ไวทยากรณ์ (Grammar) Present Tense
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
24 ม.ค. 66
 | 1.1K views



I. Present Simple Tense

S + V1 (s/es)

Present Simple Tense ใช้ในกรณีต่อไปนี้

1. เรื่องที่กล่าวถึงทั่วๆ ไป ไม่ได้บ่งบอกเวลาที่เริ่มต้นหรือจบสิ้น เช่น

I live in Bangkok.            (ฉันอยู่ที่กรุงเทพ)
He studies English.            (เขาเรียนภาษาอังกฤษ)
She speaks three languages.    (เธอพูด 3 ภาษา)
John is very smart.            (จอห์นเท่ห์มากๆ)
Meghan comes from England.    (เมแกนมาจากอังกฤษ)

 

2. สิ่งที่ทำเป็นกิจวัตร, ทำเป็นนิสัย, ไม่ค่อยได้ทำ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ, เป็นครั้งคราว (*สังเกตได้จาก Adverb of frequency) เช่น

Paul gets up early every day.    (พอลตื่นเช้าทุกวัน)
He goes to work on Mondays.    (เขาไปทำงานทุกวันจันทร์)
She always eats slowly.        (เธอกินช้าเสมอ)
I sometimes go to school by bus.    (บางครั้งฉันก็ไปโรงเรียนโดยรถเมล์)
It often rains here in June.        (ที่นี่ฝนตกบ่อยในเดือนมิถุนายน)

*Adverb of Frequency ที่มักปรากฏในรูปประโยค Present Simple ได้แก่

usually    ตามปกติ        always        เสมอ
often        บ่อยๆ            frequently    บ่อยๆ
ever        เคย            never        ไม่เคย
sometimes    บางครั้ง        occasionally    บางครั้งบางคราว
generally    โดยทั่วไป        seldom    นานๆ ครั้ง
rarely        แทบจะไม่        hardly        แทบจะไม่
every day    ทุกวัน            twice a week    อาทิตย์ละ 2 ครั้ง

 

3. ความจริงทั่วไปหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น

The sun rises in the east.        (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)
A square has four equal sides.    (สี่เหลี่ยมจัตุรัสมีด้านที่เท่ากัน 4 ด้าน)
The Earth is round.            (โลกเป็นทรงกลม)
Water boils at 100℃.        (น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส)    
Where there is a will, there is a way.    (ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น)

 

II. Present Continuous Tense

S + is/am/are + V~ing

Present Continuous Tense หรือ Present Progressive Tense ใช้ในกรณีต่อไปนี้

1. กำลังทำหรือกำลังเกิดขึ้นขณะที่พูด เช่น

I am working.            (ฉันกำลังทำงานอยู่)
They are sitting in the garden now.    (ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ในสวน)
He’s laughing.            (เขากำลังหัวเราะ)
Don’t go out now! It’s raining.    (อย่าออกไปตอนนี้! ฝนตกอยู่)
Hurry up! The bus is coming.    (เร็วเข้า! รถเมล์มาแล้ว)
Please be quiet! I’m studying.    (กรุณาเงียบ! ฉันกำลังเรียนอยู่)
The living cost in Bangkok is going higher and higher.  (ค่าครองชีพในกรุงเทพฯ สูงขึ้นและสูงขึ้น)

*เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น 2 เหตุการณ์พร้อมกัน มักใช้กับคำเชื่อม while, whereas, at the same time เช่น

While Jennifer is watching YouTube, Lucy is talking on the phone.   (ในขณะที่เจนนิเฟอร์กำลังดูยูทูป, ลูซี่ก็กำลังคุยโทรศัพท์อยู่)

2. ทำเป็นประจำในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น

This semester I am studying at British Council.  (เทอมนี้ฉันเรียนที่บริติชเค้าน์ซิล)

 

3. พูดถึงเหตุการณ์ที่พัฒนาขึ้น เช่น

His English is progressing.        (ภาษาอังกฤษของเขากำลังก้าวหน้า)

 

4. ใช้ในความหมายของกำหนดการหรือแผนการในอนาคต เช่น

She is getting married next month.    (เขากำลังจะแต่งงานเดือนหน้า)

 

5. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ซ้ำๆ ซากๆ จนน่าเบื่อ เช่น

He is always asking the same questions.        (เขาเอาแต่ถามคำถามเดิมๆ)

 

*Adverb of time ที่แสดงความหมายว่ากำลังเกิดขึ้น ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ และมักปรากฏในรูปประโยค Present Continuous ได้แก่

now            ตอนนี้
right now        ตอนนี้        
at present        ตอนนี้
at the moment    ตอนนี้
at this moment    ตอนนี้
recently        ช่วงนี้
nowadays        ทุกวันนี้
still            ยังคง

 

III. Present Perfect Tense

S + have/has + V3

 

Present Perfect Tense ใช้ในกรณีต่อไปนี้

1. ใช้บอกการกระทำที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีต และยังมีผลมาจนถึงปัจจุบัน เช่น

He has worked here for 20 years.        (เขาทำงานที่นี่มา 20 ปีแล้ว (ตอนนี้ก็ยังทำอยู่))
We have studied English since we were young.  (พวกเราเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก (ตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่))
It’s Ann’s birthday tomorrow and I haven’t bought her a present.  (พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของแอนและฉันก็ยังไม่ได้ซื้อของขวัญให้เธอเลย)
They have gone out.    (พวกเขาออกไปข้างนอกแล้ว (ตอนนี้ไม่อยู่ที่บ้าน))
I’ve lost my passport.    (ฉันทำพาสปอร์ตหายไปแล้ว (ตอนนี้ก็ยังไม่เจอ))

*ความแตกต่างของ gone และ been

    Ann has gone to Korea.            แอนไปเกาหลีแล้ว (ตอนนี้ยังอยู่เกาหลี)
    Ann has been to Korea.            แอนไปเกาหลีมา (ตอนนี้กลับมาแล้ว)

 

2. เหตุการณ์นั้นเพิ่งจะจบลงไป เช่น 

I have just finished my homework.    (ฉันเพิ่งจะทำการบ้านเสร็จ)
She has just left.                (เธอเพิ่งจะออกไป)
The game has just ended.            (การแข่งขันเพิ่งจะจบลงไป)
Henry has just got up.            (เฮนรีเพิ่งตื่น)
He’s just been to Paris.            (เขาเพิ่งไปปารีสมา)

 

3. ประสบการณ์ เคย/ไม่เคย

I’ve seen this film before.            (ฉันเคยดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว)
Tom has climbed Mt. Fuji twice.        (ทอมเคยปีนภูเขาไฟฟูจิมา 2 ครั้งแล้ว)
I’ve been to Japan but I haven’t been to the United States.  (ฉันเคยไปญี่ปุ่นแต่ไม่เคยไปสหรัฐอเมริกา)

*Adverb of time ที่มักอยู่ในรูปประโยค Present Perfect Tense สามารถวางไว้ระหว่าง V.ช่วย กับ V.แท้ หรือบางครั้งก็วางไว้ท้ายประโยค ดังนี้

just = เพิ่ง, เพิ่งจะ        

I have just finished my work.        (ฉันเพิ่งทำงานเสร็จ)
They’ve just arrived.            (พวกเขาเพิ่งจะมาถึง)

yet = ยัง        

yet ในประโยคปฏิเสธ
I haven’t told him yet.            (ฉันยังไม่ได้บอกเขา)

yet ในประโยคคำถาม
Have you finished your work yet?        (คุณทำงานเสร็จรึยัง?)

already = เรียบร้อยแล้ว    

I’ve told her already.            (ฉันบอกเขาไปเรียบร้อยแล้ว)
Sandra has already gone to bed.        (แซนดร้าไปเข้านอนเรียบร้อยแล้ว)

since = ตั้งแต่        

He has taught English since 2012.        (เขาสอนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2012)
I’ve lived in Bangkok since I was ten years old.  (ฉันอยู่ที่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่ตอนอายุ 10 ขวบ)

for = เป็นเวลา        

She has lived in London for five years.    (เธออยู่ที่ลอนดอนมานาน 5 ปีแล้ว)
They have been married for ten years.    (พวกเขาแต่งงานมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว)

never = ไม่เคย         

I’ve never seen him before.        (ฉันไม่เคยเจอเขามาก่อน)
My father has never travelled by air.    (พ่อของฉันไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินเลย)    

ever = เคย (ใช้ในประโยคคำถาม)            

Have you ever played golf?            (คุณเคยเล่นกอล์ฟมั้ย?)
Has Bill ever been to Australia?        (บิลเคยไปออสเตรเลียมั้ย?)

 

IV. Present Perfect Continuous Tense

S + have/has + been + V~ing

Present Perfect Continuous Tense ใช้ในกรณีต่อไปนี้

1. ทำเป็นประจำตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และยังจะทำต่อไปในอนาคต

I’ve been learning Chinese for two years.  (ฉันเรียนภาษาจีนมา 2 ปีแล้ว) และยังคงเรียนต่อไป
She’s been working since this morning.    (เธอทำงานมาตั้งแต่เช้านี้) และยังคงทำงานต่อไป
It’s been raining all day.     (ฝนตกมาทั้งวันเลย) และยังคงตกต่อไป

2. เหตุการณ์นั้นเพิ่งจะเสร็จสิ้น แต่ผลยังคงดำเนินอยู่ในขณะที่พูด

I have been eating since 11 a.m., so I am very full now.  (ฉันกินข้าวมาตอน 11 โมง ตอนนี้ก็เลยยังอิ่มอยู่)

*Adverb of time ที่มักอยู่ในรูปประโยค Present Perfect Continuous Tense เช่น

all day                ทั้งวัน
all this morning        ตลอดเช้านี้
so far                มาตลอด
up to now            จนถึงตอนนี้
up to the present time    จนถึงปัจจุบันนี้

 

Tag :