บทเรียนออนไลน์ วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง วัฒนธรรมและภูมิปัญญา
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 139.6K views



ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้

 

 

 วัฒนธรรมและภูมิปัญญา

 

 

วัฒนธรรมและภูมิปัญญา
     วัฒนธรรมไทย
     วัฒนธรรม หมายถึง สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อความเจริญก้าวหน้าจนเป็นเอกลักษณ์ของสังคมนั้น ๆ และถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหลัง แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ วัฒนธรรมทางวัตถุและวัฒนธรรมทางจิตใจ ทั้งนี้ สภาวัฒนธรรมแห่งชาติได้จำแนกวัฒนธรรมไทยออกเป็น 4 ประเภท คือ
     1. คติธรรม มีความเกี่ยวข้องกับจิตใจ ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากหลักธรรมทางศาสนา
     2. เนติธรรม เป็นวัฒนธรรมทางกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ที่เป็นกรอบป้องกันมิให้สมาชิกละเมิดต่อระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม เช่น กฎหมาย และกฎระเบียบของสถาบัน
     3. สหธรรม เป็นวัฒนธรรมเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต เพื่อให้สมาชิกในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณีและมารยาททางสังคม
     4. วัตถุธรรม เป็นวัฒนธรรมเกิดจากการประดิษฐ์ของสมาชิกในสังคม เช่น ที่อยู่อาศัย และเครื่องใช้

วัฒนธรรมไทยมีความสำคัญในด้านต่าง ๆ ดังนี้
     1. ช่วยให้มนุษย์สามารถปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมในสังคม
     2. การศึกษาวัฒนธรรมทำให้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ เจตคติ ความคิดเห็น และความเชื่อ
     3. ทำให้เกิดความเรียบร้อยในสังคม
     4. ช่วยสร้างความเจริญให้แก่สังคมไทย
     5. ช่วยสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแก่สังคมไทย
     6. ช่วยแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชาติ

 

 

 ประชาชนและข้าราชการรอเฝ้ารับเสด็จที่ในหลวงจะเสด็จออกมุขเด็จ

 

 

ภูมิปัญญาไทย
     ภูมิปัญญาไทย หมายถึง ความรู้ ความสามารถ และทักษะในการดำรงชีวิตของคนไทย ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม เหมาะสมกับยุคสมัย และมีเอกลักษณะเป็นของตนเอง

ความสำคัญของภูมิปัญญาไทย ได้แก่
     1. ช่วยสร้างชาติให้เป็นปึกแผ่น
     2. สร้างความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีเกียรติภูมิแก่คนไทย
     3. ช่วยส่งเสริมให้การประยุกต์หลักธรรมคำสอนทางศาสนาใช้กับวิถีชีวิตของคนไทยได้อย่างเหมาะสม
     4. สร้างความสมดุลระหว่างคนในสังคมและธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
     5. ช่วยเปลี่ยนแปลงปรับปรุงวิถีชีวิตของคนไทยให้เหมาะสมตามยุคสมัย

     ภูมิปัญญาไทยแบ่งเป็น 9 ประเภท ได้แก่ ด้านเกษตรกรรม ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ด้านการแพทย์แผนไทย ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านกองทุนและธุรกิจชุมชน ด้านศิลปกรรม ด้านภาษาและวรรณกรรม ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี และด้านโภชนาการ

 

 

 การนวดแผนโบราณ

 

 

น้ำพริกกะปิ ผักสด ไข่เจียว ยำส้ม ต้มยำกุ้ง พะแนงหมู และผัดไทย

 

 

แนวทางในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย ได้แก่
     1. การรักษา สืบทอดวัฒนธรรมของชาติ และความหลากหลายของวัฒนธรรมท้องถิ่นให้อยู่อย่างมั่นคง
     2. สร้างค่านิยม จิตสำนึก ให้ตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
     3. การนำทุนทางวัฒนธรรมของประเทศมาสร้างคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
     4. การบริหารจัดการองค์ความรู้ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม

รัฐธรรมนูญกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้บุคคลอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่น ดังนี้
     1. ทุกคนในท้องถิ่นมีสิทธิใช้ จัดการ บำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ ฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่นได้
     2. ชุมชนและชุมชนท้องถิ่นมีสิทธิดำเนินการอนุรักษ์ภูมิปัญญาและได้รับประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านกลไกการปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรของรัฐ โดยไม่ขัดแย้งกับสิทธิของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม
     3. บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์ปกป้องและสืบสานวัฒนธรรมของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น

การอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย สามารถทำได้ดังนี้
     1. อนุรักษ์ ได้แก่ การปลูกจิตสำนึกให้ตระหนักถึงความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น
     2. การฟื้นฟู ทำได้โดยการเลือกสรรภูมิปัญญาที่สูญหายหรือกำลังจะสูญหายแล้วนำกลับมาทำให้มีคุณค่าและมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต
     3. การพัฒนา ทำได้โดยการพัฒนาภูมิปัญญาไทยให้เหมาะกับยุคสมัย และนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการผลิต การตลาด และการบริหาร
     4. การสืบทอดภูมิปัญญา แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ การถ่ายทอดประสบการณ์ที่สั่งสมกันมาจากพ่อแม่ไปสู่ลูก การเรียนจากตำรา แล้วฝึกปฏิบัติ หรือทำเครื่องมือใช้เอง และการประยุกต์ความรู้จากสังคมอื่นมาใช้กับสังคมของตน โดยอาจจะซื้อ ลอกเลียนแบบ หรือเรียนรู้จากสื่อมวลชน

 

 

พิธีบายศรีสู่ขวัญ

 

 

การศึกษาเล่าเรียน

 

 

     5. การแพร่แลกเปลี่ยน มีการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของชาวบ้าน โดยประกาศเกียรติคุณในลักษณะต่าง ๆ


วัฒนธรรมสากล
     วัฒนธรรมสากล หมายถึง แนวคิด แบบแผน รูปแบบของการประพฤติปฏิบัติที่นานาประเทศให้การยอมรับโดยทั่วไป ส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดทางซีกโลกตะวันตกซึ่งมีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาการ ทำให้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปและกลายเป็นวัฒนธรรมสากลในที่สุด

วัฒนธรรมสากลที่พบเห็นโดยทั่วไป ได้แก่
     1. ด้านการแต่งกาย ผู้หญิงจะสวมเสื้อและกระโปรงเป็นชิ้นเดียวกันหรือหลายชิ้น ส่วนผู้ชายนิยมสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว ผูกเนกไท สวมสูทสากลทับชั้นนอก กางเกงขายาว บางครั้งอาจมีเสื้อกั๊กซึ่งจะเปลี่ยนไปตามความนิยม
     2. ด้านอาหาร ส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดที่มีความสะดวกรวดเร็ว และประเภทขนมปัง ซุปใสหรือซุปข้นต่าง ๆ ปลา สลัดผัก อาหารจานหลักจำพวกเนื้อวัว แกะ ไก่ เป็ด อาหารทะเล ผลไม้ ของหวาน เช่น เค้ก ไอศกรีม กาแฟหรือชา

 

 

น้ำชาและเค้กเป็นอาหารสากลที่นิยมรับประทานมากในปัจจุบัน

 

 

     3. ด้านที่อยู่อาศัย นิยมสร้างบ้านโดยใช้อิฐและปูนซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน
     4. ด้านการรักษาโรค มีการนำวิทยาการทางการแพทย์ จากตะวันตกเข้ามาใช้

 

 

ปัจจุบันมีการนำเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยจากต่างประเทศมาช่วยในการรักษาโรค

 

 

     5. ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ทิศทางของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสหัสวรรษใหม่มี 3 ด้าน คือ ด้านพลังงาน ด้านสุขภาพและอาหาร และด้านการติดต่อสื่อสาร ส่วนเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่มี 4 กลุ่ม คือ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี รวมทั้งเทคโนโลยีวัสดุและเทคโนโลยีอื่น สำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศที่แพร่หลายและมีความจำเป็นในการติดต่อสื่อสาร ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

เราควรเลือกรับวัฒนธรรมสากลและนำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมตามแนวทางต่อไปนี้
     1. การเชื่อและปฏิบัติตามหลักของเหตุผล รู้จักเลือกรับวัฒนธรรมสากลที่เข้ากับสภาพสังคมเดิม
     2. ยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
     3. การทำให้เกิดความสมดุล ควรปรับเทคโนโลยีและวัฒนธรรมใหม่ที่รับเข้ามาให้มีความสมดุล ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งพัฒนาวัฒนธรรมเดิมให้เหมาะสมและสอดคล้องกัน
     4. การเลือกรับวัฒนธรรมต่างชาติที่มีคุณค่า เหมาะสมกับสังคมไทย ควรเรียนรู้วัฒนธรรมจนเข้าใจคุณค่าและประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน เพื่อจะได้เลือกรับและปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสังคมไทย


Keyword  วัฒนธรรม  วัฒนธรรมไทย  คติธรรม  เนติธรรม  สหธรรม  วัตถุธรรม  ภูมิปัญญาไทย  วัฒนธรรมสากล 

 

แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th