การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่สำคัญของยุโรป และทวีปแอฟริกา มีผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมของมนุษย์ ในทวีปยุโรป การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ เช่น การเปลี่ยนแปลงเรื่องกระแสน้ำในมหาสมุทร อันเกิดจากสภาวะโลกร้อน ส่งผลให้การดำรงชีวิตอยู่ของประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำ ขณะที่ทวีปแอฟริกาในปัจจุบัน อาณาเขตของความแห้งแล้งอย่างทะเลทรายได้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อันสืบเนื่องมาจากปัญหาเรื่องโลกร้อน
การดำรงชีวิตของคนในสังคมยุโรปต้องมีการปรับเปลี่ยนไป ชาวประมงในยุโรปอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากกว่าสมัยก่อน ในขณะที่ชาวประมงชายฝั่ง จะต้องเรียนรู้ และรับมือกับกระแสน้ำผันผวนขึ้นลงที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ในขณะที่ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตริมแม่น้ำอาจจะต้องเรียนรู้ในการปรับตัว และเปลี่ยนแปลงลักษณะที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำ หรือกระแสน้ำ การสร้างประตูกั้นน้ำ หรือการกันพื้นที่เพื่อรองรับน้ำในทวีปยุโรป ตัวอย่างเช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นตัวอย่างที่สำคัญของการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการดำรงอยู่ รวมถึงโครงสร้างทางสังคมที่ทวีปยุโรปมีต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม
ในขณะที่ทวีปแอฟริกา เป็นทวีปที่มีความแห้งแล้งมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ประชากรที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ จำเป็นที่จะต้องปรับตัว และเรียนรู้เพื่อดำรงอยู่ร่วมกับความแห้งแล้ง แต่ในปัจจุบันอาณาเขตของความแห้งแล้งดังกล่าว กล่าวคือทะเลทราย ได้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อันสืบเนื่องมาจากปัญหาเรื่องโลกร้อน ดังนั้น ในทวีปแอฟริกาจึงเกิดปรากฏการณ์ในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญ กล่าวคือ การอพยพย้ายถิ่นของประชากรในทวีปแอฟริกา ไปสู่ดินแดนอื่นที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า หรือการอพยพจากเขตชนบทไปสู่เมืองหลวง การอพยพดังกล่าว สร้างปัญหาที่สำคัญให้เกิดขึ้นกับโครงสร้างทางสังคม ตัวอย่างเช่น สภาวะความแออัดยัดเยียดในเมืองหลวง อันส่งผลที่สำคัญต่อสภาวะเรื่องสุขอนามัยของประชาชน
จากการวิเคราะห์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาวะแวดล้อมของยุโรป และทวีปแอฟริกา มีผลอย่างสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมของทั้งสองทวีป รวมไปถึงอาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดขึ้นของปัญหาทางสังคมในทวีปดังกล่าวอีกด้วย
เรียบเรียงโดย : ถาปกรณ์ กำเนิดศิริ