ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้
นำเรื่อง
โคลงโลกนิติ (โลก-กะ-นิด) เป็นโคลงสุภาษิตสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ถอดความจากคาถาภาษาบาลีสันสกฤต เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ทรงชำระโคลงโลกนิติสำนวนเก่า และทรงพระนิพนธ์บางบทขึ้นใหม่ จากนั้นจึงจารึกลงในแผ่นศิลาประดับทิศพระมณฑป ๔ หลังในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พร้อมทั้งบันทึกในสมุดไทยด้วย
โคลงโลกนิติ เป็นงานนิพนธ์ที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย แต่สำหรับที่นำมาให้ศึกษานี้คัดมาเพียง ๒๕ บท จากจำนวนทั้งสิ้น ๕๙๓ บท โดยมีหมายเลขกำกับไว้ตามลำดับ โดยหมายเลขในวงเล็บเป็นลำดับของโคลงที่ปรากฏในต้นฉบับเดิมของกรมศิลปากร โคลงสองบทแรกเป็นบทนำ บอกจุดประสงค์ในการแต่งว่าเพื่อเป็นคติสอนใจประชาชน
ศัพท์น่ารู้
กฤษณา ส่วนของเนื้อไม้ชนิดหนึ่งมีสีดำ เกิดเมื่อต้นไม้มีบาดแผล กลิ่นหอม ใช้ทำยาได้
ค้อยค้อย คล้อย ๆ
โฉด เขลา โง่ “โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ” ในที่นี้หมายถึง จะเป็นคนโง่หรือ
คนฉลาดนั้นสามารถรู้ได้จากการพูดจา
ดนู ฉัน ข้าพเจ้า
ทั่ง แท่งเหล็กขนาดใหญ่ที่ใช้รองรับในการตีโลหะบางชนิดให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ
“ฝนทั่งเท่าเข็ม” ในที่นี้หมายถึง เพียรพยายามอย่างมากเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้
ทุพล (ทุรพล, ทพพล) อ่อนแอ มีกำลังน้อย
นเรศร์ พระราชา
นาศ พินาศ
ฝน ในที่นี้หมายถึง ลับหรือถูให้มีขนาดเล็กลง
เพริศ งาม ดียิ่ง
ฤๅม้วย ไม่หมด ไม่จาง ไม่สิ้นไป
วาก บาก คือ บากหน้า มุ่งหน้า
วาง วิ่ง
เว้ เบ้ คือ หลีกไป เฉไป
สัตยา ความจริง
สายดิ่ง เครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดความลึกของน้ำ อาจทำด้วยเชือกผูกกับลูกดิ่ง
ใช้หย่อนลงในบ่อหรือในน้ำ
สีหราช พญาราชสีห์
ประวัติผู้แต่ง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร (พระองค์เจ้าชายมั่ง) ประสูติเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๓๖ เป็นพระเจ้าลูกยาเธอลำดับที่ ๑๕ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและเจ้าจอมมารดานิ่ม ด้านตำแหน่งหน้าที่ ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ทรงรับราชการในกรมพระอาลักษณ์และทรงกรมเป็นกรมหมื่นเดชอดิศร ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงเลื่อนเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนอดิศร และทรงกำกับกรมนาอีกตำแหน่งหนึ่ง และในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมสมเด็จพระเดชาดิศร ต่อมารัชกาลที่ ๖ โปรดให้ออกพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ และทรงเป็นต้นราชสกุล เดชาติวงศ์
สาระน่ารู้
ภาพพจน์ เป็นศิลปะทางภาษาที่แยบคายทำให้ผู้อ่านสร้างจินตภาพชัดกว่าการบอกตรง ๆ ในที่นี้จะกล่าวถึงภาพพจน์ที่เป็นโวหารเปรียบเทียบ แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
แนวทางในการพิจารณาวรรณกรรม
เนื้อเรื่อง
โคลงโลกนิติมุ่งให้ข้อคิดคติสอนใจและข้อแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตนของคนในสังคมผ่านแนวคิดที่เป็นธรรมดาของโลก โดยเนื้อหาในโคลงมีความทันสมัย และนำมาใช้ได้ในปัจจุบัน
ศิลปะการประพันธ์
๑. มีศิลปะในการเลือกใช้คำให้กระทบอารมณ์ผู้อ่าน เช่น
“อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า มาถนอม
สูงสุดมือมักตรอม อกไข้
เด็ดแต่ดอกพะยอม ยอมยาก ชมนา
สูงก็สอยด้วยไม้ อาจเอื้อมเอาถึง”
๒. มีการเล่นคำต้นบาท ทำให้ไพเราะและช่วยเน้นความหมายของคำ เช่น
“ผจญคนมักโกรธด้วย ไมตรี
ผจญหมู่ทรชนดี ต่อตั้ง
ผจญคนจิตโลภมี ทรัพย์เผื่อ แผ่นา
ผจญอสัตย์ให้ยั้ง หยุดด้วยสัตยา”
๓. มีการใช้ความเปรียบ
– ใช้อุปมาโวหาร เช่น
“นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี”
– ใช้คำคู่เปรียบที่ตรงข้าม เช่น
“รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง”
- นำธรรมชาติและสิ่งใกล้ตัวมาเป็นความเปรียบ เช่น
“ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน”
ข้อคิด คติคำสอน และความจรรโลงใจ
๑. แสดงให้เห็นธรรมดาของโลก เช่น ไม่มีผู้ใดห้ามการนินทาได้
๒. สอนเรื่องการคบคนว่าการคบคนพาลจะนำผลเสียมาสู่ตัว
๓. สอนเรื่องการปฏิบัติตน เช่น ให้รักษาความสัตย์ยิ่งชีพ
๔. สอนเรื่องการทำความดี เพราะเมื่อตายไปแล้วความดีเท่านั้นที่จะปรากฏไว้ให้คนจดจำ
๕. สอนเรื่องความเพียร และหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ
การนำไปใช้ในชีวิตจริง
แนวคิดในโคลงโลกนิติทุกบทสามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งเมื่อปฏิบัติแล้วจะทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเข้าใจและเป็นสุข
สรุป
โคลงโลกนิติ เป็นโคลงสุภาษิตที่มีสำนวนคมคาย ใช้ภาษาเปรียบเทียบได้สละสลวย แนวคิดสามารถนำมาใช้เป็นข้อคิดคติสอนใจและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างไม่ล้าสมัย
แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th