บทเรียนออนไลน์ วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง กฎหมาย
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 66.7K views



ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้




1. กฎหมายคุ้มครองเด็ก กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก 3 ระดับ ได้แก่ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด เพื่อทำหน้าที่ในการคุ้มครองเด็ก มีสาระสำคัญดังนี้




          การสงเคราะห์เด็ก เด็กที่ได้รับการสงเคราะห์มีหลายประเภท ได้แก่
                    - เด็กเร่ร่อน คือ เด็กที่ไม่มีผู้ปกครอง หรือมีแต่เลี้ยงดูไม่ได้
                    - เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้
                    - เด็กที่ผู้ปกครองมีพฤติกรรมหรือประกอบอาชีพที่ไม่เหมาะสม
                    - เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ คือ เด็กที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
                    - เด็กพิการ คือ เด็กที่มีความบกพร่อง
                    - เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ ได้แก่ เด็กที่กระทำความผิด หรือเด็กที่ศาล พนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวนเห็นว่าต้องได้รับการสงเคราะห์

          การคุ้มครองเด็ก เด็กที่ได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพมี 3 ลักษณะ ได้แก่
                    - เด็กที่ถูกทารุณกรรม
                    - เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
                    - เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ

          การปฏิบัติต่อเด็ก กฎหมายกำหนดวิธีการปฏิบัติต่อเด็กไว้ 3 ประการ คือ
                    - ต้องให้เด็กได้รับประโยชน์สูงสุด
                    - ต้องให้เด็กได้รับการอุปการะเลี้ยงดู
                    - ต้องไม่ปฏิบัติต่อเด็กโดยมิชอบ




          การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ได้แก่
                    - การให้คำปรึกษาแนะนำ เพื่อให้มีความประพฤติที่เหมาะสม และเกิดความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา
                    - การปฏิบัติตนตามระเบียบ ไม่ปฏิบัติสิ่งที่ไม่เหมาะสม




          ประโยชน์ของการปฏิบัติตนตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก
                    - ประโยชน์ต่อตนเอง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดีและเป็นภัย
                    - ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม หากลูกที่ดี ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนและสังคมก็อบอุ่นด้วย




2. กฎหมายการศึกษา

          สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
                    - การจัดการศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี
                    - หน้าที่ของบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง จะต้องให้บุตรหรือบุคคลในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวน 9 ปี
                    - ผู้มีสิทธิในการจัดการศึกษา สถาบันทางสังคมอื่นมีสิทธิจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
                    - สิทธิประโยชน์ของบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง รัฐบาลจะให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ
                    - สิทธิประโยชน์ของผู้สนับสนุนหรือจัดการศึกษา มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ตามควร

          ระบบการศึกษา มี 3 รูปแบบ คือ
                    การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ ได้แก่
                              - การศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ การศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี
                              - การศึกษาระดับอุดมศึกษา แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา




                    การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่ยืดหยุ่นการกำหนดเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษา เหมาะสมกับความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
                    การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ




          แนวการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษาใด ต้องเน้นความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ ดังนี้
                    - ความรู้เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม
                    - ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร
                    - ความรู้เกี่ยวกับศาสนา การกีฬา ศิลปวัฒนธรรม และการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
                    - ความรู้และทักษะด้านคณิตศาสตร์และด้านภาษา
                    - ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิต

          ประโยชน์ของการปฏิบัติตนตามกฎหมายการศึกษา
                    - ประโยชน์ต่อตนเอง มีจิตสำนึกด้านคุณธรรมและจริยธรรม
                    - ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ประเทศชาติมีบุคลากรในการพัฒนาชาติให้เจริญต่อไป

3. กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
          สิทธิของผู้บริโภค ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความคุ้มครอง 5 ประการ ดังนี้
                    - สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
                    - สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ
                    - สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
                    - สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา
                    - สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย




          การคุ้มครองผู้บริโภค
                     การคุ้มครองผู้บริโภคด้านการโฆษณา ได้แก่
                               - ข้อความที่เป็นเท็จ
                               - ข้อความที่ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญ
                               - ข้อความที่สนับสนุนให้กระทำผิด 
                               - ข้อความที่ทำให้ประชาชนแตกแยก
                               - ข้อความอื่นตามที่กฎหมายกำหนด




          การคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก ฉลากของสินค้าที่ควบคุมจะต้องมีลักษณะดังนี้
                    - ให้ข้อมูลที่เป็นจริง
                    - ต้องระบุชื่อเครื่องหมายการค้า
                    - ต้องระบุ ราคา ปริมาณ วิธีใช้ ข้อแนะนำ ตำเตือน วัน เดือน ปีที่หมดอายุ




          การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา กำหนดให้การประกอบธุรกิจรายใดที่กฎหมายกำหนดให้ทำเป็นหนังสือสัญญาต้องเป็นธรรมต่อลูกค้า
          การคุ้มครองผู้บริโภคโดยประการอื่น คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีสิทธิให้ผู้ประกอบการทำการทดสอบสินค้า
          องค์กรที่ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค มีรายละเอียดดังนี้
                    - คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จัดตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้บริโภค
                    - สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการแก่ผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิจากการใช้สินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ




          ประโยชน์ของการปฏิบัติตนตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
                    - ประโยชน์ต่อตนเอง ได้แก่ ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรม และได้รับการชดเชยความเสียหาย
                    - ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ให้ผู้ประกอบการทราบ เมื่อสินค้าถูกร้องเรียน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ

4. กฎหมายลิขสิทธิ์
          ประเภทของงานลิขสิทธิ์ ได้แก่
                    งานที่มีลิขสิทธิ์ เป็นงานสร้างสรรค์ประเภทต่าง ๆ ได้แก่
                              - งานวรรณกรรม
                              - งานนาฏกรรม
                              - งานศิลปกรรม
                              - งานดนตรีกรรม
                              - งานโสตทัศนวัสดุ
                              - งานภาพยนตร์
                              - งานสิ่งบันทึกเสียง
                              - งานแพร่เสียงและภาพ
                              - งานอื่น ๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ




                   งานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ ได้แก่
                              - ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริง
                              - รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
                              - ระเบียบ ข้อบังคับ
                              - พิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงาน
                              - แปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ

          การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ มีดังนี้
                    - งานที่สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง
                    - งานที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยรับจ้างจากบุคคลอื่น
                    - งานดัดแปลงงานที่มีลิขสิทธิ์
                    - งานที่นำงานที่มีลิขสิทธิ์มารวบรวมหรือประกอบเข้ากัน โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์




          การคุ้มครองลิขสิทธิ์ เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการกระทำการ ดังนี้
                    - ทำซ้ำหรือดัดแปลง
                    - เผยแพร่ต่อสาธารณชน
                    - ให้เช่าต้นฉบับ
                    - ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์
                    - อนุญาตให้ผู้อื่น ทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่

          อายุในการคุ้มครองลิขสิทธิ์
                    - งานทั่วไป ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และจะอยู่ต่อไปอีก 50 ปีนับจากผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย และยังคุ้มครองแยกตามประเภทของผู้สร้างสรรค์
                    - งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ให้ลิขสิทธิ์มีอายุ 50 ปี แต่หากมีโฆษณา ให้ลิขสิทธิ์เวลา 50 ปี ตั้งแต่โฆษณา
                    - งานศิลปประยุกต์ ให้ลิขสิทธิ์มีระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่วันที่โฆษณา
                    - งานที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยการว่าจ้าง ให้ลิขสิทธิ์มีอายุ 50 ปี แต่หากมีโฆษณา ให้ลิขสิทธิ์มีระยะเวลา 50 ปี

          ประโยชน์ของการปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์
                    - ประโยชน์ต่อตนเอง เจ้าของลิขสิทธิ์มีแรงจูงใจในการผลิตหรือสร้างสรรค์ผลงานที่มีประโยชน์ต่อไป
                    - ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ประชาชนได้รับความรู้และความบันเทิงจากผลงานคุณภาพ



แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th