เราใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิต่างๆ ซึ่งสามารถวัดได้ทั้งในหน่วยองศาเซลเซียส และหน่วยองศาฟาเรนไฮต์ เราจำเป็นต้องรู้วิธีการใช้เทอร์มอมิเตอร์ที่ถูกต้องเพื่อผลการทดลองที่แม่นยำ
การทำงานของเทอร์มอมิเตอร์ใช้หลักการขยายตัวของของเหลวเมื่อได้รับความร้อนและการหดตัวของของเหลวเมื่อคายความร้อน ของเหลวที่ใช้ในเทอร์มอมิเตอร์ ได้แก่ ปรอทหรือแอลกอฮอล์ หน่วยที่ใช้วัดอุณหภูมิที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เช่น องศาเซลเซียส (oC) องศาฟาเรนไฮต์ (oF ) เป็นต้น
วิธีการใช้เทอร์มอมิเตอร์
1. ก่อนใช้ต้องเลือกเทอร์มอมิเตอร์ที่มีช่วงอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดให้เหมาะสมกับสิ่งที่จะนำไปวัด เพราะถ้านำไปวัดอุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้กระปาะแก้วที่บรรจุของเหลวแตก
2. การใช้เทอร์มอมิเตอร์ ต้องให้กระเปาะเทอร์มอมิเตอร์จุ่มอยู่ในของเหลวหรือสัมผัสกับสิ่งที่จะวัดและต้องไม่แตะกับด้านข้างหรือก้นภาชนะ ใช้ที่จับหลอดทดลงจับเทอร์มอมิเตอร์ไว้ให้ตั้งตรงหรืออาจใช้นิ้วจับส่วนปลายของเทอร์มอมิเตอร์เท่านั้น
3. การอ่านอุณหภูมิ ต้องให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับของเหลวในเทอร์มอมิเตอร์
4. เมื่อใช้เทอร์มอมิเตอร์แล้วให้ทำความสะอาด เช็ดให้แห้งและเก็บใส่กล่อง
เทอร์มอมิเตอร์แบบองศาเซลเซียส กำหนดว่า
- อุณหภูมิที่เป็นจุดเยือกแข็งของน้ำบริสุทธิ์เป็น 0 oC
- อุณหภูมิที่เป็นจุดเดือดของน้ำบริสุทธิ์เป็น 100 oC
- ระหว่างจุดเยือกแข็งของน้ำกับจุดเดือดของน้ำแบ่งเป็น 100 ช่อง ช่องละ 1 oC
เทอร์มอมิเตอร์แบบองศาฟาเรนไฮต์ กำหนดว่า
- อุณหภูมิที่เป็นจุดเยือกแข็งของน้ำบริสุทธิ์เป็น 32 oF
- อุณหภูมิที่เป็นจุดเดือดของน้ำบริสุทธิ์เป็น 212 oF
- ระหว่างจุดเยือกแข็งของน้ำกับจุดเดือดของน้ำแบ่งเป็น 180 ช่อง ช่องละ 1 oF
จากรูป แบบองศาเซลเซียสอ่านได้ C องศาเซลเซียส แบบฟาเรนไฮต์อ่านได้ F องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อนำเทอร์มอมิเอตอร์ที่วัดอุณหภูมิเป็น oC กับเทอร์มอมิเตอร์ที่วัดอุณหภูมิเป็น oF ไปวัดอุณหภูมิที่จุดเยือกแข็งของน้ำ ระดับของของเหลวในเทอร์มอมิเตอร์จะอยู่ในระดับเดียวกัน (แต่อ่านค่าเป็นองศาได้ไม่เท่ากัน) หรือถ้านำไปวัดอุณหภูมิที่จุดเดือดของน้ำ ระดับของของเหลวในเทอร์มอมิเตอร์จะอยู่ในระดับเดียวกัน (แต่อ่านค่าองศาได้ไม่เท่ากัน) หรือถ้านำไปวัดอุณหภูมิของสิ่งเดียวกัน ระดับของของเหลวในเทอร์มอมิเตอร์ทั้งสองจะอยู่ในระดับเดียวกัน (แต่อ่านค่าได้ไม่เท่ากัน)
