บทเรียนออนไลน์ วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 64.8K views



ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้






1. การพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
          สภาพปัญหาท้องถิ่นในปัจจุบัน ได้แก่
                    1. ปัญหาด้านเศรษฐกิจ




                    2. ปัญหาด้านสังคม เกิดจากการได้รับผลกระทบจากวัฒนธรรมภายนอกและเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมกับชุมชน




                    3. ปัญหาด้านสุขภาพ เกิดจากความยากจนและขาดความรู้




                    4. ปัญหาด้านภัยธรรมชาติ เป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกชุมชน แต่ละชุมชนจึงควรหาวิธีป้องกัน




                    5. ปัญหาด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน เกิดจากการขาดวินัยและกฎเกณฑ์ในการดำเนินชีวิตของคนไทย
          แนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีขั้นตอนดังนี้




                    ขั้นตอนที่ 1 การสร้างแรงผลักดัน โดยมุ่งหาทางแก้ปัญหาให้แก่ตนเองและชุมชน

                    ขั้นตอนที่ 2 การปรับเปลี่ยน โดยมีการปรับเปลี่ยนตามขั้นตอนกระบวนการพัฒนาชุมชนที่สามารถเชื่อมโยงกับหลักการทรงงานประเด็นต่าง ๆ คือ
                              1. ระเบิดจากข้างใน เป็นการเสริมสร้างชุมชนท้องถิ่นให้มีความพร้อมก่อนที่จะได้รับการพัฒนา
                              2. แก้ปัญหาที่จุดเล็ก
                              3. ทำตามลำดับขั้นตอน จะต้องคำนึงถึงปัจจัยเรื่องระยะเวลาที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เกิดผลอย่างมั่นคงและยั่งยืน
                              4. พออยู่พอกิน

                    ขั้นตอนที่ 3 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับหลักการทรงงานในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
                              1. ขาดทุนคือกำไร ประโยชน์จากการเรียนรู้ทั้งจากแหล่งภายในและนอกชุมชนท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคิดเป็นมูลค่าเงินได้
                              2. ไม่ติดตำรา คือการไม่ยึดติดกับวิชาการและเทคโนโลยี
                              3. การมีส่วนร่วม เกิดจากการจัดเวทีระดมความคิดเห็นของสมาชิกชุมชนท้องถิ่นและจากภายนอก

                    ขั้นตอนที่ 4 การจัดทำแผนชุมชน สามารถเชื่อมโยงกับหลักการทรงงานในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
                              1. ระเบิดจากข้างใน คือเน้นเรื่องการใช้คนและความต้องการที่แท้จริงของคนในชุมชนเป็นศูนย์กลางในการวางแผนการพัฒนา
                              2. มุ่งประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นหลัก
                              3. ศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลถูกต้อง ตรวจสอบได้ และเหมาะกับการจัดทำแผนชุมชน
                              4. การมีส่วนร่วม คือการที่ประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนทุกระดับร่วมกันแสดงความคิดเห็นหรือวิเคราะห์ถึงเหตุผลและความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
                              5. องค์รวม คือการคิดอย่างองค์รวมหรือมองการพัฒนาอย่างครบวงจร

                    ขั้นตอนที่ 5 การประยุกต์ปฏิบัติจริง เชื่อมโยงกับหลักการทรงงานในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
                              1. ภูมิสังคม ควรคำนึงถึงความแตกต่าง
                              2. ทำให้ง่าย
                              3. ตามลำดับขั้น เริ่มจากระดับเล็ก ๆ ไปสู่ระดับใหญ่ ๆ
                              4. ไม่ติดตำรา เพราะการลงมือปฏิบัตินั้นเงื่อนไขอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจึงต้องมีการประยุกต์ใช้อยู่เสมอ
                              5. ทำงานอย่างมีความสุข

                    ขั้นตอนที่ 6 วิถีการพัฒนาที่ยั่งยืน สอดคล้องกับหลักการทรงงานในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
                              1. รู้ รัก สามัคคี
                              2. ประโยชน์ส่วนรวม หากคนในชุนชมนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม ชุมชนก็จะมั่งคง
                              3. ประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด
                              4. ไม่ติดตำรา การพัฒนาที่แท้จริงของแต่ละชุมชนต้องเหมาะกับสภาพแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจในชุมชน

2. ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์
          แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนา ประกอบด้วย
                    1. การพัฒนาศักยภาพคน ทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา และคุณธรรมจริยธรรม




                    2. การพัฒนาแบบองค์รวม เป็นการพัฒนาที่บูรณาการทุกด้านเข้าด้วยกัน




                    3. การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ โดยเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมาเป็นการพัฒนาคนทั้งในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาและผู้ได้รับประโยชน์หรือผลกระทบโดยตรง ส่วนเศรษฐกิจอยู่ในฐานะเป็นเครื่องมือในการพัฒนา




          หลักการสำคัญของระบบสหกรณ์ มี 7 ประการ ได้แก่
                    ประการที่ 1 การเป็นสมาชิกโดยสมัครใจและเปิดกว้าง
                    ประการที่ 2 การควบคุมโดยสมาชิกตามหลักประชาธิปไตย
                    ประการที่ 3 การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสมาชิก
                    ประการที่ 4 การปกครองตนเองและความเป็นอิสระ
                    ประการที่ 5 การศึกษา ฝึกอบรม และสารสนเทศ
                    ประการที่ 6 การร่วมมือระหว่างสหกรณ์
                    ประการที่ 7 การเอื้ออาทรต่อชุมชน

          ประเภทของสหกรณ์ ไทยแบ่งตามกฎของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็น 7 ประเภท ดังนี้
                    1. สหกรณ์การเกษตร เกษตรกรเป็นผู้จัดตั้งและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่อนายทะเบียนสหกรณ์ เพื่อให้สมาชิกดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือกันในการประกอบอาชีพและยกระดับความเป็นอยู่ของสมาชิก
                    2. สหกรณ์ประมง ชาวประมงจัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาในการประกอบอาชีพ
                    3. สหกรณ์นิคม จะดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกิน สร้างปัจจัยพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้อาศัยคู่กับการทำการเกษตร ส่งเสริมอาชีพ และให้บริการสาธารณูปโภคแก่สมาชิก
                    4. สหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นสถาบันการเงินที่ส่งเสริมให้สมาชิก ออมทรัพย์ และบริการเงินกู้ให้สมาชิกที่มีความจำเป็น
                    5. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน สมาชิกของสหกรณ์ต้องสะสมเงินตามความสามารถเสมอตามที่สหกรณ์กำหนด เมื่อสมาชิกมีความจำเป็นก็สามารถกู้ยืมเงินไปใช้และชำระคืนในรูปเงินสะสมของตน
                    6. สหกรณ์ร้านค้า จัดตั้งเพื่อผดุงฐานะทางเศรษฐกิจของสมาชิก
                    7. สหกรณ์บริการ เป็นการรวมตัวกันโดยยึดหลักการประหยัด การช่วยเหลือตนเองและการช่วยเหลือกันเพื่อแก้ไขปัญหา และส่งเสริมอาชีพให้มั่นคง
          สหกรณ์ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้หลักการของสหกรณ์มาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ซึ่งทรงมีพระราชประสงค์ให้นำระบบสหกรณ์ไปใช้ในสถาบันทุกหมู่เหล่าตามแนวทางการแก้ปัญหา 4 ขั้น คือ
                    ขั้นที่ 1 จะให้ความช่วยเหลือด้านทรัพย์สินให้เกษตรกรพอมีกิน มีอยู่
                    ขั้นที่ 2 จัดหาที่ดินที่รกร้างว่างเปล่ามาจัดสรรให้ราษฎร
                    ขั้นที่ 3 ให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่
                    ขั้นที่ 4 ส่งเสริมให้รวมตัวกันจัดตั้งสหกรณ์
          การส่งเสริมสหกรณ์ในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างจากสหกรณ์ในพื้นที่ปกติเพราะมีปัจจัยพื้นฐานต่างกัน การส่งเสริมโครงการดังกล่าวต้องคำนึงถึง 4 ด้านสำคัญ คือ
                    1. ด้านสมาชิกสหกรณ์ ต้องเน้นให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจและเห็นความสำคัญของสหกรณ์ บทบาทหน้าที่ และให้ความสำคัญกับการนำความรู้เรื่องทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติ




                    2. ด้านการจัดการองค์กรสหกรณ์ คณะกรรมการดำเนินการต้องดำเนินงานของสหกรณ์โดยนำเกณฑ์การจัดมาตรฐานสหกรณ์ในพื้นที่โครงการในพระราชดำริหรือโครงการหลวงมาส่งเสริมสหกรณ์
                    3. ด้านธุรกิจสหกรณ์ การสร้างธุรกิจสหกรณ์ให้เข้มแข็งจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองกับระบบการค้าในตลาด




                    4. ด้านสวัสดิการสมาชิกสหกรณ์ หากสมาชิกสหกรณ์เข้มแข็งก็จะช่วยให้เกิดการจัดสรรผลตอบแทนคืนแก่สมาชิกและสังคมในรูปของสวัสดิการ ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

          แนวพระราชดำริที่เป็นแนวทางการส่งเสริมสหกรณ์ในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีดังนี้
                    1. ปฏิบัติตามแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาชนบท เน้นการพัฒนาอย่างน้อย 2 ประการ คือ
                              ประการที่ 1 การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักที่จำเป็นต่อการผลิต
                              ประการที่ 2 การส่งเสริมหรือเสริมสร้างสิ่งที่ขาดแคลนและต้องการในเรื่องความรู้เรื่องการทำมาหากิน การใช้เทคโนโลยี

          แนวพระราชดำริทั้ง 2 ประการ ทรงยึดหลักการพัฒนาโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของพื้นที่และคนเป็นหลัก
                    2. ปฏิบัติตามแนวพระราชดำริในการพัฒนาการเกษตร พระองค์มีพระราชประสงค์ คือ
                              ประการที่ 1 การทำให้เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้
                              ประการที่ 2 มิให้เกษตรกรพึ่งพาอยู่กับพืชเกษตรอย่างเดียว
                              ประการที่ 3 ให้เกษตรกรได้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
                              ประการที่ 4 เน้นให้มีการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ
                              ประการที่ 5 ทำการเกษตรโดยวิธีประหยัด
                              ประการที่ 6 การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
                              ประการที่ 7 พัฒนาการเลี้ยงสัตว์ควบคู่ไปกับการเพาะปลูกในรูปของเกษตรแบบผสมผสาน

          แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์ มีความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดจำแนกได้ดังนี้
                    1. การพึ่งตนเอง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นการเดินทางสายกลางจะป้องกันการเปลี่ยนแปลงความไม่มั่นคงของประเทศ ซึ่งสัมพันธ์กับหลักการที่ว่าด้วยการปกครองตนเองและความเป็นอิสระของสหกรณ์
                    2. การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นให้ใช้หลักการของสหกรณ์มาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร
                    3. การสร้างพลังให้เข้มแข็ง การรวมตัวของเกษตรกรในรูปของสหกรณ์ ช่วยให้เกษตรกรรู้จักช่วยเหลือตนเอง พัฒนาอาชีพ และร่วมมือร่วมใจกัน

          การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน
                    แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจชุมชนเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียง จึงควรพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางต่อไปนี้
                              1. การยึดชุมชนเป็นหลัก โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชาวบ้านเป็นหลัก
                              2. การใช้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก




                              3. การสร้างเครือข่าย โดยจัดทำผังองค์กรเครือข่ายเพื่อให้ภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐาน
                              4. การจัดตลาดนัดชุมชน เพื่อให้มีตลาดขายผลผลิตในราคาที่เป็นธรรม และ ช่วยพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น




                              5. การจัดประชุมประชาชน เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น




                    แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน มี 3 ส่วน ดังนี้
                              ส่วนที่ 1 การสร้างความเชื่อ โดยอาศัยปัจจัยการพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญ 4 ประการ คือ
                                        1. การบริหารจัดการ ให้ความรู้ความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพและมีคุณธรรม
                                        2. การใช้ทุน ควรให้กลุ่มได้รู้จักใช้ทุนจากแหล่งทุนนอกชุมชน
                                        3. การผลิต ควรเน้นการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
                                        4. การตลาด ควรให้ความสำคัญกับตลาดที่เป็นกลไกผลักดันโครงการและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชนให้เคลื่อนไหวและสร้างขีดความสามารถในการระดมปัจจัย เพื่อให้ครอบครัว กลุ่ม องค์กร และชุมชน ได้เป็นเจ้าของธุรกิจและดำเนินการทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง ซึ่งมีเป้าหมาย 3 ระดับ คือ
                                                  ระดับพื้นฐาน คือ การพัฒนาให้ชุมชนพออยู่พอกิน
                                                  ระดับปานกลาง คือ การพัฒนาให้ชุมชนอยู่ดีกินดี
                                                  ระดับก้าวหน้า คือ การพัฒนาให้ชุมชนมั่งมีศรีสุข
                               ส่วนที่ 2 แนวทางการพัฒนา ประกอบด้วยกิจกรรมหลักและกิจกรรมย่อย ดังนี้
                                         1. การพัฒนาการบริหารจัดการ
                                         2. การพัฒนาเงินทุน
                                         3. การพัฒนาการผลิต
                                         4. การพัฒนาตลาด
                               ส่วนที่ 3 การดำเนินงาน
                                         แนวทางการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงกับสหกรณ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ใช้แนวทางการพึ่งตนเอง ซึ่งประกอบด้วย
                                                   1. การพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจ ตามแนวเกษตรอินทรีย์
                                                   2. การพึ่งพาตนเองด้านสังคม ชุมชนต้องพึ่งพาตนเองอย่างเป็นระบบ เช่น มีระบบการจัดการทุนของตนเอง
                                                   3. การพึ่งตนเองด้านทรัพยากรธรรมชาติ เป็นการพึ่งพาตนเองบนพื้นฐานองค์ประกอบคน ความรู้ และทรัพยากร
                                                   4. การพึ่งตนเองด้านเทคโนโลยี เพื่อลดต้นทุนและไม่ทำให้เสียดุลการค้า




                                                   5. การพึ่งพาตนเองด้านจิตใจ โดยยึดหลักธรรมทางศาสนาหรือนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจมาใช้
 


 

แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th