้ร่ายพระเวทย์ให้นางฟ้า ๑๕ องค์ ป่นละเอียดเป็นผง แล้วห่อด้วยผ้าขาว ประพรมด้วยน้ำอมฤต บังเกิดเป็นเทวบุตรที่มีวรกายสีขาวนวล ทรงทิพย์อาภรณ์ ทรงอัศวราชเป็นพาหนะ มีวิมานแก้วมุกดาเป็นที่สถิต ณ ทิศบูรพา บางตำราก็กล่าวว่าพระจันทร์เกิดจากการกวนน้ำอมฤตในทะเลเกษียรสมุทรของเหล่าอสูรเทพและเทวะเพื่อเพิ่มฤทธานุภาพ แต่พระจันทร์จะถือกำเนิดจากตำนานใดก็ตาม สำหรับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของพระจันทร์ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องนั้น ก็ค่อนข้างจะตรงกัน เช่น พระจันทร์นี้นอกจากจะมีมเหสีหลายองค์แล้วยังมีชายาอีกถึง ๒๗ องค์ ล้วนเป็นธิดาของพระทักษะประชาบดีทั้งสิ้น แต่มีความสนิทเสน่หาในนางโรหิณีมากเป็นพิเศษ พระพี่นางและพระน้องนางของนางโรหิณีจึงไปฟ้องพระทักษะประชาบดีผู้เป็นพระบิดา พระจันทร์จึงถูกสาปให้เป็นหมันและเป็นฝีในท้อง จึงเป็นเทวะองค์เดียวที่ไม่มีโอรสและธิดา เมื่อใดฝีในท้องกำเริบ พระจันทร์ก็มีรูปเว้าแหว่ง ธิดาทั้งหลายก็พากันไปทูลขอให้พระบิดาผ่อนโทษให้กับพระจันทร์ลงบ้าง
ในบางคัมภีร์กล่าวว่า พระจันทร์ลักลอบเป็นชู้กับชายาของพระพฤหัส ทำให้พระพฤหัสกริ้วก่อให้เกิดเทวะสงครามขึ้น พระพรหมผู้เป็นใหญ่ได้มาห้ามและลงทัณฑ์มิให้พระจันทร์เข้าประชุม
เทวสภา แต่บางตำราก็พูดถึงความเป็นศัตรูระหว่างพระจันทร์กับพระพฤหัสว่า เกิดจากในชาติหนึ่งที่พระพฤหัสเป็น พ่อนางจันทร์ ก็ได้นำความลับของลูกสาวที่เป็นชู้กับอังคาร ไปบอกลูกเขย คืออาทิตย์ ก็เลยทำให้นางจันทร์ผูกโกรธ - เกลียดพฤหัส จึงเป็นที่มาของวันคู่มิตรและศัตรูทางโหราศาสตร์อีกทางหนึ่ง คือคนเกิดวันจันทร์จะไม่ถูกกับคนเกิดวันพฤหัส แต่จะเป็นคู่มิตรกับคนวันอังคาร
ยังมีนิทานเล่าไว้ด้วยว่า นานมาแล้ว โลกมีพระจันทร์สองดวง ดวงหนึ่งเป็นชาย ดวงหนึ่งเป็นหญิง พระจันทร์ดวงที่เป็นหญิงเกิดไปหลงใหลในแสงอันเจิดจ้าของพระอาทิตย์ จึงได้เลื่อนตัวตามพระอาทิตย์ไปเรื่อยๆ จนแยกกันกับพระจันทร์ที่เป็นชาย ทำให้พระจันทร์ชายต้องตามหาพระจันทร์หญิงคืนแล้วคืนเล่าก็ไม่พบ ในที่สุดก็ระเบิดตัวเองออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั่วจักรวาล เพื่อหวังว่าช่วยกันตามหาพระจันทร์หญิง ต่อมาพระจันทร์หญิงได้รู้ความจริงว่า พระอาทิตย์นั้นมิได้ส่องแสงเจิดจ้ามาเพียงที่เธอเท่านั้น แต่ส่องไปยังดาวดวงอื่นๆ อีกมากมาย ก็จึงกลับมาหาพระจันทร์ชายอีกครั้ง แต่ไม่ได้พบ เพราะพระจันทร์ชายได้ระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเกิดเป็นดวงดาวไปแล้ว และถึงแม้จะได้พยายามเปล่งแสงซึ่งมีอยู่น้อยนิด พร่างพรายเต็มท้องฟ้า เพื่อให้พระจันทร์หญิงได้เห็นก็ตาม แต่พระจันทร์หญิงก็คงไม่อาจรู้ได้ว่าดวงดาวระยิบระยับที่แวดล้อมอยู่ใกล้บ้าง ไกลบ้างนั้นคือพระจันทร์ชายที่ตนตามหานั่นเอง
ถึงแม้หลายๆ ตำราจะบอกว่าพระจันทร์เป็นเทพบุตร แต่ในทฤษฎีแพทย์ของจีนที่แบ่งสรรพสิ่งในธรรมชาติออกเป็นสองฝ่ายคือหยิน อันหมายถึงผู้หญิง กลางคืน น้ำ และความนิ่ง กับหยาง อันหมายถึงผู้ชาย ไฟ และความเคลื่อนไหวเป็นต้นนั้น พระจันทร์กลับถูกจัดให้เป็นหยิน ส่วนพระอาทิตย์ถูกจัดให้เป็นหยาง และในทางโหราศาสตร์ ดาวจันทร์ก็ยังหมายถึงรูปร่างหน้าตา จริตมารยา ความรู้สึกนึกคิด จินตนาการ ความอ่อนไหวง่าย ปรับตัวง่าย ถิ่นที่อยู่อาศัยและญาติพี่น้อง รวมถึงเป็นดาวธาตุน้ำ มีสัญลักษณ์เป็นเลข ๒
การสร้างพระพุทธรูปปางประจำวันจันทร์ อันได้แก่ “ปางห้ามญาติ” กับ “ปางห้ามสมุทร” ก็มีนัยที่เกี่ยวพันกับน้ำ และญาติ อันเป็นความหมายและอิทธิพลของดาวจันทร์เช่นกัน “ปางห้ามญาติ” อันมีพุทธลักษณะประทับยืนยกพระหัตถ์ขวาขึ้นห้ามนั้น มาจากเหตุที่พระญาติของพระพุทธเจ้าทั้งสองเมืองคือกบิลพัสดุ์ กับเทวทหะ ทะเลาะกัน แย่งน้ำในแม่น้ำโรหิณี แล้วพระพุทธองค์ได้เสด็จไปทรงห้าม ส่วน “ปางห้ามสมุทร”ซึ่งมีพุทธลักษณะประทับยืนยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นห้าม มาจากเหตุเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จไปปราบชฎิลสามพี่น้อง ซึ่งเป็นนักบวชที่บูชาไฟ และตั้งตัวเป็นใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชลา ได้ทรงแสดงปาฏิหารย์ห้ามลม ฝน พายุ และน้ำ ไม่ให้ทำอันตรายแก่พระองค์ จนเหล่าชฎิลเลื่อมใสและขอบวชตาม การสร้างพระพุทธรูปปางประจำวันจันทร์ในลักษณะดังกล่าวก็เพื่อแก้เคล็ดมิให้เป็นคนหวั่นไหวง่าย ให้รู้จักหักห้ามใจตนเอง รวมทั้งขจัดปัดเป่าให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี
กำเนิดในทางดาราศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์
ถ้าจะกล่าวถึงพระจันทร์ในทางดาราศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ ก่อนอื่นก็จะต้องเรียกชื่อเสียใหม่ให้เหมาะสมว่า “ดวงจันทร์”
กำเนิดของดวงจันทร์มีสมมติฐานหลายอย่าง บ้างก็ว่าโลกและดวงจันทร์เกิดพร้อมๆ กัน จากกลุ่มก้อนก๊าซมหึมาของเนบิวลา ต้นกำเนิดระบบสุริยะ บ้างก็ว่าดวงจันทร์แตกตัวออกจากโลก ขณะที่โลกเริ่มก่อรูปร่างขึ้นและมีการหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว มวลสารบางส่วนจึงหลุดออกมาเป็นดวงจันทร์เป็นต้น
ข้อมูลทั่วไป
- พื้นผิวดวงจันทร์มีสองลักษณะ คือเป็นเทือกเขาเก่าแก่เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาต และบริเวณ
ที่ราบเรียบที่มีอายุน้อยกว่า เรียกว่า “ทะเล” (Maria) ซึ่งมิใช่ทะเลจริง แต่สันนิษฐานว่าเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่ลาวาไหลท่วมภายหลัง และจะมีเฉพาะด้านที่หันเข้าหาโลกเท่านั้น
- ในดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ เพราะมีแรงโน้มถ่วงต่ำกว่าโลก ๑ ใน ๖ เราจึงเห็นมนุษย์อวกาศเดินตัวลอยบนดวงจันทร์ และแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงด้วย
- เป็นดาวเคราะห์ที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเองเหมือนกับดาวพุธ ดาวศุกร์ และดาวอังคาร แต่ที่มีแสงสว่างเป็นที่สองรองจากดวงอาทิตย์นั้นเพราะได้รับแสงสะท้อนมาจากดวงอาทิตย์ อีกทีหนึ่ง
- เป็นบริวารดวงเดียวของโลกที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด ระยะห่างจากโลกโดยเฉลี่ย ๓๘๔,๔๐๐ กิโลเมตร
วัฏจักรของดวงจันทร์
ถ้านับทางจันทรคติ ดวงจันทร์จะใช้เวลา ๒๙ วันครึ่งในการโคจรรอบโลกหนึ่งรอบ ถ้าเรานับจุดเริ่มต้นของดวงจันทร์ที่วันเดือนดับ (New moon) เป็นช่วงที่ดวงจันทร์อยู่เป็นเส้นตรงระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงจันทร์ทึบแสง คนบนโลกก็จึงมองไม่เห็นดวงจันทร์ จากนั้นก็จะเป็นวันข้างขึ้นที่ เราจะเห็นดวงจันทร์สว่างเป็นเสี้ยวขึ้นสูงทางขอบฟ้าทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก พร้อมกับมีเสี้ยวสว่างมากขึ้นๆ พอถึงช่วงวันขึ้น ๗-๘ ค่ำ ดวงจันทร์ก็จะสว่างครึ่งซีกอยู่ตรงกลางท้องฟ้าพอดี วันต่อๆ มาเสี้ยวสว่างก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันขึ้น ๑๔ – ๑๕ ค่ำ ดวงจันทร์จะมาอยู่ตรงเส้นระหว่างดวงอาทิตย์และโลก ทำให้เกิดแสงสว่างเต็มดวง (Full moon) แล้ว หลังจากนั้น ก็จะกลายเป็นข้างแรม โดยดวงจันทร์จะขึ้นช้าไปเรื่อยๆ จนหายไปในท้องฟ้า จะเห็นเดือนดับ แล้วก็เริ่มต้นใหม่เช่นนี้เรื่อยไป
การเกิดข้างขึ้นข้างแรมก็เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก ๑ รอบ เท่ากับมันโคจรรอบตัวเอง ๑ รอบพอดี ซึ่งใช้เวลาประมาณ ๑ เดือน ดังนั้นเราจึงเห็นดวงจันทร์เพียงซีกเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่
ที่มา - สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
- web1.dara.ac.th/
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "ของพระจันทร์กับดวงจันทร์" ผลิตโดยงานบริการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ