ภาษาจีน ม. ปลาย ประโยคคำถาม และประโยคย้อนถาม
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 76.5K views



ประโยคคำถาม และ ประโยคย้อนถาม

疑问句与反问句

 

            ทุกครั้งที่ผมจะเริ่มต้นบทเรียนเตรียมสอบ  ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือเตรียมสอบ HSK ผมจะเริ่มต้นจากการจับประเด็นข้อสอบก่อน   เพราะหากจะให้อธิบายเนื้อหาทุกบทอย่างละเอียดย่อมไม่ใช่สิ่งที่ผู้กำลังเตรียมสอบต้องการ   เพราะบางครั้งความละเอียดในทุกเนื้อหากลับทำให้นักเรียนเกิดความสับสน   ไม่รู้ว่าควรจะอ่านประเด็นใดก่อน  และยามเข้าสอบถึงได้รู้ว่าสิ่งที่อ่านไปไม่ใช่ประเด็นหลักของข้อสอบ    ความจริงข้อหนึ่งเกี่ยวกับการเตรียมสอบก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่ตำราพิชัยสงครามของซุนวูได้กล่าวไว้   “รู้เขารู้เรา  รบร้อยครั้งพิชิตร้อยครา”   ฉะนั้นสิ่งที่นักเรียนควรรู้ก่อนการทบทวนบทเรียนเตรียมสอบก็คือ  คนออกสอบกำลังจะทดสอบอะไรในเนื้อหาความรู้   และประการต่อมาคือ  คนออกสอบมีเทคนิคการออกข้อสอบและความเคยชินในการออกข้อสอบอะไรบ้าง   ซึ่งแสดงไว้อย่างชัดเจนจากข้อสอบหลายๆปีที่ผ่านมา 

 

            ฉะนั้น  ในบทนี้  แทนที่ผมจะอธิบายเนื้อหาทุกรายละเอียดตามตำรา(ซึ่งหาอ่านได้โดยทั่วไปอยู่แล้ว)   ผมจะดึงเอาประเด็นข้อสอบที่พบบ่อยมาอธิบาย  โดยเน้นที่การแปลความหมายภาษาไทยได้อย่างถูกต้องเป็นสำคัญ  และแบ่งเป็นหัวข้อในการเรียนรู้ดังต่อไปนี้

 

1. ความแตกต่างระหว่างประโยคคำถาม และ ประโยคย้อนถาม

2. ข้อสอบเกี่ยวกับประโยคคำถามมักจะออกสอบอะไรบ้าง?

3. ข้อสอบเกี่ยวกับประโยคย้อนถามมักจะออกสอบอะไรบ้าง?

4. สรรพนามคำถามที่ถูกใช้ในประโยคบอกเล่า

 

 

1.   ความแตกต่างระหว่างประโยคคำถาม และ ประโยคย้อนถาม

 

            ก่อนอื่นสิ่งที่นักเรียนควรจะแยกแยะให้เป็นคือความแตกต่างระหว่างประโยคคำถามกับประโยคย้อนถาม   เช่นประโยคตัวอย่างสองประโยคต่อไปนี้

 

            到底来不来上课?

            (ต.你到底來不來上課? )

            คุณมาหรือไม่มาเข้าเรียนกันแน?

 

            nǐ dào dǐ lái bù lái shàng kè?

            难道你不来上课吗?

            (ต.難道你不來上課嗎? )

            nán dào nǐ bù lái shàng kè ma?

            นี่คุณไม่มาเข้าเรียนหรือเนี่ย? 

            *(ประโยคนี้สามารถแปลเป็นประโยคบอกเล่าได้ว่า  อย่าบอกนะว่าคุณไม่มาเข้าเรียน!)

 

            สองประโยคนี้ต่างกันอย่างชัดเจนตรงที่  ประโยคแรกไม่สามารถสรุป/เปลี่ยนเป็นรูปประโยคบอกเล่าได้  เพราะเป็นประโยคคำถาม   แต่ประโยคที่สองสามารถสรุป/เปลี่ยนเป็นรูปประโยคบอกเล่าได้  เพราะเป็นประโยคย้อนถาม   ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าความจริงแล้วคุณสมบัติข้อสำคัญของประโยคย้อนถามคือ เป็นการถามโดยที่ผู้ถามมีคำตอบในใจอยู่แล้ว  มักจะถามเพื่อ  เตือนสติ   ประชด  ปฏิเสธ   ห้ามปราม  บังคับ  หรือ  ล้อเลียน   ไม่ได้มีเจตนาถามเพราะความไม่รู้   ฉะนั้น หากแปลเป็นภาษาไทย  เราจึงสามารถแปลเป็นประโยคบอกเล่าได้โดยที่มีความหมายเทียบเท่าประโยคย้อนถามนั้นเช่น  ประโยคตัวอย่างที่สองที่ผมแสดงไว้ข้างต้น  เจตนาที่แท้จริงของผู้พูดไม่ได้ต้องการรู้ว่าผู้ฟังจะมาหรือไม่มีเข้าเรียน  แต่กำลังพูดเตือนสติ/บังคับว่า  “อย่าบอกนะว่าคุณจะไม่มาเรียน/คุณต้องมาเรียนซิ”

 

2. ข้อสอบเกี่ยวกับประโยคคำถามมักจะออกสอบอะไรบ้าง?

            ผมเชื่อว่านี่เป็นประเด็นที่นักเรียนทุกคนอยากรู้ที่สุดและผมกำลังจะเฉลยให้ฟัง   ข้อสอบเกี่ยวกับประโยคคำถามที่ออกสอบมาตลอดหลายปีค่อนข้างซ้ำซากครับ  และข้อให้นักเรียนทบทวนประเด็นดังต่อไปนี้ให้ดี 

 

            2.1  คำศัพท์   วลี  หรือ  รูปประโยคที่ใช้ในประโยคคำถามบ่อยครั้ง 

            2.2   รูปพิธีการ(ภาษาเขียน)ของประโยคคำถาม

            2.3   คำถามที่ปรากฏบ่อยครั้งในข้อสอบการอ่านและการแปล

 

2.1  คำศัพท์   วลี  หรือ  รูปประโยคที่ใช้ในประโยคคำถามบ่อยครั้ง   

                                 

            การใช้  吗?   呢?   吧?   了吗?  ลงท้ายประโยคคำถามสามารถแปลควาหมายและใช้ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้

 

            你在家吗?

            (ต.你在家嗎? )

            nǐ zài jiā ma?

            คุณอยู่บ้านไหม?  

 

            星期六谁在家呢?

            (ต.星期六誰在家呢? )

            xīng qī liù shéi zài jiā ne ?

            วันเสาร์ใครอยู่บ้านล่ะ?   

 

            你今天没空吧?

            (ต.你今天沒空吧? )

            nǐ jīn tiān méi kōng ba?

            วันนี้คุณคงไม่ว่างสินะ?   (ใช้เมื่อผู้ถามคาดเดาคำตอบไว้ล่วงหน้าคร่าวๆแล้ว)

 

            การใช้  是吗?   怎么了?   怎么回事?   不是吧/不会吧?  ขี้นตนประโยคคำถามและใช้ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้

            是吗?他昨天辞职了?

            (ต.是嗎?他昨天辭職了?)

            shì ma tā zuó tiān cí zhí le?

            จริงหรือเนี่ย?   เขาลาออกเมื่อวาน?  (ใช้เมื่อรู้สึกประหลาดใจและพยายามถามย้ำให้แน่ใจ)

 

            怎么了?  好像你今天没精神似的

            (ต.怎么了?  好像你今天沒精神似的。)

            zěn mo le?  hǎo xiàng nǐ jīn tiān méi jīng shén sì de。

            เป็นอะไรไปดูเหมือนว่วันนี้คุณไม่ค่อยมีกระจิตกระใจ (ใช้เมื่อแสดงความห่วงใย)

 

            *(รูปประโยค好像……似的 แปลเป็นภาษาไทยว่า  ดูเหมือนว่า......ยังไงอย่างงั้น)

 

            不是吧?他有那么厉害吗?

            (ต.不是吧?他有那么厲害嗎?)

            bú shì ba? tā yǒu nǎ mo lì hài ma?

            เป็นไปได้หรือเนี้ย   เขาเก่งขนาดนี้เลยหรือ?  (ใช้เมื่อไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน)

 

            ตัวอย่างรูปประโยคคำถามที่พบบ่อยในบทสนทนามีดังต่อไปนี้

 

            กลุ่มที่1 ประโยคคำถามแบบบังคับคำตอบเพียงสองทางเลือก

 

            你说,我 应不应该 给他写一封回信?

            (ต.你說,我 應不應該 給他寫一封回信?)

            nǐ shuō   wǒ yìng bù yìng gāi gěi tā xiě yī fēng huí xìn?

            คุณว่า  ผมควรหรือไม่ควรเขียนจดหมายตอบให้กับเขา?

  

 

            愿不愿意跟我一起走?

            (ต.你愿不愿意跟我一起走? )

            nǐ yuàn bù yuàn yì gēn wǒ yī qǐ zǒu?

            คุณยอมไปด้วยกันกับผมหรือไม่?

 

            知不知道我是谁?

            (ต.你知不知道我是誰? )

            nǐ zhī bù zhī dào wǒ shì shéi?  

            คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร?

 

            สังเกต – หากเป็นคำประสมสองพยางค์   การตั้งคำถามมักจะละพยางค์ที่สองของคำประสมตัวหน้า เช่น 应不应该 มาจาก应该不应该 / 愿不愿意มาจาก愿意不愿意 ฯลฯ

 

            กลุ่มที่2  ประโยคคำถามที่มีคำวิเศษณ์หรือคำขยายใดๆช่วยเพิ่มน้ำหนักของประโยค

 

            究竟去还是不去?

            (ต.你究竟去還是不去? )

            nǐ jiù jìng qù hái shì bù qù?   

            คุณไปหรือว่าไม่ไปกันแน?

 

            到底想不想考到好成绩?

            (ต.你到底想不想考到好成績? )

            nǐ dào dǐ xiǎng bù xiǎng kǎo dào hǎo chéng jī?  

            คุณอยากหรือไม่อยากสอบได้คะแนนดีๆกันแน?

 

            真的想念我

            (ต.他真的想念我?)

            tā zhēn de xiǎng niàn wǒ ma? 

            เขาคิดถึงฉันจริงหรือเนี่ย?

 

            忍心这样做吗?

            (ต.你忍心這樣做嗎?)

            nǐ rěn xīn zhè yàng zuò ma?  

            คุณทำแบบนี้ได้ลงคอหรือ?

 

            กลุ่มที่3  ประโยคคำถามที่มักจะติดปากเพราะความเคยชิน

 

            你的意思是?...

            (ต.你的意思是?...)

            nǐ de yì sī shì?  

            คุณหมายความว่า...?  (ถามโดยเว้นว่างท้ายประโยคไว้ให้ผู้ตอบตอบเอง เป็นการถามอย่างให้เกียรติ  และแสดงตนว่าอยากรับฟังข้อเสนอแนะดู)

 

            你想怎么样?...

            (ต.你想怎么樣?...)

            nǐ xiǎng zěn mo yàng ?    

            คุณจะเอายังไง?  (เป็นการถามแบบท้าทายฝ่ายตรงข้าม  มักใช้ในสถานการณ์ชวนทะเลาะ)

 

 

            你有这能耐吗? ...

            (ต.你有這能耐嗎? ...)

            nǐ yǒu zhè néng nài ma?

            คุณดีพอรึ?  /  คุณคิดว่ามีขีดความสามารถพอรึ?  (เป็นการย้อนถามเพื่อดูแคลนอีกฝ่าย)

 

            你发愣个啥

            (ต.你發愣個啥? )

            nǐ fā lèng gè shá?

            นี่คุณเหม่ออะไรอยู่วะเนี่ย?  (เป็นการถามด้วยวาจากันเอง  แต่หากใช้กับคนที่ไม่คุ้นเคยอาจกลายเป็นการเสียมารยาท  วิธีใช้คือ   คำกิริยา + 个啥

 

 

2.2   รูปพิธีการ(ภาษาเขียน)ของประโยคคำถาม

           

是否 รูปภาษาเขียนของ 是不是 (ใช่หรือไม่) 

 

ตัวอย่าง             您是否用午餐了?  (你是不是吃午饭了?)

                        (ต.您是否用午餐了? )

                nín shì fǒu yòng wǔ cān le?

                         คุณทานมื้อเที่ยงแล้วใช่หรือไม่

 

如何รูปภาษาเขียนของ 怎样/怎么 (...อย่างไร?)

ตัวอย่าง               此次如何改正呢?     (这次怎么改正呢?)

                         (ต.此次如何改正呢?  )

                 cǐ cì rú hé gǎi zhèng ne?      

                          คราวนี้จะแก้ไขเช่นไร(อย่างไร)ดี?

 

为何รูปภาษาเขียนของ为什么 (ทำไม...?)

ตัวอย่าง               你为何如此无赖?  (你为什么这么无赖?)

                         (ต.你為何如此無賴?  )

                         nǐ wéi hé rú cǐ wú lài?

                          เหตุใด(ทำไม)คุณช่างไร้ยางอายเช่นนี้

                          *如此รูปภาษาเขียนของ这么(อย่างนี้/เช่นนี้)

 

何处รูปภาษาเขียนของ 哪里 / 什么地方 ( ...ที่ไหน?)

ตัวอย่าง                我真不知道身在何处? (我真不知道自己在哪里?)

                          (ต.我真不知道身在何處?  )

                  wǒ zhēn bù zhī dào shēn zài hé chǔ 

                           ผมไม่ทราบจริงๆว่าตัว(ตนเอง)อยู่แห่งใด(ที่ไหน)

 

如何是好รูปภาษาเขียนของ 怎么办 (ทำอย่างไรดี?)

ตัวอย่าง                这回如何是好?  (这下子怎么办?)

                          (ต.這回如何是好?  )

                           zhè huí rú hé shì hǎo?     

                           คราวนี้จะทำอย่างไรดี(ทำไงดี)?

 

2.3   คำถามที่ปรากฏบ่อยครั้งในข้อสอบการอ่านและการแปล

            จากประสบการณ์การสอนที่ผ่านมา   พบว่ามีนักเรียนหลายคนมองข้ามข้อควรระวังเล็กๆน้อยๆในการทำโจทย์   โดยเฉพาะโจทย์เกี่ยวกับบทความแปล  ซึ่งสิ่งที่ทำให้นักเรียนไม่สามารถทำโจทย์ได้นั้นไม่ใช่เนื้อหาของบทความ  แต่นักเรียนกลับสะดุดเพราะไม่เข้าใจคำถาม   ส่งผลให้นักเรียนไม่สามารถหาคำตอบได้ทั้งที่อ่านบทความเข้าใจ   แต่ไม่เข้าใจคำถามหรือสับสนในคำถาม  อาการลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการสอบเลย  เพราะจะทำให้เสียเวลาและพลาดคะแนนอย่างน่าเสียดาย   ฉะนั้นในส่วนนี้จะเป็นการรวบรวมลักษณะคำถามที่บทในโจทย์การแปลบทความไว้ให้  เพื่อว่านักเรียนจะไม่พลาดเพราะสิ่งเล็กๆน้อยๆเพียงแค่นี้ 

 

ตัวอย่างประโยคคำถามที่นักเรียนมักถูกถามในโจทย์ประเภทแปลบทความสั้น

 

            这段短文主要说明了什么?

            (ต.這段短文主要說明了什么?)

            zhè duàn duǎn wén zhǔ yào shuō míng liǎo shén mo?

            ข้อความสั้นนี้สาระสำคัญอธิบายเกี่ยวกับอะไร

            คำศัพท์น่ารู้ : 短文 ข้อความสั้น/บทความสั้น     主要 หลักๆ/ส่วนสำคัญ      说明อธิบาย

 

            ......主要原因是什么?

            (ต. ......主要原因是什么?)

            zhǔ yào yuán yīn shì shén mo?

            สาเหตุหลักของ ......คืออะไร

 

            本文没有说到的是...?

            (ต.本文沒有說到的是...?)

            běn wén méi yǒu shuō dào de shì? 

            สิ่งที่ไม่ได้กล่าวถึงในบทความนีคือ...?

 

            如果请你给这段对话一个题目 ,你认为应该是...?

            (ต.如果請你給這段對話一個題目 ,你認為應該是...? )

            rú guǒ qǐng nǐ gěi zhè duàn duì huà yī gè tí mù  , nǐ rèn wéi yìng gāi shì?

            หากให้คุณตั้งชื่อ/หัวข้อให้กับบทสนทนานี้  คุณคิดว่าควรจะเป็น...?

 

            这段话谈论的是...?

                        (ต.這段話談論的是...? )

zhè duàn huà tán lùn de shì?   

 

สิ่งที่บทความนี้พูดคุยถึงคือ...?

 

            下面哪一句的意思在这段话里说到了?

            (ต.下面哪一句的意思在這段話里說到了? )

            xià miàn nǎ yī jù de yì sī zài zhè duàn huà lǐ shuō dào le?   

            ความหมายในประโยคใดต่อไปนี้ถูกพูดถึงในบทความ?

 

            这段话的内容主要是讲...?

            (ต.這段話的內容主要是講...?)

            zhè duàn huà de nèi róng zhǔ yào shì jiǎng?    

            เนื้อหาหลักที่กล่าวถึงในบทความท่อนนี้คือพูดถึง...?

 

            “xxx” 在这里是...?

            (ต. “xxx” 在這里是...?)

            zài zhè lǐ shì zhǐ?   

            คำว่า “xxx”ในที่นี้หมายถึง...?

 

            应该选择以下哪个答案?

            (ต.應該選擇以下哪個答案?)

            yìng gāi xuǎn zé yǐ xià nǎ gè dá àn?

            ควรจะเลือกคำตอบข้อใด่อไปนี้?

 

 

            哪个答案符合文章的内容?

            (ต.哪個答案符合文章的內容?)

            nǎ gè dá àn fú hé wén zhāng de nèi róng? 

            คำตอบในข้อใดสอดคลองกับเนื้อหาในบทความ?

 

3. ข้อสอบเกี่ยวกับประโยคย้อนถามมักจะออกสอบอะไรบ้าง?

            สำหรับประโยคย้อนถาม  นอกจากคำแปลของรูปประโยคนั้นๆแล้ว   สิ่งที่นักเรียนควรจะทำความเข้าใจให้ดีคือลักษณะสำคัญบางประการเกี่ยวกับประโยคคำถามด้วย   เพื่อให้นักเรียนสามารถตัดสินใจตอบคำถามของโจทย์ได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น

            สิ่งที่ข้อสอบเอนทรานซ์หรือเอ-เน็ต(หรืออะไรก็ตามที่ระบบการศึกษาบ้านเราประสงค์จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ)  มักออกสอบคือคุณสมบัติในเชิงบอกเล่าของประโยคย้อนถาม   เพราะความจริงแล้วประโยคย้อนถามไม่ได้ใช้สำหรับถามคำถามจริงๆ   แต่มนุษย์เราใช้ประโยคย้อนถามในการ แสดงความประหลาดใจ   บังคับ  ประชด  กล่าวโทษ  หรือไม่ก็เตือนสติผู้ฟังเป็นหลัก  เช่นในภาษาไทยเราจะใช้ประโยคย้อนถามในตัวอย่างดังต่อไปนี้

 

            นี่คุณไม่กินผักเลยหรือ?   

            (ผู้พดูรู้สึกประหลาดใจที่เพื่อนไม่กินผัก)

            รูปบอกเล่าจึงมีความหมายว่า : คุณควรจะกินผักบ้าง

 

            ใคร ๆ ก็เห็นด้วยทั้งนั้น   หรือคุณไม่เห็นด้วย!? 

            (ผู้พูดรู้สึกว่าผู้ฟังควรจะเห็นด้วยถึงจะถูก / พยายามบีบบังคับให้ผู้ฟังเห็นด้วยกับตน)

            รูปบอกเล่าจึงมีความหมายว่า : คุณต้องเห็นด้วยซิ

 

            ผมคงไม่ได้สอนให้คุณโดดงานไปเที่ยวเกาะหรอกนะ!?

            (ผู้พูดยืนกรานว่าไม่เคยแนะนำให้ผู้ฟังหนีงาน  และ  กำลังกล่าวโทษผู้ฟังเพื่อให้สำนึกผิด)

            รูปบอกเล่าจึงมีความหมายว่า : ผมไม่เคยสอนให้คุณโดดงานไปเที่ยวเกาะ รู้ไว้เสียด้วย!

 

            สรุปแล้ว  ประโยคย้อนถามสามารถผันเป็นประโยคบอกเล่าได้เสมอ และข้อสอบมักจะออกสอบประเด็นนี้อยู่เสมอๆ   บางปีออกข้อสอบมากถึงสี่ห้าข้อ  มีทั้งที่เป็นโจทย์แบบถามตรงๆ  และ  ปะปนในโจทย์คำถามประเด็นอื่น ๆ    เป็นคะแนนง่ายๆที่นักเรียนควรจะคว้าไว้  หากพลาดก็น่าเสียดายมากจริง ๆ 

 

3. 1รูปประโยคย้อนถามที่พบบ่อยครั้งในข้อสอบ

 

กลุ่มที่ 1 ประโยคย้อนถามเพื่อแสดงความประหลาดใจ หรือ เตือนสติ 

难道……吗?(อย่าบอกนะว่า......)  

不是……吗?(......ไม่ใช่หรือ?)

还不……  /  啊?(ยังไม่......อีกหรือ?)

 

ตัวอย่างที่1       难道你不会骑自行车      

                     (ต.難道你不會騎自行車? )

                      nán dào nǐ bù huì qí zì xíng chē ma?  

                      หรือคุณขี่จักรยานไม่เป็น? (อย่าบอกนะว่คุณขี่จักรยานไม่เป็น)

 

รูปบอกเล่าคือ :   你(应该)会骑自行车。

                       (ต.你(應該)會騎自行車。)

                       nǐ   yìng gāi   huì qí zì xíng chē。

                       คุณ(น่าจะ)ขี่จักรยานเป็นนะ

 

ตัวอย่างที่ 2       不是吃饭了        

                      (ต. 你不是吃飯了?)

                      nǐ bú shì chī fàn le ma?

                       คุณทานข้าวแล้วไม่ใช่หรือ?

 

รูปบอกเล่าคือ :    你吃饭了。

                        (ต.你吃飯了。)

                        nǐ chī fàn le  

                        คุณ(น่าจะ)ทานข้าวแล้วนี่

 

ตัวอย่างที่ 3         同学们还不来上课/啊?                   

                        (ต.同學們還不來上課/?)

                        tóng xué men huán bù lái shàng kè a? 

                        นักเรียนยังไม่มาเข้าห้องเรียนอีกหรือเนี่ย?

 

รูปบอกเล่า :        同学们该来上课了。

                        (ต.同學們該來上課了。)

                        tóng xué men gāi lái shàng kè le。

                        นักเรียนควรจะมาเข้าเรียนแล้วล่ะ 

 

กลุ่มที่ 2 ประโยคย้อนถามที่ใช้ในการปฏิเสธ หรือ แก้ต่าง

 

哪儿……? ( ......ที่ไหนกัน?)

                  什么时候……? (......เมื่อไรกัน/ซะเมื่อไหร่?)

 

ตัวอย่างที่ 1         我哪儿知道他去不去?

                        (ต.我哪儿知道他去不去?)

                        wǒ nǎ ér zhī dào tā qù bù qù?

                        ผมรู้ที่ไหนล่ะว่าเขาไปหรือไม่ไป

 

รูปบอกเล่า :       我不知道他去不去。

                        (ต.我不知道他去不去。)

                        wǒ bù zhī dào tā qù bù qù。  

                        ผมไม่รู้หรอกว่าเขาไปหรือไม่ไป

 

ตัวอย่างที่ 2         你胡说!我什么时候答应过你?

                        (ต.你胡說!我什么時候答應過你? )

                        nǐ hú shuō   wǒ shén mo shí hòu dá yìng guò nǐ?

                        คุณพูดจามั่วนิ่ม!  ผมเคยรับปากคุณเมื่อไรกัน?

 

รูปบอกเล่า :       我从来没答应过你!

                        (ต.我從來沒答應過你!)

                        wǒ cóng lái méi dá yìng guò nǐ! 

                        ผมไม่เคยรับปากคุณมาก่อนเลยนะ!

 

กลุ่มที่ 3  ประโยคย้อนถามที่ใช้ในการต่อว่า  คัดค้าน หรือ บีบบังคับอีกฝ่าย

……的吗?( มี......ด้วยหรือ? / มี......ที่ไหนกัน?)

没有……吧?(คงจะไม่ได้ ......หรอกนะ?)

……怎么能行? (…… ใช้ได้หรือ?/จะไหวหรือ?)

…… ,  值吗?(…… คิดว่าคุ้มค่าหรือ?)

…有什么…?

 

ตัวอย่างที่ 1        这世界上像你这么懒的人

                        (ต.這世界上像你這么懶的人?)

                        zhè shì jiè shàng yǒu xiàng nǐ zhè mo lǎn de rén ma?                          

                        ในโลกนี้มีคนขี้เกียจเหมือนคุณ้วยหรือเนี่ย !? 

                      

รูปบอกเล่า :          没想到你这么懒。

                        (ต.沒想到你這么懶。)

                        méi xiǎng dào nǐ zhè mo lǎn。

                        นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะขี้เกียจเพียงนี้

 

ตัวอย่างที่ 2        我教你逃学

                        (ต.我教你逃學?)

                        wǒ méi jiào nǐ táo xué ba?

                        ผมคงไม่ได้สอนให้คุณโดดเรียนหรอกนะ?

 

รูปบอกเล่า :       我没教你逃学。/ 你不该逃学。

                        (ต.我沒教你逃學。/ 你不該逃學。 )

                        wǒ méi jiào nǐ táo xué  /  nǐ bù gāi táo xué。 

                        ผมไม่ได้สอนให้คุณโดดเรียน /  คุณไม่ควรโดดเรียน

 

ตัวอย่างที่ 3         你不吃点东西怎么能行

                        (ต.你不吃點東西怎么能行?)

                        nǐ bù chī diǎn dōng xī zěn mo néng xíng?   

                        คุณไม่ทานบ้างแล้วจะไหวหรือ

 

รูปบอกเล่า :   你得不吃点东西。

                        (ต.你得吃點東西。)

                        nǐ de chī diǎn dōng xī。  

                        คุณควรจะต้องทานอะไรบ้าง

 

ตัวอย่างที่ 4        为了一点便宜就放弃事业,值吗

                        (ต.為了一點便宜就放棄事業,值嗎?)

                        wéi le yī diǎn pián yí jiù fàng qì shì yè ,  zhí ma?

                        เพื่อผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆก็ละทิ้งหน้าที่การงานซะแล้ว   คุ้มค่างั้นหรือ?

                            

รูปบอกเล่า :       你不该为了一点便宜就放弃事业。

                        (ต.你不該為了一點便宜就放棄事業。)

                        nǐ bù gāi wéi le yī diǎn pián yí jiù fàng qì shì yè。

                        คุณไม่ควรละทิ้งหน้าที่การงานเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อย

 

                        * 一点便宜  / 小便宜  แปลว่า ผลประโยชน์เล็กน้อย / ความได้เปรียบเล็กน้อย

                        ** สำนวน 赚+บางคน+便宜 แปลว่า  เอาเปรียบเล็กๆน้อยๆใครบางคน  เช่น

 

                        他喜欢赚朋友的便宜。

                        (ต.他喜歡賺朋友的便宜。 )

                        tā xǐ huān zhuàn péng yǒu de pián yí。

                        เขาชอบเอาเปรียบเพื่อนเล็กๆน้อยๆ

 

ตัวอย่างที่ 5         这里的东西有什么好看?走吧!

                        (ต.這里的東西有什么好看?走吧! )

                        zhè lǐ de dōng xī yǒu shén mo hǎo kàn?  zǒu ba!

                        สิ่งของที่นี่น่าดู(น่าสนใจ)ตรงไหนกัน?   ไปเถอะน่า

 

รูปบอกเล่า :        这里没有好看的东西。

                        (ต.這里沒有好看的東西。)

                        zhè lǐ méi yǒu hǎo kàn de dōng xī。   

                        ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรที่น่าดูเลย

 

กลุ่มที่ 4 ประโยคย้อนถามที่มักจะพูดอุทานติดปากเป็นประโยคหรือวลีสั้นๆ 

 

从哪儿来的?          (ต.從哪儿來的?) cóng nǎ ér lái de?

มันมายังไงวะเนี่ย?  (ใช้เมื่อรู้สึกงุนงง  คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น)

可不是吗?               (ต. 可不是嗎?) kě bú shì ma?

ก็นั่นนะซิ! (ใช้เมื่อรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่ง)

 

何苦呢?               (ต.何苦呢? ) hé kǔ ne?

เพื่ออะไร?  /  ไม่เข้าใจเลยว่าจะลำบากไปทำไม? (ใช้เมื่อรู้สึกไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่าย) 

 

何必呢?               (ต.何必呢?) hé bì ne?  

จำเป็นด้วยหรือ?  (ใช้เมื่อพยายามคัดค้านอีกฝ่าย)

 

你想怎么样?       (ต.你想怎么樣?) nǐ xiǎng zěn mo yang?

คุณจะเอายังไง?   (ใช้เมื่อตอบท้าทาย  แสดงตนว่าไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย)

 

这是什么态度?   (ต.這是什么態度? )

zhè shì shén mo tài dù?

ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?  (แสดงความไม่พอใจ)

          

3.2   ตัวอย่างข้อสอบเกี่ยวกับประโยคย้อนถามจากข้อสอบชุด มีนาคม พ.ศ.2546

            ในข้อสอบปีนี้  ภายในชุดเดียวกันมีข้อสอบที่เกี่ยวข้องกับประโยคย้อนถามมากถึง 4 ข้อ  ได้แก่ ข้อ 18และ  19  ตามด้วย  ข้อ  62  และ 64  ซึ่งเป็นข้อที่ถามความรู้เรื่องประโยคย้อนถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีพลิกแพลง   เป็น 5 คะแนนที่ได้มาง่ายๆ  (ข้อละ1.25คะแนน   จากข้อสอบ80ข้อ  โดยมีคะแนนเต็มเท่ากับ 100คะแนน)

 

18-20. 甲 :这套衣服有__18__好看的 ?

             乙 :你说它__19__不好看?

              甲 :我觉得__20__看都不好看。

 

18.  1.怎么                 2.这么

          3.那么                 4.什么

 

19.  1.哪儿                 2.那儿

          3.这么                 4.那么

 

ข้อ 18

เฉลย    ตอบ ข้อ 4     

             甲 :这套衣服有什么好看的 ?

             (ต.這套衣服有什么好看的 ? )

             zhè tào yī fú yǒu shén mo hǎo kàn de?  

             นาย ข  : เสื่อผ้าชุดนี้น่าดู(สวย)ตรงไหนกัน?  (ไม่เห็นสวยเลย)

 

ข้อ 19

เฉลย   ตอบ ข้อ 1

             乙 :你说它哪儿不好看?

             (ต.你說它哪儿不好看?)

             nǐ shuō tā nǎ ér bù hǎo kàn?  

             คุณว่ามันไม่สวยตรงไหนหรือ?   (ผมกลับมองว่ามันสวยดี)

 

62 – 74   

อ่านข้อความแล้วเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

阅读下文 ,然后选出最正确的答案。

 

62-64       甲 :现在人们越来越重视天气预报了。

               乙 :可不是吗 !昨天我儿子没带雨伞,放学回家遇上了大雨,淋得落汤鸡似的。

               甲 :你没提醒他吧 ?

               乙 :提醒了,他哪儿听啊 !

 

62.  “可不是吗” 的意思是 :

     

             1.是啊                 2.不是啊

             3.可以吗               4.不可以吗

 

64. “哪儿听话啊” 的意思是 :

 

             1.不听                 2.没听见

             3.没听清               4.听见了

 

ข้อ 62

เฉลย   ตอบ ข้อ 1  เพราะ 可不是吗? เป็นประโยคย้อนถาม และมีความหมายเป็นการบอกเล่าว่า “ ก็นั่นนะซิ ”  ใช้เมื่อผู้พูดเห็นด้วยกับอีกฝ่ายอย่างยิ่ง   ฉะนั้นจึงตรงกับ ประโยคบอกเล่าในข้อ 1   是啊!ใช่เลย !

 

ข้อ 64

เฉลย   ตอบ ข้อ 1  เพราะ哪儿听话啊? แปลว่า  เชื่อฟังที่ไหนกันเล่า?  (听话แปลว่า เชื่อฟัง)  ถ้าเปลี่ยนเป็นรูปบอกเล่าจึงสื่อความหมายว่า  ไม่เชื่อฟัง  ฉะนั้นจึงตรงกับข้อ 1  不听 ไม่เชื่อฟัง

 

4. สรรพนามคำถามที่ถูกใช้ในประโยคบอกเล่า

             หลายครั้งที่คำว่า  อะไร  ที่ไหน  อย่างไร   ใคร ฯลฯ  ถูกใช้ในประโยคบอกเล่า  ซึ่งคำสรรพนามคำถามเหล่านี้จะมีความหมายเปลี่ยนไปจากเดิม  กลายเป็นคำว่า  อะไรก็ตาม  ที่ไหน ๆ ก็ตาม   อย่างไรก็ตาม  ใคร ๆ /ใครก็ตาม ฯลฯ   ซึ่งคำง่ายๆเหล่านี้ก็มักปรากฏในข้อสอบบ่อยครั้ง   และผู้ออกสอบมักจงใจนำคำเหล่านี้ปะปนในโจทย์ที่มีทั้งประโยคคำถาม  ประโยคย้อนถาม  เพื่อทดสอบความรอบคอบในการอ่านโจทย์ของนักเรียน   นักเรียนจึงควรระมัดระวังและอ่านโจทย์ให้รอบคอบ   ตัวอย่างข้อสอบต่อไปนี้คือข้อที่ใช้ คำว่า  อะไร  ที่ไหน  อย่างไร   ใคร ฯลฯ  ในรูปบอกเล่า 

 

ตัวอย่างจาก ข้อสอบ  มีนาคม พ.ศ.2546 (สังเกตว่าเป็นข้อสอบในบทสนทนาเดียวกันกับ ข้อ 18  และ 19  ที่กล่าวมาแล้วในตัวอย่างโจทย์หัวข้อที่แล้ว

 

18-20. 甲 :这套衣服有__18__好看的 ?

               乙 :你说它__19__不好看?

               甲 :我觉得__20__看都不好看。

 

     

20.    1.什么                 2.怎么

            3.那么                 4.这么

 

เฉลย  ตอบ ข้อ 2 

               甲 :我觉得怎么看都不好看。

               (ต.我覺得怎么看都不好看。)

               wǒ jué de zěn mo kàn dōu bù hǎo kàn。

               นาย ก : ผมรู้สึกว่า ดูยังไงๆก็ไม่สวยอยู่ดี   

 

               อีกลักษณะข้อสอบที่นิยมออกคือ  ข้อสอบประเภท ข้อใดมีความหมายตรงกับโจทย์  เช่นตัวอย่างจากข้อสอบจาก มีนาคม พ.ศ.2548 ดังต่อไปนี้  และข้อนี้มีทั้ง ประโยคย้อนถาม และประโยคบอกเล่าที่ใช้คำนามเป็นสรรพนามคำถาม ปะปนกัน  แม้มีเนื้อหาคำศัพท์ง่ายๆ  แต่กลับสร้างความสับสนให้นักเรียนที่อ่านโจทย์ได้ไม่น้อย

             

39.这次活动谁都不感兴趣。

                 

               1. 这次活动谁能感兴趣呢?     

               2. 这次活动谁都不会不感兴趣。

               3. 这次活动谁都不能不感兴趣。 

               4. 这次活动难道谁都不感兴趣吗?

 

เฉลย  ตอบ  ข้อ  1   เพราะ

               โจทย์แปลความหมายว่า    กิจกรรมครั้งนี้ใคร ๆ ก็ไม่รู้สึกสนุก (จับใจความได้ว่า ทุกคนไม่สนุก)

ส่วนตัวเลือกแต่ละข้อมีความหมายดังต่อไปนี้

 

               1. 这次活动谁能感兴趣呢?

               (ต.這次活動誰能感興趣呢?)

               zhè cì huó dòng shéi néng gǎn xìng qù ne?

               กิจกรรมครั้งนี้ใครจะไปสนุกล่ะ? 

               (เป็นประโยคย้อนถาม  ต้องการบอกว่า ทุกคนไม่สนุก)

 

                   2. 这次活动谁都不会不感兴趣。

               (ต.這次活動誰都不會不感興趣。)

               zhè cì huó dòng shéi dōu bù huì bù gǎn xìng qù。

               กิจกรรมครั้งนี้ไม่มีใครไม่สนุกหรอก

               (จับใจความได้ว่า  ทุกคนสนุก)

 

               3. 这次活动谁都不能不感兴趣。

               (ต.這次活動誰都不能不感興趣。)

               zhè cì huó dòng shéi dōu bù néng bù gǎn xìng qù。

               กิจกรรมครั้งนี้ใครๆก็ไม่อาจไม่รู้สึกสนุก 

               (จับใจความได้ว่า  ทุกคนสนุก)

 

               4. 这次活动难道谁都不感兴趣吗?

               (ต.這次活動難道誰都不感興趣嗎?)

               zhè cì huó dòng nán dào shéi dōu bù gǎn xìng qù ma?

               อย่าบอกนะว่ากิจกรรมคราวนี้ใครๆก็ล้วนแต่ไม่สนุกทั้งนั้น 

               (เป็นประโยคย้อนถาม  ต้องการสื่อว่า  ทุกคนสนุก)