พุทธประวัติ
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 3.4K views



พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเราพุทธบริษัท 4 สมควรที่เราจะต้องรู้จักพุทธประวัติพอสังเขปเป็นอย่างน้อย ตั้งแต่ประสูติ จนกระทั่งตรัสรู้ การประกาศพระศาสนา จนกระทั่งเสด็จดับขันธปรินิพพาน เพื่อให้เข้าใจความสำคัญของการนับถือพระพุทธศาสนาของเราเอง อย่างถ่องแท้

  

ภาพ : shutterstock.com

 

พระสมณะโคดม หรือพระศรีศากยมุนี เดิมมีพระนามว่า “สิทธัตถะ” ประสูติในวันเพ็ญเดือน 6 (วิสาขะ) ณ ดินแดนชมพูทวีปเมื่อ 80 ปีก่อนนับพุทธศักราช ทรงเป็นบุตรของพระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางสิริมหามายา

 ภายหลังประสูติ พระองค์ทรงได้รับการเลี้ยงดูในฐานะเจ้าชายแห่งศากยวงศ์ เป็นองค์รัชทายาทแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ เสวยสุขในราชทรัพย์ศฤงคาร พระองค์มิได้ประสบความทุกข์ยากอย่างปุถุชนทั่วไป เหตุเพราะไม่มีสิ่งใดที่ทรงต้องการแต่มิได้ดังปรารถนา

 อยู่มาวันหนึ่งพระองค์เสด็จออกนอกวัง ทรงพบ “เทวทูต 4” คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช จึงได้เห็นความทุกข์ของมนุษย์ ซึ่งเป็นความจริงของชีวิตที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น จึงทรงตัดสินพระทัย ที่จะออกแสวงหาทางแห่งการหลุดพ้นจากการเผชิญความทุกข์ทั้งหลาย ด้วยการสละชีวิตทางโลก หรือก็คือ การออกบวชตามแบบนักบวชที่ทรงพบเห็น

 หลังจากที่ทรงตั้งพระทัยมั่น ก็เสด็จหนีออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ในยามราตรี พร้อมกับสารถีคู่ใจคือนายฉันนะ ทั้งสองมุ่งหน้าสู่ชายฝั่งแม่น้ำอโนมา ทรงปลงพระเกศาเพื่อเป็นสิ่งแสดงว่าทรงตัดขาดจากชีวิตทางโลกแล้ว จากนั้นทรงแสวงหาโยคาจารย์ผู้มีชื่อเสียงท่านต่างๆ เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์

 หลังจากทรงฝากตัวเป็นศิษย์ และร่ำเรียนตามแนวทางของอาฬารดาบส และอุทกดาบสจนตามทันอาจารย์ทั้งสองในเวลาไม่นาน ก็ทรงพบว่า แม้จะได้สมาธิขั้นสูง แต่ยังไม่ใช่หนทางที่ถึงที่สุดแห่งการดับทุกข์ จึงทรงจากมา และปฏิบัติธรรมด้วยพระองค์เอง

 ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เจ้าชายสิทธัตถะทรงกระทำทุกรกิริยา คือ ทรมานร่างกายตนเองด้วยวิธีต่างๆ อยู่หลายปี จนพระวรกายซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ก็ยังไม่อาจบรรลุถึงความดับของอาสวะกิเลส ในที่สุด จึงทรงเข้าใจว่า การเสวยสุขปรนเปรอตนเองด้วยกามอย่างที่สุด (กามสุขขัลลิกานุโยค) ไม่ใช่ทางแห่งการดับทุกข์ แต่การทรมานร่างกายตนเองให้ลำบาก (อัตตกิลมถานุโยค) ก็ไม่ใช่ทางแห่งการดับทุกข์ด้วยเช่นกัน

 จึงทรงหลีกจากทางสุดโต่งทั้งสอง และทรงปฏิบัติในแนวทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ไม่ตึง และไม่หย่อนเกินไป บำรุงร่างกายแต่พอดี รักษาศีล เจริญสมาธิ และพิจารณาสภาวธรรมด้วยปัญญา

 จากนั้นไม่นาน ในวันเพ็ญเดือน 6 เมื่อทรงมีพระชนมายุครบ 35 พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะก็ได้รู้แจ้งถึงความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ตัดอาสวะกิเลสลงได้อย่างราบคาบ บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใต้ร่มโพธิ์ริมฝั่งเนรัญชรานั้นเอง 

 ภายหลังจากการรู้แจ้ง พระพุทธองค์ทรงเสวยวิมุตติสุขอยู่เป็นเวลา 7 สัปดาห์ ในที่สุดจึงตัดสินพระทัยเผยสัจธรรมที่ทรงค้นพบต่อสัตว์โลกทั้งหลาย เมื่อทราบด้วยญาณทรรศนะว่า อาจารย์ทั้งสองท่านได้ตายจากภพมนุษย์ ไปเกิดเป็นอรูปพรหมแล้ว ก็ทรงนึกถึงวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ได้เคยถวายการปรนนิบัติเมื่อครั้งยังบำเพ็ญทุกรกิริยา จึงเสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์เป็นกลุ่มแรก

 หลังจากฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า โกญฑัญญะก็เกิดดวงตาเห็นธรรม วัคคีย์ทั้ง 5 ขอบวชตามพระพุทธองค์ กลายเป็นภิกษุกลุ่มแรก พระรัตนตรัยเกิดขึ้นในโลกครบ 3 ประการ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ (ภิกษุ 5 รูป) เกิดเป็นศาสนาพุทธส่องสว่างแก่ชาวโลกสืบมา

 พระพุทธองค์ทรงออกประกาศพระศาสนาทั่วชมพูทวีป เป็นเวลา 45 ปี จนเมื่อทรงพระชนมายุได้ 80 พรรษา ก็ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานในวันเพ็ญเดือน 6 ซึ่งตรงกับวันประสูติ และวันตรัสรู้นั่นแล

 

เรียบเรียงโดย : มรุตเทพ วงษวาโย