ภาษาจีน ม. ปลาย การลำดับประโยคในภาษาจีน
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 46.6K views



การลำดับประโยคในภาษาจีน

             

         จากหลายบทที่ผ่านมา  ได้อธิบายเนื้อหาและวิธีใช้สำหรับองค์ประกอบของแต่ละส่วนในไวยากรณ์จีน  รวมทั้งวิธีใช้  ในบทนี้จะนำองค์ประกอบแต่ละส่วนที่กล่าวมาแล้วผูกเป็นรูปประโยค  พร้อมทั้งอธิบายตัวอย่างประโยคที่พบเห็นบ่อยในข้อสอบ  และตัวอย่างที่นำมาแสดงไว้ในบทนี้เป็นข้อสอบที่คัดมาจากข้อสอบเก่าสำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสิ้น  เพื่อให้นักรเรียนคุ้นเคยกับลักษณะของข้อสอบ   นักเรียนจะพบว่าจะพบว่าในข้อสอบแต่ละปีจะมีข้อสอบที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไวยากรณ์ในการลำดับคำศัพท์และลำดับประโยคมากมายหลายข้อ  ที่สำคัญ  หากเราศึกษาจากตัวอย่างข้อสอบย้อนหลังเราจะพบว่า  ลักษณะของข้อสอบคล้ายคลึงกันทุกปี   ด้วยเหตุนี้  ในมุมมองของผมซึ่งเป็นผู้สอนจึงมองว่าเป็นเนื้อหาข้อสอบที่คาดเดาแนวข้อสอบได้ไม่ยากนัก      มีหลักการและวิธีการตีโจทย์คล้ายคลึงกันซึ่งนักเรียนสามารถนำมาเป็นแนวทางการศึกษาเพื่อเตรียมสอบได้อย่างดี

     

ข้อสอบที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการลำดับคำศัพท์หรือประโยคสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้

1.1 ข้อสอบประเภทวัดความเข้าใจในการลำดับคำกริยา

1.2 ข้อสอบประเภทวัดความเข้าใจในการลำดับคำคุณศัพท์

1.3  ข้อสอบประเภทวัดความเข้าใจในการลำดับคำนาม

1.4  ข้อสอบประเภทวัดความเข้าใจในการลำดับรูปประโยค

1.5  ข้อสอบประเภทวัดความเข้าใจในการลำดับประโยคเปรียบเทียบ

1.6  ข้อสอบประเภท “ข้อใดเรียงลำดับคำในประโยคได้เหมาะสมที่สุด”

1.7  ข้อสอบประเทภ “คำตอบข้อใดเรียงลำดับข้อความได้เหมาะสมที่สุด”

 

1.1ข้อสอบประเภทวัดความเข้าใจในการลำดับคำกริยา

         ข้อสอบที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไวยากรณ์ในการลำดับคำกริยามักจะวัดความเข้าใจเกี่ยวกับกริยาที่เป็นคำประสม ประกอบด้วย 2 พยางค์      และประเด็นที่นำมาออกข้อสอบคือ   การจำแนกกริยาทั่วไป กับ กริยาที่แยกตัวได้ (离合动词) นักเรียนคงเคยเรียนในบทเรียนมัธยมปลายแล้วว่า  กริยาที่เป็นคำประสมมีวิธีการใช้สองลักษณะดังนี้

 

         กริยาทั่วไป คือ กริยาที่เกิดจากคำกริยา 2 คำ รวมกัน  เช่น

         摇เขย่า +摆ส่าย  เป็นคำว่า   摇摆 ส่ายไปส่ายมา

     ต.ย.        长长的袖子随风摇摆。

         (ต. 長長的袖子隨風搖擺。)

cháng cháng de xiù zi suí fēng yáo bǎi。

แขนเสื้อยาวสลวยส่ายไหวไปมาตามลม

 

         控บังคับ +制ควบคุม    เป็นคำว่า  控制 ควบคุม

         ต.ย.        不少人工作时无法控制自己的情绪。

         (ต.不少人工作時無法控制自己的情緒。)

         bù shǎo rén gōng zuò shí wú fǎ kòng zhì zì jǐ de qíng xù。

คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนเองในระหว่างการทำงาน

* 无法+ กริยา  แปลเป็นไทยว่า  ไม่อาจ...

             

         生ให้กำเนิด+产คลอด / ผลิต    เป็นคำว่า    生产 ผลิต

         ต.ย.        该厂生产的产品质量有所提高了。

         ( ต.該厂生產的產品質量有所提高了。)  

         gāi chǎng shēng chǎn de chǎn pǐn zhí liàng yǒu suǒ tí gāo le。

         คุณภาพสินค้าที่ผลิตโดยโรงงานดังกล่าวได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้ว

         *有所+กริยา  แปลเป็นไทยว่า  มีการ/ได้รับการ...บ้างแล้ว  เช่น ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นบ้างแล้ว ฯลฯ

 

         กริยาที่แยกตัวได้  คือคำกริยาที่เกิดจาก คำกริยา 1 คำ  รวมกับ  คำนาม1คำ  เช่น

         生กำเนิด +气อารมณ์รุนแรง  เป็น 生气 โมโห

         ต.ย.        你还在生我的气吗?

         ( ต.你還在生我的气嗎?)

         nǐ hái zài shēng wǒ de qì ma? 

         นี่คุณยังโกรธผมอยู่อีกหรือ?

                                   

         帮ช่วย+忙เรื่องยุ่งยาก / ธุระ   เป็นคำว่า  帮忙 ช่วยธุระ

         ต.ย.        我不需要你帮我的忙!

         ( ต.我不需要你幫我的忙!)

         wǒ bù xū yào nǐ bāng wǒ de máng!

         ผมไม่มีความจำเป็นให้คุณมาช่วยธุระของผม

 

ข้อสังเกต : ถ้าเป็นกริยาที่เกิดจากคำกริยาสองคำรวมกัน กรรมของกริยาต้องตามหลังกริยาตัวนี้เสมอ

เช่น  控制情绪kòng zhì qíng xù ควบคุมอารมณ์   生产产品shēng chǎn  chǎn pǐn ผลิตสินค้า  

         แต่ถ้าเป็นกริยาที่เกิดจากคำกริยา 1 ตัวรวมกับ คำนาม 1 ตัว   กรรมของกริยาต้องแทรกอยู่ระหว่างคำกริยาประสมคำนั้น  เช่น 生我的气shēng wǒ de qì โกรธผม (คนจีนพูดว่า เกิดอารมณ์โกรธเกี่ยวกับผม)  帮我(的)忙bāng wǒ de máng ช่วยธุระ(ของ)ผม  *สามารถละคำว่า 的 ไว้ได้

 

         ในข้อสอบมักจะทดสอบความเข้าใจในการใช้กริยาโดยออกแบบตัวเลือกที่บางตัวเป็น กริยาประสมทีเกิดจากคำกริยาทั้งสองคำ  กับ กริยาประสมที่เกิดจาก กริยา 1 ตัว และคำนาม 1 ตัว  ดังตัวอย่างข้อสอบที่แสดงไว้ดังตอ่ไปนี้

 

ข้อใดที่ไม่สามารถเติมลงในช่องว่างได้

小英是个好孩子,每天都__________妈妈打扫房间。(ข้อ37  มีนาคม  2547)

     

         1.帮                      2.帮著

         3.帮忙                  4.帮助

 

เฉลย  ตอบข้อ 3  เพราะหากพูดว่า ช่วยงานคุณแม่  ไม่สามารถพูดว่า 帮忙妈妈 แต่ต้องพูดว่า 帮妈妈忙 / 帮妈妈的忙 แปลเป็นไทยว่า  ช่วยธุระของคุณแม     * 帮忙เป็นคำประสมระหว่าง  กริยา + คำนาม  帮 (ช่วย)  + 忙 ( คำนาม = ธุระ)

เพิ่มเติม: หากเป็นกริยาประสมที่เกิดจาก   กริยา+คำนาม   หากนำมาแต่งประโยคที่มีกรรม   กรรมจะต้องแทรกเพื่อเสริมท้ายกริยา ดูตัวอย่าง

 

ตัวอย่างที่ 1   伤心เสียใจ / ทำร้ายจิตใจ  เกิดจาก  伤ทำร้าย + 心 จิตใจ  à 谁伤你(的)心? ใครทำร้ายจิตใจของเธอ  หรือ 你在伤谁的心?คุณกำลังเสียใจเพราะใคร?

 

ตัวอย่างที่ 2   生气โกรธ  เกิดจาก  生เกิด + 气อารมณ์ / ความโกรธ à 我生他(的)气 ฉันโกรธเขา * ภาษาจีนพูดว่า ฉันเกิด ความโกรธเกี่ยวกับเขา 

 

         การใช้คำเสริมท้ายกับกริยาประสมก็มีหลักการเดียวกัน  คือ  หากเป็นกริยาประสมที่เกิดจากคำกริยา 1 ตัว และคำนาม 1 ตัว  คำเสริมท้ายต้องวางเสริมท้ายวางแทรกอยู่ระหว่างคำกริยาและคำนามเสมอ  เช่น  抬头tái qǐ tóu เงยหน้าขึ้น  直腰zhí qǐ yāo ยืดหลังให้ตรง   มีข้อสังเกตเพิ่มเติมประการหนึ่งที่อยากจะแนะนำคือ  สำนวนตัวอย่างที่เกี่ยวกับท่าทางการเคลื่อนไหวมักนิยมลงท้ายด้วยคำว่า来 ซึ่งคำว่า 来 ในที่นี้ไม่ใช่กริยา  เป็นเพียงคำเสริมท้ายประโยค  เช่น

抬起头来เงยหน้าขึ้นมา   直起腰来 ยืดเอว/หลังให้ตรงขึ้นมา  นักเรียนสามารถทำความเข้าใจเพิ่มเติมจากตัวอย่างข้อสอบดังต่อไปนี้

 

ข้อ 37 (ระวัง  โจทย์ถามว่าข้อใดไม่สามารถเติมลงในช่องว่าง)

校长平时不爱讲话,可是开起玩笑来,能让大家笑得______。(ข้อ14  มีนาคม 2546)

 

         1.直腰不起来                 2.直不起腰来

         3.不起来直腰                 4.腰不直起来

 

เฉลย       ตอบ ข้อ 2   เพราะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำเสริมท้ายกริยากับกริยาที่เกิดจากการรวมกันระหว่างคำนาม 1 ตัว และคำนาม 1 ตัว    สังเกตจากตัวเลือกทุกตัวมีคำกริยาคำว่า直腰zhí yāo ยืดเอวให้ตรง/ยืดหลังให้ตรง ส่วนคำเสริมท้ายกริยาคือคำว่า 不起

ส่วนคำว่า 来 เป็นคำเสริมท้ายประโยค (ไม่ใช่คำเสริมท้ายกริยา)

         ข้อ 1 ผิด  เพราะ不起วางอยู่หลังคำว่า腰

         ข้อ 3 ผิด  เพราะ不起来 ไม่ใช่คำขยายหน้า แต่เป็นคำเสริมท้าย  จึงวางหน้า直腰ไม่ได้

         ข้อ4  ผิด  เพราะ 腰不直起来 เป็นประโยค  แปลว่า  หลังไม่ตรง  ซึ่งกลุ่มคำที่วางข้างหลังของคำว่า 笑得(หัวเราะจน...)  ต้องเป็นคำคุณศัพท์ หรือไม่ก็  กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์

 

เนื้อหาคำแปลของโจทย์ข้อที่37 นี้ได้แก่

         校长平时不爱讲话,可是开起玩笑来,能让大家笑得直不起腰来。

         ( ต. 校長平時不愛講話,可是開起玩笑來,能讓大家笑得直不起腰來。)

         Xiào zhǎng píng shí bù ài jiǎng huà kě shì kāi qǐ wán xiào lái   néng ràng dà jiā xiào de zhí bù qǐ yāo lái。

         คุณครูใหญ่ปกติเป็นคนไม่ค่อยพูด  แต่พอหยอกล้อ/ปล่อยมุขทีไรก็สามารถทำให้ทุกคนต้องหัวเราะจนท้องแข็งทุกที   *笑得直不起腰来 หัวเราะจนไม่สามารถยืดหลังให้ตรงได้  ตรงกับภาษาไทยว่า  หัวเราะจนท้องแข็ง / หัวเราะงอหาย

 

เพิ่มเติม

         เคล็ดลับที่อยากจะเพิ่มเติมในโจทย์ข้อนี้  คือ  บางครั้งหากเราพบว่าตัวเลือกทั้งสี่ตัวใช้คำศัพท์เหมือนกัน  เพียงเรียงลำดับต่างกัน  แสดงว่าข้อนั้นเราสามารถหาคำตอบจากการจับผิดไวยากรณ์ของตัวเลือกที่โจทย์ให้มา  อย่างกรณีข้อนี้เป็นตัวอย่างที่ดี   นักเรียนอาจไม่จำเป็นต้องแปลทั้งประโยคเลยก็ได้    เพราะการแปลหมดทั้งประโยคจะเสียเวลา  และเป็นไปได้สูงที่ผู้ออกแบบข้อสอบจงใจใช้คำศัพท์ที่ยากเพื่อทำให้ผู้ทำข้อสอบเกิดอาการรนรานเพื่ออ่านโจทย์ไม่ออก   นักเรียนควรจะยอมรับความจริงข้อหนึ่ง  คือ เราไม่สามารถอ่านตัวอักษรในข้อสอบทุกตัวออก  ต้องรู้จักปล่อยวางคำศัพท์ที่อ่านไม่ออกและกวาดสายตาเพื่อจับประเด็นของข้อสอบให้ได้ก่อนว่า ข้อนี้ทดสอบความรู้อะไร?   จากตัวอย่างโจทย์ข้อนี้เราจะพบว่า เราอ่านแค่สองพยางค์สุดท้ายคือคำว่า   笑得____。 เราก็รู้แล้วว่าควรจะใช้กลุ่มคำในตัวเลือกใดเติมลงในช่องว่าง

 

1.2 ข้อสอบประเภทลำดับคำคุณศัพท์

         การลำดับคำคุณศัพท์ประสมมีหลักการคล้ายกับการลำดับคำกริยาประสม  คือ  พิจารณาจากส่วนประกอบของคำประสมว่า เกิดจากการผสมกันระหว่างคำคุณศัพท์ทั้งสองตัว หรือ เกิดจากคำคุณศัพท์ 1 ตัว รวมกันคำนาม 1 ตัว  และข้อสอบที่ปรากฏบ่อยครั้งคือ การวัดความรู้เรื่องการใช้รูปคำซ้ำของคำคุณศัพท์ประสม  คำคุณศัพท์ประสมมีวิธีการเขียนรูปคำซ้ำตามหลักการง่ายๆต่อไปนี้

             

         คำคุณศัพท์ประสมที่เกิดจากคำคุณศัพท์ทั้งสองตัว จะซ้ำในรูป AABB เช่น

 

         干แห้ง + 净หมดจด  เป็นคำว่า 干净 (ต.干淨 ) gān jìng   สะอาด 

         รูปคำซ้ำ   干干净净 สะอาดสะอ้าน

 

         清ใส + 楚คมชัด   เป็นคำว่า 清楚(ต.清楚 ) qīng chǔ ชัดเจน 

         รูปคำซ้ำ   清清楚楚 ชัดเจนทุกประการ/คมชัดทุกรายละเอียด

 

         คำคุณศัพท์เกิดจากคำคุณศัพท์ 1 ตัว รวมกันคำนาม 1 ตัว จะซ้ำในรูปABAB  เช่น

 

         血เลือด +红แดง   เป็นคำว่า 血红 แดงเหมือนสีเลือด / แดงฉาน

         รูปคำซ้ำ   血红血红 แดงฉานไปหมด / เต็มไปด้วยสีเลือด

             

         雪หิมะ + 白สีขาว  เป็นคำว่า 雪白 ขาวปานหิมะ/ขาวโพลน

         รูปคำซ้ำ  雪白雪白  ขาวโพลนไปหมด   

 

7.他的病情很不稳定,身体_______。                      (ข้อ7  มีนาคม 2545)

 

         1.时好时坏             2. 时时好坏

         3.时坏时好             4. 好时怀时

 

เฉลย   ตอบ ข้อ 1  ข้อนี้เราสามารถสังเกตจากตัวเลือกได้ว่า  ตัวเลือกที่2 และ 4 ผิดไวยากรณ์การลำดับคำของคำคุณศัพท์ที่เกิดจาก  คำนาม 1 ตัว รวมกับ คำคุณศัพท์หนึ่งตัวอยู่แล้ว  เพราะปกติแล้วต้องประสมกันในลักษณะ คำนามอยู่หน้าและคำคุณศัพท์อยู่หลัง   ฉะนั้นคำตอบที่เป็นไปได้มากกว่าคือ ตัวเลือกที่1  และ 3 

         ประการต่อมา  สำนวนคำว่า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย(อาการไม่คงที)  ภาษาจีนใช้สำนวนว่า时好时坏  ไม่ใช้ 时坏时好  ฉะนั้นคำตอบจึงเป็น ข้อ1

 

คำแปลของโจทย์ข้อที่ 7 นี้ได้แก่

他的病情很不稳定,身体时好时坏。

         ( ต.他的病情很不穩定,身体時好時坏。)

         Tā de bìng qíng hěn bù wěn ding,   shēn tǐ shí hǎo shí huài。

         อาการป่วยของเขายังไม่คงที   สุขภาพจึงเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ไม่แน่ไม่นอน

 

昨天晚上参加婚礼的人都打扮得_______的。           (ข้อ7  มีนาคม 2545)

 

         1.漂亮                           2. 漂漂亮亮

         3.漂亮 --- 漂亮              4. 漂亮漂亮

 

เฉลย   ตอบข้อ 2  เหตุผลคือ โดยปกติสำนวน [ กริยา + 得 +คำคุณศัพท์ ] คำคุณศัพท์ที่ตามหลัง得 ถ้าท้ายประโยคลงท้ายด้วย 的อีกด้วย  ควรจะใช้คำคุณศัพท์ในรูปคำซ้ำ  ฉะนั้นข้อนี้จึงตอบข้อ2 เป็นคำตอบที่ถูกต้อง ส่วนข้อ 4 แม้จะเป็นคำซ้ำ  แต่เป็นการซ้ำอย่างไม่ถูกหลักไวยากรณ์  เพราะคำว่า 漂亮 เป็นคำคุณศัพท์ประสมที่เกิดจาก คำคุณศัพท์ทั้งสองตัว  คือ漂ล่องลอย/พลิ้วไหว +亮 เกลี้ยงเกลา/สะดุดตา   รวมเป็นคำว่า 漂亮 แปลว่า สวย

 

         ความรู้เพิ่มเติม  ในภาษาพูด เราสามารถผันคำคุณศัพท์ประสมที่เกิดจากคำคุณศัพท์ทั้ง 2 ตัว  ในรูป ABAB ได้ แต่จะทำให้คำคุณศัพท์คำนี้กลายเป็นคำกิริยา   เช่น 漂亮 พูดเป็น   漂亮漂亮 แปลว่า (ทำตัว) สวยสักหน่อย / ไปแต่งหน้าทาปากสักหน่อย   หรือ 干净 พูดเป็น 干净干净 แปลว่า  (ทำให้มัน)สะอาดสักหน่อย/ ทำความสะอาดสักหน่อย   ; ส่วนคำคุณศัพท์ประสมที่เกิดจากคำนามรวมกับคำคุณศัพท์  นั้นไม่มีคุณสมบัติในภาษาพูดประการนี้

 

*บ่อยครั้งที่ข้อสอบออกซ้ำในลักษณะเดียวกัน  อย่างเช่น  ข้อ9  จากข้อสอบฉบับมีนาคม 2547

9.他们把房间整理得________,看起来真舒服。

 

      1.干净                                         2.干净干净

      3.干干净净                                4.很干干净净

เฉลย   ตอบ ข้อ 3  เพราะคำว่า เก็บกวาดได้สะอาดสะอ้าน  คำว่าสะอาดสะอ้านต้องเขียนว่า 干干净净  ประโยคนี้กล่าวว่า

 

      他们把房间整理得干干净净,看起来真舒服。

      ( ต.他們把房間整理得干干淨淨,看起來真舒服。)

      tā men bǎ fáng jiān zhěng lǐ de gān gān jìng jìng, kàn qǐ lái zhēn shū fú。

      พวกเขาทำความสะอาดห้องได้สะอาดสะอ้าน   มองแล้วรู้สึกสบายจริง ๆ

 

      สำหรับประเด็นอื่น ๆ นอกเหนือจากการใช้คำซ้ำของคำคุณศัพท์ประสมแล้ว  ยังมีข้อสอบลักษณะอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการลำดับกลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์  อย่างตัวอย่างข้อต่อไปนี้

 

10.小王毕竟是第一次参加演讲比赛,表情_______。  (ข้อ10  มีนาคม 2545)

 

      1.不自然一点                 2. 有不自然点

      3.不一点自然                 4. 有点不自然

 

เฉลย  ตอบข้อ 4   ข้อนี้วัดความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ กริยา 有点 หน้าคำคุณศัพท์  โครงสร้างประโยคที่ใช้คือ  [ประธาน+ 有点 +  คำคุณศัพท์]  และหากแปลเป็นไทย  有点...... แปลว่า

รู้สึก...นิดหน่อย  /  ปรากฏอาการ......เล็กน้อย / แสดงออกถึง......เล็กน้อย  ส่วนคำว่า不自然 แปลว่าไม่เป็นธรรมชาติ / ประหม่า

 

小王毕竟是第一次参加演讲比赛,表情有点不自然。

(ต.小王畢竟是第一次參加演講比賽,表情有點不自然。)

xiǎo wáng bì jìng shì dì yī cì cān jiā yǎn jiǎng bǐ sài ,biǎo qíng yǒu diǎn bù zì rán。

อย่างไรเสีย เสี่ยวหวัง ก็เข้าร่วมการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์เป็นครั้งแรก  สีหน้าปรากฏอาการประหม่าเล็กน้อย

      

1.3 ข้อสอบประเภทลำดับคำนาม        

         คำนามที่สร้างความสับสนในการเรียงลำดับคำมากที่สุด มักจะเป็นคำนามที่  ถูกขยายด้วยกลุ่มคำ  การลำดับคำนามนั้นมีหลักการง่ายๆที่ควรจำคือ

         1. จำนวนและลักษณนามต้องวางด้านหน้าสุด  

         2.คำขยายของคำนามวางหน้าคำนามเสมอ

         3.หากคำขยายคำนามเป็นกลุ่มคำที่ประกอบด้วยสถานที่และกิจกรรม ต้องเรียงลำดับจากสถานที่ไปหากิจกิจกรรม

         4.的ในกรณีนี้แปลเป็นไทยว่า  ที่/ซึ่ง/อัน  เมื่อเป็นเช่นนี้  โครงสร้างของการลำดับคำนามจึงเป็นดังโครงสร้างต่อไปนี้

 

         [จำนวน + ลักษณะนาม + (กริยา+สถานที่)+กริยา+的+ คำนาม]

 

เช่น    一个去中国留学的泰国人

(ต. 一個去中國留學的泰國人)

yī gè zài zhōng guó liú xué de tài guó rén

คนไทยคนหนึ่งที่ไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน

 

         การลำดับคำนามเป็นส่วนเนื้อหาข้อสอบที่ไม่ยากนัก  ข้อสอบที่นำมาเป็นตัวอย่างต่อไปนี้ทั้ง4ข้อเป็นข้อสอบที่ปรากฏในชุดข้อสอบปีเดียวกัน  ข้อง่ายๆแบบนี้หานักเรียนพลาดไปคงจะน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง  และผมเชื่อว่ามีนักเรียนไม่น้อยที่พลาด   

                                                  

30.昨天__1__晚上,一年级__2__学生看了一部中国__3__演员演__4__电影。               (ข้อ30 มีนาคม 2547)    

                        的

 

เฉลย ตอบข้อ 4  เพราะในข้อนี้  的 แปลว่า  ที่ / ซึ่ง / อัน ซึ่งละไว้ในฐานที่เข้าใจเหมือนกรณีปกติไม่ได้ (ปกติ 的 แปลว่า  ของ)   ข้อสังเกต-หากหน้าและหลังเป็นคำนามทั้งคู่  的 จะทำหน้าที่เพียงแสดงความเป็นเจ้าของ  สามารถละไว้ในฐานที่เข้าใจ   แต่หากหน้า 的 เป็นวลีขยายคำนาม  的 จะแปลว่าที่ / ซึ่ง / อัน และไม่สามารถละได้     * ช่องที่ 1 2 และ 3  เป็นคำนามทั้งหน้าและหลัง ฉะนั้นละไว้ได้ แต่ช่องที่ 4  ละไม่ได้

 

         昨天晚上 ,一年级学生看了一部中国演员演的电影

         เมื่อคืนนี้   นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งได้ดูภาพยนตร์ที่นักแสดงชาวจีนแสดงเรื่องหนึ่ง

 

31. ตัวอักษร “的”   สี่ตัวในประโยคข้างล่างนี้ตัวที่ควรต้องตัดออกคือ       (ข้อ31  มีนาคม 2547)

下面句中有四个“的”字,其中必须去掉的一个“的” 字是 :

 

      我的国的啤酒的主要消费者是前来旅游的外国旅客。

            1        2           3                                                 4

 

เฉลย  ตอบข้อ 1  เพราะคำจำกัดความคำว่า “ประเทศของเรา”  ต้องใช้คำว่า 我国เท่านั้น  ไม่ใช้คำว่า 我的国

 

         我国的啤酒的主要消费者前来旅游的外国旅客。

         ผู้บริโภคหลักของเบียร์ของประเทศเรา คือ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยว

 

 

 

39.他妈妈在  航空  私营  公司  一家 工作。     (ข้อ39  มีนาคม 2547)

                                 1          2         3           4

 

         1. 4  2  1  3           2. 4  1  2  3

         3. 2  4  1  3           4. 1  4  2  3

 

เฉลย   ตอบข้อ 1      ลำดับ  4  2  1  3     一家私营航空公司 แปลว่า บริษัทสายการบินเอกชนแห่งหนึ่ง  *เพิ่มเติม  : โดยปกติ  การลำดับคำนามอย่างถูกต้องต้องเริ่มจาก  จำนวน+ลักษณะนาม+คำขาย+(ถ้ามี)+คำนาม  เช่น  一家私营航空公司 / 一家私营的航空公司

คำศัพท์จากโจทย์      私营 sīyíng เอกชน     航空 hángkōng  สายการบิน / การบิน

 

 

41.我一开门,就看见了   圆圆的 他的 那张。         (ข้อ41  มีนาคม 2547)

                           1      2       3      4

 

       1. 3  2  4  1         2. 2  3  4  1

       3. 3  4  2  1         4. 4  3  2  1

 

เฉลย  ตอบข้อ 3   ลำดับ 3  4  2  1  他的那张圆圆的脸。ใบหน้ากลมๆใบนั้นของเขา

 

เพิ่มเติม  : โดยปกติ  การลำดับคำนามอย่างถูกต้องต้องเริ่มจาก  จำนวน+ลักษณะนาม+คำขาย+(ถ้ามี)+คำนาม    เช่น  一家私营(的)航空公司   /   他(的)那张圆圆的脸。*圆圆的脸 ในที่นี้ไม่สามารถละ 的 ได้  เพราะเป็นคำเฉพาะเจาะจงว่า  ใบหน้ากลมๆ 

 

1.4  ข้อสอบประเภทวัดความเข้าใจในการลำดับรูปประโยค

         การลำดับรูปประโยคก็เป็นเนื้อหาอีกส่วนหนึ่งที่ข้อสอบพลิกแพลงไม่มาก  มักจะถามตรงๆว่า  ประโยคนี้ใช้รูปประโยคใด   และส่วนมากจะเป็นการเว้นช่องว่างในประโยคย่อยหน้ากับประโยคย่อยหลัง  เพื่อให้นักเรียนเติมคำที่เหมาะสมลงไปในช่องว่าง   ฉะนั้นหากนักเรียนทำความเข้าใจเนื้อหาบทเรียนบทที่ 5  ซึ่งเกี่ยวกับหลักการใช้ประโยคความรวมให้ดี   คะแนนในข้อสอบส่วนนี้ก็ไม่น่านะพลาดไปได้  

         หลักการที่เราควรจะคำนึงถึงเสมอในการทำโจทย์ประเภทนี้คือ

         1.อย่าจำลำดับของรูปประโยคสลับกัน เช่น虽然……但是……(แม้ว่า......แต่......)  จำผิดเป็น但是...... 虽然......

         2.ศึกษาคุณสมบัติของรูปประโยคแต่ละแบบให้ดีจะช่วยให้การวิเคราะห์โจทย์รวดเร็วและมั่นใจยิ่งขึ้น  เช่น  หากเป็นรูปประโยคที่เชื่อมด้วย 但是… แสดงว่าประโยคย่อยหน้ากับหลังต้องมีเนื้อหาขัดแย้งกัน    หากเป็นประโยครูปประโยคที่ใช้ 再เป็นคำวิเศษณ์   มักจะมีมีคำขยายที่บ่งบอกว่าเป็นการกล่าวถึงอนาคต(ยังไม่เกิดขึ้น) เช่น  我 再吃一碗饭 ผม อยากจะ ทานข้าวอีกถ้วย  แต่ถ้าเป็นประโยคที่ใช้又เป็นคำวิเศษณ์  มักจะเสริมท้ายด้วย了เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว  เช่น 我 吃了一碗饭。ผมทานข้าว ไป อีกชาม  

 

15.钱带得太少了,_________买一件衣服________不够。

(ข้อ15  มีนาคม 2546)

 

       1.连……都……         2.既…..又…..

         3.虽然……但是……     4.只要……就……

 

เฉลย ตอบ 1 连......都......(ขนาด......ยัง......)   ; สังเกตุก่อนว่า ประโยคที่ให้มา ประโยคหน้าบอกว่า钱带得太少了qián dài de tài shǎo le พกเงินมาน้อยเงินไป     ส่วนประโยคหลังจับประเด็นได้ว่า买衣服mǎi yī fu ซื้อเสื้อ  +  不够bú gòu ไม่พอ   แสดงว่าเนื้อหาประโยคหน้าและหลังไปในทิศทางเดียวกัน   ฉะนั้นหากเราทำโจทย์ข้อนี้โดยใช้วิธีตัดตัวเลือกที่ไม่น่าเป็นไปได้ออกไป  แนวคิดในการตัดก็มีดังต่อไปนี้  

         ตัวเลือกใดที่เป็นรูปประโยคสำหรับประโยคที่หน้าและหลังขัดแย้งกันก็ตัดทิ้งได้เลย เช่น ตัวเลือกข้อที่3    ส่วนตัวเลือกข้อที่2  ก็ตัดทิ้งได้เพราะ  โครงสร้าง既......又.....  (ทั้ง......ทั้ง......) ซึ่งคำที่ตามหลัง既และ又ต้องเป็นคำประเภทเดียวกัน  เช่น 既大又甜ทั้งใหญ่ทั้งหวาน(ตามด้วยคำคุณศัพท์เหมือนกัน)  จึงไม่สอดคล้องกับเนื้อหาโจทย์   ตัวเลือกข้อ 4 ตัดทิ้งเพราะ  เป็นประโยคบังคับเงื่อนไข  只要......就......(ขอเพียง...... ก็จะ......)  แต่ประโยคของโจทย์เป็นประโยคบอกเล่าเท่านั้น  ไม่ได้มีความหมายในเชิงบังคับเงื่อนไข

 

         钱带得太少了,买一件衣服不够。

         (ต.錢帶得太少了,連買一件衣服都不夠。)

         qián dài de tài shǎo le   lián mǎi yī jiàn yī fú。

         เงินที่พกน้อยเงินไป   ขนาดซื้อเสื้อสักตัวยังไม่พอเลย

 

 

______下大雨,球赛_______照常进行。             (ข้อ12  มีนาคม 2547)

     

      1.即使……也                  2.不是……而是

      3.只有……就没                4.无论……都

 

เฉลย  ตอบข้อ 1   ประการแรก ประโยคหน้ากล่าวว่า ฝนตกหนัก 下大雨     ประโยคหลังกล่าวว่า  การแข่งขันฟุตบอล ดำเนินตามปกติ 球赛照常进行  รูปประโยคเชื่อที่น่าจะเป็นไปได้คือ   ต่อให้...ก็...   หรือไม่ก็   ไม่ว่า...ก็...  (ตรงกับข้อ1  และ 4)   ประการที่สอง  โดยปกติแล้ว  หลังคำว่า ไม่ว่า... 无论  ควรจะเป็นภาคแสดงที่มีทางเลือกมากกว่าหนึ่ง  เช่น  ไม่ว่าฝนตกหรือไม่ตก   ไม่ว่าฝนตกหนักแค่ไหน (อาจจะ ตกเบา  ปานกลาง  หรือหนักก็ได้)   แต่ถ้าเป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า  ต่อให้... 即使   ภาคแสดงจะเสนอเพียงทางเลือกเดียว  เช่น  ต่อให้ฝนตกหนัก   ต่อให้คุณไม่ชอบ   ต่อให้ไม่มีคนมา ฯลฯ   ข้อนี้ประโยคหน้ามีทางเลือกเดียว คือ 下大雨 ฝนตกหนัก   ฉะนั้นตอบข้อ 1

เพิ่มเติม:

         ต่อให้  = 即使 / 尽管 / 就算 / 哪怕 

                     (ต. 即使 / 盡管 / 就算 / 哪怕   )

                      jí shǐ  / jìn guǎn  / jiù suàn /  nǎ pà

    

         ไม่ว่า = 不论 / 无论 / 不管

                   (ต. 不論 / 無論 / 不管)

                   bù lùn / wú lùn  / bù guǎn

 

1.5  ข้อสอบประเภทวัดความเข้าใจในการลำดับประโยคเปรียบเทียบ

         รูปประโยคเปรียบเทียบถือว่าเป็นรูปประโยคที่ค่อนข้างแตกต่างจากการลำดับไวยากรณ์ของภาษาไทย   แต่ถ้านักเรียนจับหลักได้  ข้อสอบประเภทนี้ก็จะทำได้ไม่ยาก  เพราะความจริงประโยคเปรียบเทียบที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั้นมีไม่กี่แบบเท่านั้น   สำหรับในภาษาจีน  มีรูปประโยคดังนี้

         1.  [ ประธาน+การกระทำ(ถ้ามี)  + + กรรม + คำคุณศัพท์]

         แปลเป็นไทยว่า     ......กว่า  เช่น  ดีกว่า   มากกว่า   เก่งกว่า  ฯลฯ

 

ต.ย.        我的个子比你高。  *比bǐ แปลว่า เทียบกัน

( ต.我的個子比你高。 )

wǒ de gè zi bǐ nǐ gā

         รูปร่างของผมสูงกว่าคุณ  (ภาษาจีนพูดว่า รูปร่างของผมเทียบกับคุณแล้วสูง)

 

         ต.ย.        我吃饭吃得比你多。

              ( ต.我吃飯吃得比你多。 )

         ​     wǒ chī fàn chī de bǐ nǐ duō

                  ​     ผมทานข้าวทานได้มากกว่าคุณ  

 

         2. [ ประธาน+การกระทำ(ถ้ามี)  + 没有 + กรรม +คำคุณศัพท์]

         แปลเป็นไทยว่า   ......ไม่เท่า  เช่น  ดีไม่เท่า   เร็วไม่เท่า   อร่อยไม่เท่า ฯลฯ

         ต.ย.        王先生的财产没有你多

                   ​   ( ต.王先生的財產沒有你多 )

                  ​     wáng xiān shēng de cái chǎn méi yǒu nǐ duō

                   ​    ทรัพย์สินของคุณหวังไม่มากเท่าคุณ

 

         ในสำนวนภาษาพูด บางครั้งอาจขยายเพิ่มเติมด้วยคำว่า 那么 วางไว้หน้าคำคุณศัพท์  ซึ่งกรณีนี้สามารถละกรรมของประโยคได้  ดูตัวอย่าง

 

         ต.ย         王先生的财产没有你那么多。

                   ​   ( ต.王先生的財產沒有你那么多。 )

              wáng xiān shēng de cái chǎn méi yǒu nǐ nǎ me duō。

                   ​   ทรัพย์สินของคุณหวังไม่ได้มากขนาดเท่ากับคุณหรอก

 

หรือ                  王先生的财产没有那么多。

                        ( ต.王先生的財產沒有那么多。 )

                wáng xiān shēng de cái chǎn méi yǒu nǎ me duō。

                ทรัพย์สินของคุณหวังไม่ได้มากขนาดนัหรอก

    

         3.   [ประธาน+ การกระทำ(ถ้ามี)  + 不如/比不上 + กรรม ]

         แปลเป็นไทยว่า   ...ไม่อาจเทียบกับ...    เป็นรูปประโยคภาษาเขียนมากกว่าภาษาพูด  *สังเกตว่าโครงสร้างนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำคุณศัพท์ตามหลังท้ายประโยคก็ได้ 

 

         ต.ย.      周瑜的才能不如孔明。

                     ( ต.周瑜的才能不如孔明。 )

            zhōu yú de cái néng bù rú kǒng míng。

                     ความสามารถของโจวอวี๋(จิวยี่) ไม่อาจเทียบ ข่งหมิง(ขงเบ้ง)ได้

 

                     他做的菜做得比不上我母亲。

                      ( ต.他做的菜做得比不上我母親。 )

                      tā zuò de cài zuò de bǐ bù shàng wǒ mǔ qīn。

                      กับข้าวที่เขาทำสู้(กับข้าวของ)แม่ผมไม่ได้

                      *ประโยคนี้สามารถย่อคำว่า 我母亲做的菜 เหลือแค่ 我母亲

 

         4. [ ประธาน+การกระทำ(ถ้ามี) + 跟 +  กรรม + 一样 + คำคุณศัพท์(ถ้ามี) ]

         แปลเป็นไทยว่า   เหมือนๆกับ... / เท่าๆกับ  เช่น   เก่งเท่าๆกับเขา  กินเยอะพอๆกับผม ฯลฯ

 

         ต.ย.      我(跑步)跑得跟他一样快。 * 跑步แปลว่า การวิ่ง

                    ( ต.我(跑步)跑得跟他一樣快。)

                    wǒ pǎo bù pǎo de gēn tā yī yàng kuà。

                    ผมวิ่งได้เร็วเท่าๆกับเขา

 

         ต.ย.      我(跑步)跑得差不多跟他一样快。

                    ( ต.我(跑步)跑得差不多跟他一樣快。)

                    wǒ pǎo bù pǎo de chā bù duō gēn tā yī yàng。

                    ผมวิ่งได้ เกือบจะเร็วเท่าๆกับเขา

 

         5. [ ประธาน+การกระทำ(ถ้ามี) + 跟 +  กรรม +差不多]

         แปลเป็นไทยว่า   ประมาณเดียวกัน   ใกล้เคียงกัน  (อาจมากกว่านิดหน่อยหรืออาจน้อยกว่านิดหน่อยก็เป็นไปได้)

         ต.ย.      我(跑步)跑得跟他差不多。

                    ( ต.我(跑步)跑得跟他差不多。)

                    wǒ pǎo bù pǎo de gēn tā chā bù duō。

                    ผมวิ่งได้เร็วประมาณเดียวกับเขานั่นแหล่ะ 

                    (อาจเร็วหรือช้ากว่านิดหน่อย / อาจหมายถึงลักษณะการวิ่งคล้ายกันก็ได้)

 

         ต.ย.      驴子的样子就跟马差不多。

                    ( ต.驢子的樣子就跟馬差不多。 )

                    lǘ zi de yàng zi jiù gēn mǎ chā bù duō。 

                    หน้าตาของลาก็คล้ายๆกับม้านั่นแหล่ะ

 

         ตัวอย่างข้อสอบที่ถามอย่างตรงไปตรงมานั้นมีไม่บ่อยนัก เพราะค่อยข้างง่าย  ส่วนมากการเปรียบเทียบจะปรากฏปะปนกับข้อใดข้อหนึ่งมากกว่า ตัวอย่างที่แสดงไว้ต่อไปนี้คือ ข้อสอบข้อที่ถามอย่างตรงไปตรงมา 

 

9.看样子,他俩差不多,其实李明比张华_______。      (ข้อ9  มีนาคม 2547)

 

         1.五岁大                 2. 大五岁

         3.大得五岁             4. 得大五岁

 

เฉลย ตอบ ข้อ2   เพราะ  โครงสร้างประโยคในการเปรียบเทียบที่ใช้ 比 หลังกรรมตั้งตามด้วยคำคุณศัพท์   [ ประธาน + 比 + กรรม + คำคุณศัพท์ ] จึงควรตอบว่า

         看样子,他俩差不多,其实李明比张华大五岁。

         ( ต.看樣子,他倆差不多,其實李明比張華大五歲。)

         kàn yàng zi tā liǎng chā bù duō , qí shí lǐ míng bǐ zhāng huá dà wǔ suì。

         มองจากหน้าตาแล้ว  เขาทั้งสองพอๆกัน  แต่ความจริงหลี่หมิงอายุมากกว่าจางหวา 5 ปี

 

1.6  ข้อสอบประเภท  ข้อใดเรียงลำดับคำในประโยคได้เหมาะสมที่สุด

         ข้อสอบลักษณะนี้มักจะสร้างความปวดหัวให้กับนักเรียนได้ง่ายๆ  เพราะคำศัพท์ที่ให้มาแม้จะไม่ยาก  แต่นักเรียนไม่สามารถเรียงลำดับได้ถูกต้อง  เพราะนักเรียนหลายคนยึดภาษาพูดหรือไม่ก็ความเคยชินเป็นหลัก  ซึ่งในความเป็นจริงอาจผิดไวยากรณ์ก็ได้   ฉะนั้นผู้ที่ทำข้อสอบลักษณะนี้ได้ดีคือผู้ที่แม่นไวยากรณ์ครับ   ฉะนั้น  ในเนื้อหาส่วนนี้ผมจะอธิบายจากตัวอย่างข้อสอบมากกว่า  เพื่อให้นักเรียนเข้าใจวิธีทำจากการทำโจทย์

 

39.他妈妈在   航空   私营  公司   一家   工作。

                               1         2          3         4                 (ข้อ39  มีนาคม 2547)

 

         1. 4  2  1  3           2. 4  1  2  3

         3. 2  4  1  3           4. 1  4  2  3

 

เฉลย   ตอบข้อ 1      ลำดับ  4  2  1  3     一家私营航空公司 แปลว่า บริษัทสายการบินเอกชนแห่งหนึ่ง  ตามโครงสร้างไวยากรณ์ในการลำดับคำนาม  คือ

[จำนวน + ลักษณะนาม +กริยา+的+ คำนาม]

         *คำศัพท์จากโจทย์      私营 sīyíng เอกชน     航空 hángkōng  สายการบิน / การบิน

 

 

我朋友   推到   咖啡      我面前。            (ข้อ42  มีนาคม 2547)

                    1          2           3         4  

 

      1. 3  2  1  4           2. 3  4  1  2

      3. 1  2  3  4           4. 3  2  1  4

 

เฉลย  ตอบข้อ 4  ลำดับ 3  2  1  4    

把咖啡推到我面前。(เอากาแฟนั่น เลื่อน/ดัน มาอยู่ตรงหน้าผม)

* จำไว้เสมอว่า   把 / 令 / 使 / 让 สี่คำนี้  หากใช้ใน * ประโยคส่งผล (ประโยคที่ประธานส่งผลให้กรรมเป็นผู้กระทำ  เช่น ผมปล่อยให้เขาเดินเล่น)  ข้างหน้าของคำเหล่านี้ต้องเป็นประธาน  และข้างหลังต้องเป็นกรรม  จากนั้นค่อยตามด้วยภาคแสดง เป็นโครงสร้างดังต่อไปนี้

ประธาน +  把/令/使/让 + กรรม +  ภาคแสดง   เช่นข้อ 41 我朋友 + 把 + 咖啡 + 推到我面前。(เพื่อนของผมเอากาแฟนั่น เลื่อน/ดัน  มาอยู่ตรงหน้าผม)

 

49.    1.   他看了一下午球赛。                  (ข้อ49  มีนาคม 2546)

            2.   他一下午看了球赛。

            3.   他看球赛了一下午。

            4.   他看了球赛一下午。

 

เฉลย      ตอบ ข้อ 1 เพราะ คำกิริยาคำว่า 看球赛(ดูการแข่งขันบอล) เกิดจากคำกิริยา看 รวมกับ คำนาม球赛    ฉะนั้นหากมีคำเสริมท้าย  ควรจะเสริมอยู่ท้ายกริยา (สามารถศึกษาได้จากหัวข้อ1.1ในบทนี้)    คำว่า ...了一下午 แปลว่า  ทำบางอย่างไปตลอดทั้งบ้าน   เมื่อนำมาวางอยู่ท้ายกิริยาก็จะกลายเป็นคำตอบดังนี้

 

他看了一下午球赛。

( ต. 他看了一下午球賽。)

tā kàn le yī xià wǔ qiú sài。

เขาดูบอลไปตลอดทั้งบ่าย

 

 

54.  1.   昨天我遇见在路上一个老朋友。                        (ข้อ54  มีนาคม 2546)

          2.   我在路上昨天遇见一个老朋友。 

          3.   在路上我遇见昨天一个老朋友。

          4.   我昨天在路上遇见一个老朋友。

เฉลย  ตอบ ข้อ 4  เพราะ ปกติคำศัพท์ที่ระบุเวลาควรวางอยู่หน้าหรือหลังของประธานเท่านั้น ซึ่งประธานของประโยคตามโจทย์คือคำว่า我   ฉะนั้นข้อ 2 และ 3  จึงผิดไวยากรณ์   ประการต่อมา  หากภายในหนึ่งประโยคมีทั้งการกล่าวถึงสถานที่และกิจกรรมที่ทำในสถานที่แห่งนั้น  ภาษาจีนจะเรียงลำดับจาก  เวลา  ตามด้วย  กิริยา+ชื่อสถานที  แล้วค่อยตามด้วย  กิริยา+กรรม  ข้อ 1 ผิดตรงที่遇见(พบเจอ)  วางอยู่หน้า 在路上(ขณะอยู่ระหว่างทาง)  ฉะนั้นตอบข้อ 4

 

         我昨天在路上遇见一个老朋友。

( ต. 我昨天在路上遇見一個老朋友。)

wǒ zuó tiān zài lù shàng yù jiàn yī gè lǎo péng yǒu

         เมื่อวานผมเจอเพื่อนขณะอยู่ระหว่างทาง  

 

         *สังเกต  ไวยากรณ์ภาษาไทยจะเริ่มจากกิจกรรมแล้วค่อยตามด้วยสถานที่  แต่ไวยากรณ์ภาษาจีนจะเริ่มกล่าวถึงสถานที่ก่อนแล้วค่อยตามด้วยกิจกรรม

 

         ประธาน+   เวลา+(กริยาและกรรมคู่แรกซึ่งเกี่ยวกับสถานที่)+(กิจกรรมของประโยค)

         我  +  昨天    +    在路上          + 遇见一个老朋友。

 

56.  1.   我们八点在公园门口明天上午见面。    (ข้อ56  มีนาคม 2546)

          2.   我们明天上午八点在公园门口见面。

           3.   我们在公园门口明天上午八点见面。

           4.   我们公园门口在八点明天上午见面。

 

เฉลย ตอบ ข้อ 2   ข้อนี้ให้ตัวเลือกมาง่ายมาก  เพราะข้อใดที่เวลาไม่ตามหลังหรือวางหน้าประธาน ข้อนั้นก็ผิดไวยากรณ์อยู่แล้ว  ฉะนั้น ข้อ2  3 และ 4 ผิด  เหลือคำตอบที่ถูกต้องคือข้อ 2

 

我们明天上午八点在公园门口见面。

( ต.我們明天上午八點在公園門口見面。 )

wǒ men míng tiān shàng wǔ bā diǎn zài gōng yuán mén kǒu jiàn miàn。

พวกเรามาเจอกันที่หน้าประตูอุทยานตอนแปดโมงเช้าของวันพรุ่งนี้

 

* สังเกต  ภาษาจีนมักจะมีลำดับคำนามที่ตรงข้ามกับภาษาไทย  เช่น 明天上午八点 ภาษาไทยจะลำดับจาก  เวลา ตามด้วย ช่วงเช้า/ช่วงบ่าย แล้วค่อยตามด้วยวันที่  (แปดโมงเช้าของวันพรุ่งนี้)

 

 

52.    1. 小英出院后,很快把功课都补上了。       (ข้อ52 กันยายน 2546)  

        2. 小英出院后,都很快把功课补了上。

        3. 小英出院后,都很快把功课补上了。

        4. 小英出院后,把功课都补上了很快

 

เฉลย   ตอบ ข้อ 1   ข้อนี้ประโยคย่อยช่วงแรกเหมือนกันทุกตัวเลือก  แต่ช่วงหลังเป็นการวัดความเข้าใจในการลำดับประโยคที่ใช้ 把  ในไวยากรณ์จีนจะเป็นโคลงสร้างนี้

 

                           [ประธาน(ถ้ามี) +把+กรรม + ภาคแสดงของประโยค]

 

        จะเห็นได้ว่ากรรมของประโยคจะปรากฏในภาคประธาน ส่วนคำวิเศษณ์จึงในภาษาจีนต้องวางอยู่ระหว่างภาคประธานกับภาคแสดง    เมื่อเป็นเช่นนี้  คำว่า都ซึ่งแป็นคำวิเศษณ์  จึงต้องอยู่หน้า补上了  เพราะ 很快把功课เป็นภาคประธาน  ประโยคย่อยที่สองจึงกลายเป็นคำตอบดังนี้

 

 

[ประธาน(ถ้ามี) +把+กรรม + ภาคแสดงของประโยค]

                 ...  很快把功课 + 都补上了。

ประโยคย่อยนี้ละ小英ไว้ เพราะประโยคย่อยแรกได้กล่าวไปแล้ว

 

สรุปคำตอบคือ      小英出院后,很快把功课都补上了。

                ( ต.小英出院后,很快把功課都補上了。)

                xiǎo yīng chū yuàn hòu   hěn kuài bǎ gōng kè dōu bǔ shàng le

                         หลังจากที่เสี่ยวอิงออกจากโรงพยาบาล  หล่อนก็กวดการบ้านทั้งหมดจนทันเพื่อน

คำศัพท์เพิ่มเติ่ม    1.出院 ออกจากโรงพยาบาล   

                2.补上了 ปะจนเรียบร้อย / กวดวิชาจนทันเพื่อน

 

71.      1. 许多同学亲切在信中问侯敬爱的张老师。  (ข้อ71 กันยายน 2545)

              2.许多亲切同学在信中问侯敬爱的张老师。

              3.许多同学在信中亲切问候敬爱的张老师。

              4.许多同学在信中问候亲切敬爱的张老师。

 

เฉลย ตอบ ข้อ3  ประการแรกคำว่า亲切(อย่างสนิทสนม)  ใช้ขยายคำว่า问侯(ทักทาย) ฉะนั้นต้องเป็น  亲切问候 แปลว่า ทักทายอย่างสนิทสนม    ข้อใด亲切วางอยู่หลัง问侯 หรือเอาไปขยายอยู่หน้ากริยา/คำนามคำอื่น ๆ   ย่อมผิดไวยากรณ์แน่นอน  ฉะนั้น  ข้อ 1 และ 2 ผิด เพราะขยายผิดตำแหน่ง   ส่วนข้อ4 ผิด เพราะคำขยายต้องวางหน้าคำที่ถูกขยายเสมอ คำตอบที่ถูกต้องคือ

        许多同学在信中亲切问候敬爱的张老师。

        ( ต.許多同學在信中親切問候敬愛的張老師。 )

        xǔ duō tóng xué zài xìn zhōng qīn qiē wèn hòu jìng ài de zhāng lǎo shī。

        เพื่อนนักรเรียนมากมายที่กล่าวทักทายคุณครูจางผู้เป็นที่รักอย่างสนิทสนมในจดหมาย

 

73.      1. 王明养成了从小就饭前饭后洗手的习惯。  (ข้อ72 กันยายน 2545)

              2.王明从小就养成了饭前饭后洗手的习惯。

              3.王明从小就养成了洗手饭前饭后的习惯。

              4.王明就从小养成了饭前饭后洗手的习惯。

 

เฉลย  ตอบ ข้อ 2  เพราะ ประการที่หนึ่ง  ภาคประธานคือ 王明从小( ตั้งแต่เด็กหวังหมิง...)  ส่วนภาคแสดงคือ 养成了...... (บ่มเพาะ/ถูกอบรม จนเกิดเป็นนิสัย ... )  เมื่อเป็นเช่นนั้น  คำวิเศษณ์就  จึงต้องวางอยู่ระหว่างภาคประธานและภาคแสดง  คือ王明从小 + 就 + 养成了......(แต่เล็กจนโตหวังหมิงก็ได้รับการอบรมให้ ......)    ฉะนั้นข้อ 1 และ 4 จึงผิดไวยากรณ์

        ประการต่อมา  คำว่า饭前饭后ก่อนและหลังทานข้าว  คำนี้ใช้ขยายคำว่า 洗手ล้างมือ  รวมเป็นวลีว่า  ล้างมือทั้งก่อนและหลังอาหาร  ภาษาจีนคำขยายต้องวางหน้าคำถูกขยาย ฉะนั้นต้องเป็น饭前饭后洗手 ล้างมือทั้งก่อนและหลังอาหาร  ฉะนั้นข้อ 3 จึงผิด  ส่วนคำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ 2

 

        王明从小就养成了饭前饭后洗手的习惯

        ( ต.王明從小就養成了飯前飯后洗手的習慣。 )

        wáng míng cóng xiǎo jiù yǎng chéng le fàn qián fàn hòu xǐ shǒu de xí guàn。

        แต่เล็กจนโตหวังหมิงก็ได้รับการอบรมให้มีอุปนิสัยล้างมือทั้งก่อนและหลังทานข้าว

 

ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวยากรณ์ 

ในข้อนี้ 王明从小เราอาจมองว่า ย่อมาจาก王明从小时候 (หวังหมิงตั้งแต่ตอนเด็ก... )   从ในที่นี้ทำหน้าที่เป็นคำบุพบท  ของคำว่า王明และ小 ในภาคประธาน   หรืออีกมุมมองหนึ่ง เราจะมองว่า คำว่า从小เป็นคำระบุเวลาก็ได้   ซึ่งคำระบุเวลาจะวางหน้าหรือหลังของประธาน(王明) ก็ได้   ยกตัวอย่างเช่นประโยคนี้จะเขียนเป็น 从小王明就养成了饭前饭后洗手的习惯 ก็ได้เหมือนกัน

 

 

1.7  ข้อสอบประเภท คำตอบข้อใดเรียงลำดับข้อความได้เหมาะสมที่สุด

        ข้อสอบลักษณะนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการวัดทักษะในการแปล  ซึ่งคนที่ทำได้ต้องรู้ความหมายของคำศัพท์และแปลได้ทุกคำเท่านั้น  เป็นเห็นให้นักเรียนหลายคนเกิดอาการขยาด บางคนถึงกับพลิกข้ามไปเลย  โดยที่ไม่ได้เฉลียวใจว่า  แท้จริงแล้วเราสามารถใช้ความรู้ด้านไวยากรณ์ในการทำโจทย์ได้  ไวยากรณ์ส่วนไหนนะหรือ   คือไวยากรณ์เรื่อง คำเชื่อมและรูปประโยค(บทที่ 5 ) และไวยากรณ์เกี่ยวกับคำวิเศษณ์ (บทที่ 3)   ไม่เชื่อลองมาพิสูจน์กัน  แล้วนักเรียนจะพบว่าบางข้ออ่านแค่หัวและท้ายประโยคก็จับหลักได้แล้วว่า ประโยคไหนมาก่อน ประโยคไหนมาทีหลัง

 

        คำตอบข้อใดเรียงลำดับข้อความได้เหมาะสมที่สุด                            (ข้อ48  มีนาคม 2548)

        1. 尤其很难跑得快                        

        2. 这是因为向后跑很难看到方向            

        3. 另外 ,倒著跑比向前跑要多花力气

        4. 倒著跑比向前跑难得多

        5. 要扭著头才能看到

 

        1. 3  5  1  2  4              2. 2  3  4  1  5

        3.4  1  2  5  3           4. 1  4  5  3  2

 

เฉลย  ตอบ ข้อ 3  เรียงลำดับข้อความเป็น 4 1 2 5 3

เทคนิคการวิเคราะห์คือ สังเกตว่า ตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ ขึ้นต้นด้วยหมายเลขประโยคต่างกัน แสดงว่ามีแค่ข้อเดียวที่ขึ้นต้นประโยคแรกได้ถูกต้อง   

        ตัวเลือกข้อ 1 ขึ้นต้นด้วยประโยคหมายเลข 3  另外...(นอกจากนั้นแล้ว...)  หากขึ้นต้นด้วยคำว่า นอกจากนั้นแล้ว...  แสดงว่าก่อนหน้านี้ต้องมีประโยคอื่นอยู่ ฉะนั้นข้อนี้ก็ใช้ขึ้นต้นบทความทั้งหมดไม่ได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นตัดออก

        ตัวเลือกที่ 2  ขึ้นต้นด้วยประโยคหมายเลข2 这是因为... (เป็นเช่นนี้ก็เพราะ...) ประโยคนี้ใช้สรรพนามแทนประธาน  เป็นประโยคขึ้นต้นของบทความไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว  ฉะนั้นตัดออก

        ตัวเลือกที่4  ขึ้นต้นด้วยประโญคหมายเลข 1  尤其 … (โดยเฉพาะ...)  ซึ่งคำนี้เป็นคำเชื่อมระหว่าง ประโยคหน้ากับประโยคหลัง เพื่อเจาะจงเหตุการณ์  เช่น ฉันชอบทานข้าว  โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ   หรือ การวิ่งถอยหลังเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก  โดยเฉพาะ กรณีต้องวิ่งให้เร็ว  ฉะนั้นรูปประโยคแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ขึ้นต้นบทความเช่นกัน  ฉะนั้นจึงตัดออก

        เหลือเพียง ข้อ 3  ข้อสามจึงเป็นคำตอบที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย 

        เห็นไหมครับ  ผมบอกแล้วว่าโจทย์ข้อนี้ไม่ได้วัดความรู้การแปลของนักเรียน  แต่วัดความรู้และทักษะในการในการใช้รูปประโยคและคำเชื่อมต่างหาก  เมื่อเรียงลำดับประโยคเรียบร้อยแล้ว  เราจะได้บทความเนื้อหาดังนี้

        倒著跑比向前跑难得多,尤其很难跑得快,这是因为向后跑很难看到方向,要扭著头才能看到, 另外 ,倒著跑比向前跑要多花力气。

        (ต.倒著跑比向前跑難得多,尤其很難跑得快,這是因為向后跑很難看到方向,要扭著頭才能看到, 另外 ,倒著跑比向前跑要多花力气。)

        dào zhe pǎo bǐ xiàng qián pǎo nán de duō ,  yóu qí hěn nán pǎo de kuài ,  zhè shì yīn wéi xiàng hòu pǎo hěn nán kàn dào fāng xiàng ,  yào niǔ zhe tóu cái néng kàn dào ,  lìng wài  ,  dào zhù pǎo bǐ xiàng qián pǎo yào duō huā lì qì 。

        การวิ่งถอยหลังนั้นยากกว่าการวิ่งไปข้างหน้าเยอะ  โดยเฉพาะกรณีต้องวิ่งให้เร็วนั้นยากมาก   เป็นเช่นนี้ก็เพราะการวิ่งถอยหลังทำให้ยากที่จะมองเห็นทิศทาง   ต้องคอยหันหน้าถึงจะมองเห็น  นอกจากนี้แล้ว  การวิ่งถอยหลังยังต้องใช้เรี่ยวแรงมากกว่าการวิ่งไปข้างหน้าอีกด้วย

             

49.  1. 唐代妇女则以胖为美                                                               (ข้อ48  มีนาคม 2548)

          2. 不同时代有不同的标准

          3. 现代人认为不胖不瘦 、身体健康最美

          4. 汉代妇女以瘦为美

          5. 什么样的形体才算美

     

          1. 5  2  4  3  1              2. 4  1  2  3  5

          3. 5  2  4  1  3              4. 4  1  3  2  5

 

เฉลย  ตอบ ข้อ 3  เรียงลำดับข้อความเป็น  5 2 4 1 3

เทคนิคการวิเคราะห์ตัวลำดับข้อความคือ ในโจทย์ข้อนี้มี การกล่าวถึงยุคสมัย 3 ยุค คือ 唐代(ราชวงศ์ถัง)  现代(ยุคปัจจุบัน)  汉代 (ราชวงศ์ฮั่น)  และประเด็นที่กล่าวถึงคือ 胖(อ้วน)   และ 瘦 (ผอม)   สังเกต

         ประการที่หนึ่ง -ในประโยคหมายเลข 1 กับประโยคหมายเลข 4 เนื้อหากล่าวถึงเรื่องเดียวกัน  แต่ประโยคหมายเลข 1 มีคำว่า  则 (กลับจะ.../กลับกลายเป็นว่า) ซึ่งเป็นรูปประโยคที่ใช้ในกรณีโต้แย้ประโยคหน้า  เช่น ยุคราชวงศ์ฮั่นถือว่าผอมคือสวย  ยุคราชวงศ์ถังกลับจะถือว่าอ้วนคือสวย   เมือเป็นเช่นนี้ ก็พอจะสรุปได้ว่า หมายเลข4 กับ 1 ต้องติดกันโดยที่ หมายเลข 4 ต้องมาก่อน  ฉะนั้นข้อใดไม่ได้เลียงตามลำดับดังกล่าวก็ตัดทิ้งได้เลย 

 

          ประการที่สอง – การเรียงยุคสมัยในบทความที่ถูกต้อง ควรจะเรียงตามกาลเวลา เช่น อดีตเรียงมาหาปัจจุบัน หรือไม่ก็ปัจจุบันย้อนไปหาอดีต ฉะนั้น ทั้งจึงเป็นไปได้สองทางเท่านั้น คือ

 

            4  1  3  汉代  唐代     现代 (เรียงจาก อดีต มาถึง ปัจจุบัน)

หรือ       3  1  4  现代  唐代  汉代 (เรียงจากปัจจุบันย้อนไปหาอดีต)

 

         แต่ตัวเลือกไม่มีข้อใดปรากฏลำดับ 3  1  4   ฉะนั้น  ข้อ 1 และ 2 จึงถูกตัดออก

 

         ประการที่สาม – ตัวเลือกที่5 และ 2 ประโยคใดขึ้นต้นก่อน  ดูใจเนื้อหาแล้ว ข้อ 5 ควรขึ้นต้น เพราะบทความสั้นๆ  บ่อยครั้งที่เริ่มต้นบทความโดยการตั้งข้อสงสัยหรือเปิดประเด็นด้วยคำถาม  อย่างบทความนี้จะกล่าวว่า รูปร่างแบบไหนกันที่ถือว่าสวย?   อันที่จริงยุคสมัยที่ต่างกันก็มีมาตรฐานที่ต่างกันนะ  จากนั้นค่อยตามด้วยเนื้อหาอธิบายว่ายุคไหนแบบไหนถือว่าสวย ใจความของบทความที่เรียงลำดับเรียบร้อยแล้วมีดังนี้ 

 

         ข้อนี้เนื้อหาดูเหมือนง่าย  แต่กว่าจะเรียงประโยคให้ถูกก็ต้องใช้ทักษะความรู้ด้านไวยากรณ์ในการเรียงประโยคไม่น้อย  ใช่ว่าคนที่แปลออกจะเรียงข้อความได้ถูกต้องเสมอไป

         什么样的形体才算美,不同时代有不同的标准,汉代妇女以瘦为美,唐代妇女则以胖为美,现代人认为不胖不瘦 、身体健康最美。

         ( ต.什么樣的形体才算美,不同時代有不同的標准,漢代婦女以瘦為美,唐代婦女則以胖為美,現代人認為不胖不瘦 、身体健康最美。)

         Shén me yàng de xíng tǐ cái suàn měi,   bù tóng shí dài yǒu bù tóng de biāo zhǔn,   hàn dài fù nǚ yǐ shòu wéi měi,   táng dài fù nǚ zé yǐ pàng wéi měi, xiàn dài rén rèn wéi bù pàng bù shòu  、  shēn tǐ jiàn kāng zuì měi 。

         รูปร่างแบบไหนกันแน่ที่ถือว่าสวย?  ยุคสมัยต่างกันย่อมมีมาตรฐานที่ต่างกันด้วย  สตรีสมัยราชวงศ์ฮั่นถือว่าผอมคือสวย  สตรีสมัยยุคราชวงศ์ถังกลับจะถือว่าอ้วนคือสวย  ส่วนคนในยุคปัจจุบันมีความเห็นว่าไม่อ้วนไม่ผอมและมีร่างกายแข็งแรงนั้นสวยที่สุด

       

 

47. 1. 又使我发现了很多新鲜的事               (ข้อ47  มีนาคม 2547)

         2. 其中最难忘的经厉就是坐长途汽车

         3. 它们都给我留下了很深的印象

         4. 在中国旅行既给我很多美丽的回忆

           

         1. 4  1  3  2                 2. 4  3  2  1

         3. 2  1  4  3                 4. 2  3  4  1

 

เฉลย  ตอบข้อ 1    * ข้อนี้จะแสดงวิธีทำโดยใช้ความรู้ไวยากรณ์  ซึ่งตอบข้อนี้ได้โดยที่อ่านเพียงคำว่า    กับ   บวกกับเทคนิคในการพิจารณาว่าข้อใดสามารถใช้เป็นประโยคแรกของบทความได้  ลองอ่านคำอธิบายดังต่อไปนี้ครับ

 

         ประการที่ 1 - ประโยคหมายเลข 2  ขึ้นต้นด้วยคำว่า 其中 (หนึ่งในนั้น)  แสดงว่าประโยคนี้ไม่สามารถใช้เป็นประโยคแรกได้  ฉะนั้นข้อ 3 และ 4 ตัดออก(เหลือ ข้อ 1  และ 2  ให้เลือก)

         ประการที่ 2 -   ประโยคหมายเลข 4  และ 1 เป็นโครงสร้าง  既...,又...。(ทั้ง......และ......)* แสดงว่า ประโยค4 กับ 1 ต้องติดกัน  ฉะนั้น  ตอบ ข้อ 1  เพราะประโยค 4 กับ 1 ต้องติดกัน

         หรือเรายังสามารถตีโจทย์จากความสัมพันธ์ของประโยคหมายเลข 1 2 และ3   เราสังเกตพบว่า สรรพนามคำว่า它们(พวกมัน/สิ่งเหล่านั้น)  กำลังหมายถึง 很多新鲜的事(เรื่องแปลกใหม่มากมาย)  ฉะนั้นแสดงว่าหมายเลข 3 ต้อง ตามหลังหมายเลข 1  ส่วนหมายเลข 2 ต้องตามมาหลังสุดเพราะขึ้นต้นด้วยคำว่า 其中(หนึ่งในนั้น)  เป็นการเจาะจงประเด็นใดประเด็นหนึ่งของ เรื่องราวเหล่านั้น   ลำดับประโยคจึงเป็น หมายเลข  1  3 และ 2

         เนื้อหาของบทความที่เรียงลำดับประโยคอย่างถูกต้องแล้วมีดังนี้

         在中国旅行既给我很多美丽的回忆,又使我发现了很多新鲜的事,它们都给我留下了很深的印象,其中最难忘的经厉就是坐长途汽车。

         ( ต.在中國旅行既給我很多美麗的回憶,又使我發現了很多新鮮的事,它們都給我留下了很深的印象,其中最難忘的經厲就是坐長途汽車。 )

         zài zhōng guó lǚ xíng jì gěi wǒ hěn duō měi lì de huí yì,yòu shǐ wǒ fā xiàn le hěn duō xīn xiān de shì,tā men dōu gěi wǒ liú xià le hěn shēn de yìn xiàng,qí zhōng zuì nán wàng de jīng lì jiù shì zuò cháng tú qì chē。

         การเดินทางในประเทศจีนไม่เพียงแต่มอบความทรงจำดีๆให้ฉันมากมาย  แถมยังทำให้ฉันค้นพบเรื่องราวแปลใหม่มากมาย  สิ่งเหล่านั้นล้วนฝากร่องรอยไว้ในจิตใจของฉัน   หนึ่งในนั้นคือประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนที่สุด นั่นคือการนั่งรถทางไกล

 

         *คำว่า ฝากร่องรอย(อันลึกซึ้ง)ไว้  留下了(很深的)印象  ในภาษาจีนเทียบเป็นสำนวนไทยคือสำนวน  ฝากความประทับใจไว้ / มอบสิ่งดีๆที่น่าจดจำไว้

 

 

59. 1.它想要是走进水里                                                                     (ข้อ59  มีนาคม 2546)

         2.只好又往前走了一步

         3.可是水面很低它够不着 

         4.喝饱了再洗个澡多好

         5.它伸长了鼻子去吸河水

         6.老象来到了河边

 

         1.5  3  1  2  4  6           2.5  3  2  1  4  6

         3.6  5  3  2  1  4           4.6  5  1  2  3  4

 

เฉลย  ตอบ ข้อ 3  ข้อนี้สังเกตได้ว่า ตัวเลือกที่ให้มาจับผิดได้ไม่ยากเลย  เพราะ ประโยคหมายเลข 5 ไม่สามารถใช้ขึ้นต้นบทความนี้อยู่แล้ว  เพราะ เป็นไปไม่ได้ที่บทความจะขึ้นต้นด้วยคำว่า它(มัน)  โดยที่ไม่อธิบายก่อนว่า它(มัน)  ในที่นี้หมายถึงตัวอะไร?  ฉะนั้นตัวเลือกข้อ 1  และ ข้อ 2  ตัดทิ้งได้เลย

         ประการต่อมา  ให้สังเกตประโยคหมายเลข 1 และ 4  มันคือโครงสร้างของรูปประโยค要是......多好 (หาก.......คงจะดีไม่น้อย)   ฉะนั้น  ประโยคหมายเลข 1 และ 4  ต้องติดกันโดยที่ 1 ต้องนำหน้า 4  ฉะนั้นคำตอบจึงชัดเจนมากคือ จากข้อ3 และ 4  ที่ถูกคัดเหลือ  มีเพียงข้อ3 ที่ตรงกับเงื่อนไขของรูปประโยคนี้  

         ลำดับที่ถูกต้องของบทความนี้จึงเป็น   6  5  3  2  1  4  โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

老象来到了河边,它伸长了鼻子去吸河水,可是水面很低它够不着,只好又往前走了一步,它想要是走进水里喝饱了再洗个澡多好。

         ( ต. 老象來到了河邊,它伸長了鼻子去吸河水,可是水面很低它夠不著,只好又往前走了一步,它想要是走進水里喝飽了再洗個澡多好。)

         lǎo xiàng lái dào le hé biān,tā shēn cháng le bí zi qù xī hé shuǐ,kě shì shuǐ miàn hěn dī tā gòu bù zháo,zhī hǎo yòu wǎng qián zǒu le yī bù,tā xiǎng yào shì zǒu jìn shuǐ lǐ hē bǎo le zài xǐ gè zǎo duō hǎo。

         ช้างแก่มาถึงริมแม่น้ำ  มันยืนจมูกยาวออกไปเพื่อดูดน้ำในแม่น้ำ   แต่ผิวน้ำต่ำเกินไปทำให้มันเอื้อมไม่ถึง  มันจึงจำใจเดินหน้าไปอีกหนึ่งก้าว  มันคิดในใจว่า  หากเดินลงน้ำไปแล้วดื่มน้ำให้เต็มอิ่มจากนั้นค่อยอาบน้ำสักรอบคงจะดีไม่น้อย

         *คำศัพท์น่ารู้     够不着 gòu bù zháo  เอื้อมไม่ถึง 

 

 

76. 1. 只要是实践过的                         (ข้อ76  มีนาคม 2545)

         2.就能提供理性知识

         3.不论其正确程度如何

         4.提供智慧,提供思想素材

         5.科学知识是人类社会实践的结晶

 

         1.5  4  3  2  1        2. 5  3  1  2  4

         3.5  2  3  4  1        4. 5  1  2  4  3

 

เฉลย ตอบ ข้อ 2  บทความที่ลำดับประโยคอย่างถูกต้องคือ 5 3 1 2 4    ข้อนี้คำศัพท์ที่ให้มาถือว่ายากทีเดียวเพราะค่อนข้างจะเป็นภาษาเขียนและใช้ศัพท์เฉพาะทางเยอะ  การทำโจทย์โดยการแปลทีละคำศัพท์คงต้องเสียเวลามากทีเดียว  แต่หากใช้วิธีสังเกตุไวยากรณ์ของรูปประโยค ข้อนี้ถือได้ว่าง่ายมาก

 

         ประการที่หนึ่ง – ประโยคหมายเลข 1 และ 3 ต้องติดกันโดยที่ 1 ต้องนำหน้า 2   เพราะมันคือโครงสร้างประโยคแบบแสดงเงื่อนไข  只要...... 就...... (ขอเพียง......  ก็จะ......) เช่น ขอเพียงคุณมีตั๋ว ก็จะเข้าไปดูหนังได้  หรือ ขอเพียงมีเงิน ก็จะซื้อหนังสือได้ ฯลฯ   เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเลือกข้อ 1 และ 3 ก็ตัดทิ้งได้  เพราะไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงสร้างประโยคดังกล่าว   

         ประการที่สอง – สังเกต ประโยคหมายเลข 3  ซึ่งขึ้นต้นด้วยคำว่า不论...(ไม่ว่า...) รูปประโยคที่มีคำว่า不论...มักจะต้องใช้ในการขึ้นต้นมากกว่าปิดท้าย   เช่น ไม่ว่คุณจะรักผมหรือไม่  ผมก็รักคุณอยู่ดี  ฉะนั้นการใช้ประโยคหมายเลข3 เป็นประโยคสุดท้ายจึงเป็นไปไม่ได้  เพราะจะทำให้บทความดูเหมือนยังไม่จบ  ฉะนั้นข้อ 4  จึงถูกตัดทิ้ง  เหลือเพียงข้อ 3 เป็นข้อที่ถูกต้อง

         เนื้อหาของบทความที่เรียงลำดับประโยคอย่างถูกต้องแล้วมีดังนี้

         科学知识是人类社会实践的结晶,不论其正确程度如何,只要是实践过的,就能提供理性知识,提供智慧,提供思想素材。

         ( ต.科學知識是人類社會實踐的結晶,不論其正确程度如何,只要是實踐過的,就能提供理性知識,提供智慧,提供思想素材。)

         Kē xué zhī shí shì rén lèi shè huì shí jiàn de jié jīng,bù lùn qí zhèng què chéng dù rú hé,zhī yào shì shí jiàn guò de,jiù néng tí gòng lǐ xìng zhī shí,tí gòng zhì huì,tí gòng sī xiǎng sù cái。  

         ความรู้วิทยาศาสตร์คือผลึกแห่งความจริงจากสังคมมนุษย์   ไม่ว่าระดับความถูกต้องจะมากน้อยอย่างไร   ขอเพียงเป็นสิ่งที่ผ่านการพิสูจน์จากความเป็นจริงแล้ว  ก็จะสามารถมอบความรู้ที่มีเหตุมีผล   มอบสติปัญญา  และมอบวัตถุดิบแห่งการนึกคิดออกมาได้

 

คำศัพท์ที่น่าสนใจ   结晶jié jīng  ผลึก   /  程度chéng dù ระดับชั้น   

       理性lǐ xìng สมเหตุผล  / 智慧zhì huì สติปัญญา 

                素材sù cái วัตถุดิบ  / 实践shí jiàn ความเป็นจริง / ปฏิบัติจริง 

 

         * ถ้าทำด้วยการจับผิดไวยากรณ์ ข้อสอบประเภทนี้จะใช้เวลาเพียงไม่นานและถุกต้องแม่นยำ บางข้ออาจจะไม่ถึง 15 วินาทีด้วยซ้ำไป  โดยไม่ต้องแปลให้เสียเวลา  ฉะนั้นบางครั้งเราก็ต้องทำโจทย์อย่างมีไหวพริบ  อย่าเสียเวลากับโจทย์โดยไม่จำเป็น   โจทย์บางข้อผู้ออกข้อสอบจงใจออกแบบมาเพื่อทดสอบไหวพริบของนักเรียนอยู่แล้ว วิธีการทำโจทย์ที่แนะนำมาทั้งหมดในบทเรียนนี้ไม่ใช่ “วิธีลัด” หรือ “วิชามาร”   แต่เป็นวิธีการวิเคราะห์โจทย์ด้วยความรู้และทักษะด้านไวยากรณ์ในการลำดับประโยค เพื่อพิชิตข้อสอบประเภทดูคล้ายกับว่าเป็นการทดสอบการแปล แต่แท้จริงแล้วเป็นข้อสอบที่ทดสอบความรู้ไวยากรณ์ แต่แน่นอนที่สุด หากนักเรียนนอกจากจะแม่นไวยากรณ์แล้ว ยังรอบรู้คำศัพท์อีกด้วย ย่อมได้เปรียบกว่านักเรียนที่รู้เพียงคำศัพท์ หรือไม่ก็ รู้เพียงไวยากรณ์เท่านั้น    

 

……………………………