ภาษาอังกฤษ ม. 4 การใช้ Yes/No Question
การถามเพียงเพื่อต้องการคำตอบแค่ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” รูปประโยคคำถามเช่นนี้ในภาษาอังกฤษก็คือ Yes-No Question ซึ่งการสร้างประโยคเช่นนี้มีหลักดังนี้
หลักการถาม-ตอบ คำถาม Yes/No Question
ถามนำขึ้นต้นด้วย Verb to be
ถ้าประโยคนั้นมี Verb to be ให้นำมาวางข้างหน้าได้เลย ดังเช่นรูปประโยคต่อไปนี้
Is
ประโยคบอกเล่า : He is a teacher. (เขาคือคุณครู)
ประโยคคำถาม : Is he a teacher? (เขาคือคุณครูใช่ไหม?)
การตอบ “ใช่” : Yes, he is. (ใช่ เขาเป็น)
การตอบ “ไม่” : No, he isn’t. (ไม่ เขาไม่ได้เป็น)
Are
ประโยคบอกเล่า : You are Japanese.(คุณเป็นคนญี่ปุ่น)
ประโยคคำถาม : Are you Japanese? (คุณเป็นคนญี่ปุ่นใช่ไหม?)
การตอบ “ใช่” : Yes. I’m.(ใช่ ฉันเป็น)
การตอบ “ไม่” : No, I’m not. (ไม่ ฉันไม่ได้เป็น)
Was
ประโยคบอกเล่า : He was a doctor. (เขาเคยเป็นหมอ)
ประโยคคำถาม : Was he a doctor? (เขาเคยเป็นหมอหรือ?)
การตอบ “ใช่” : Yes, he was. (ใช่ เขาเป็น)
การตอบ “ไม่” : No, he wasn’t. (ไม่ เขาไม่ได้เป็น)
Were
ประโยคบอกเล่า : They were at school yesterday. (เมื่อวาน พวกเขาอยู่ที่โรงเรียน)
ประโยคคำถาม : Were they at school yesterday? (เมื่อวาน พวกเขาอยู่ที่โรงเรียนหรือเปล่า?)
การตอบ “ใช่” : Yes, they were. (ใช่ พวกเขาอยู่)
การตอบ “ไม่” : No, they weren’t. (ไม่ เขาไม่ได้อยู่)
ถามขึ้นต้นด้วย Verb to do
ถ้าประโยคที่เราจะถามไม่มี Verb to be ให้นำ Verb to do มาใช้นำหน้าประโยค โดยใช้รูปเอกพจน์หรือพหูพจน์ตามประธาน ดังเช่นรูปประโยคต่อไปนี้
Do
ประโยคบอกเล่า : You know her name. (คุณรู้จักชื่อของเธอ)
ประโยคคำถาม : Do you know her name? (คุณรู้จักชื่อของเธอไหม?)
การตอบ “ใช่” : Yes, I do. (ค่ะ ฉันรู้จัก)
การตอบ “ไม่” : No, I don’t. (ไม่ ฉันไม่รู้จัก)
Does
ประโยคบอกเล่า : She plays the piano. (เธอเล่นเปียโน)
ประโยคคำถาม : Does she play the piano? (เธอเล่นเปียโนไหม?)
การตอบ “ใช่” : Yes, she does. (ค่ะ เธอเล่นเปียโน)
การตอบ “ไม่” : No, she doesn’t. (ไม่ค่ะ เธอไม่ได้เล่นเปียโน)
Did
ประโยคบอกเล่า : You walked to school yesterday. (คุณเดินไปโรงเรียนเมื่อวาน?)
ประโยคคำถาม : Did you walk to school yesterday? (เมื่อวานนี้คุณเดินไปโรงเรียนหรือเปล่า?)
การตอบ “ใช่” : Yes, I did. (ค่ะ ฉันเดินไปโรงเรียน)
การตอบ “ไม่” : No, I didn’t. (ไม่ ฉันไม่ได้เดินไปโรงเรียน)
**ข้อสังเกต เมื่อเราใช้ Do, Does หรือ Did อย่าลืมเปลี่ยนรูปกาลและพหูพจน์/เอกพจน์ตามประธานด้วยค่ะ
ถามขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย
หากประโยคนั้นมีกริยาช่วยตัวอื่น ๆ เช่น Can, Could, Will, Would, Shall, Should ให้เอาคำกริยาเหล่านี้ขึ้นต้นแล้วตามด้วยประโยคคำถาม เช่น
Can
ประโยคบอกเล่า : You can speak Chinese. (คุณพูดภาษาจีนได้)
ประโยคคำถาม : Can you speak Chinese? (คุณพูดภาษาจีนได้ไหม?)
การตอบ “ใช่” : Yes, I can. (ค่ะ ฉันพูดได้)
การตอบ “ไม่” : No, I can’t. (ไม่ค่ะ ฉันพูดไม่ได้)
Will
ประโยคบอกเล่า : You will go with us. (คุณก็จะไปกับพวกเราด้วย)
ประโยคคำถาม : Will you go with us? (คุณจะไปกับพวกเราด้วยไหม?)
การตอบ “ใช่” : Yes, I will. (ค่ะ ฉันจะไปด้วย)
การตอบ “ไม่” : No, I won’t. (ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ไปด้วย)
Could
ประโยคบอกเล่า : You could tell me your name. (คุณจะบอกชื่อของคุณให้ฉันทราบ)
ประโยคคำถาม : Could you tell me your name? (คุณจะบอกชื่อของคุณให้ฉันทราบได้ไหม?)
การตอบ “ใช่” : Yes, I could. (ค่ะ ฉันบอกได้)
การตอบ “ไม่” : No, I couldn’t. (ไม่ค่ะ ฉันบอกไม่ได้)