ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้
๑. คำในแม่ ก กา
คำในแม่ ก กา คือ คำที่ไม่มีตัวสะกด
๒. มาตราตัวสะกด
มาตราตัวสะกด คือ เสียงพยัญชนะสุดท้ายของพยางค์หรือคำ แบ่งเป็น ๘ มาตรา ได้แก่
๑. แม่กก คือ คำที่มี ก ข ค ฆ เป็นตัวสะกด ออกเสียงเหมือน ก สะกด
๒. แม่กง คือ คำที่มี ง เป็นตัวสะกด ออกเสียงเหมือน ง สะกด
๓. แม่กด คือ คำที่มี จ ช ซ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ด ต ติ ตุ ตร ถ ท ธ รถ ศ ษ ส เป็นตัวสะกด ออกเสียงเหมือน ด สะกด
๔. แม่กบ คือ คำที่มี บ ป พ ฟ ภ เป็นตัวสะกด ออกเสียงเหมือน บ สะกด
๕. แม่กน คือ คำที่มี ญ ณ น ร ล ฬ เป็นตัวสะกด ออกเสียงเหมือน น สะกด
๖. แม่กม คือ คำที่มี ม มิ เป็นตัวสะกด ออกเสียงเหมือน ม สะกด
๗. แม่เกย คือ คำที่มี ย เป็นตัวสะกด ออกเสียงเหมือน ย สะกด
๘. แม่เกอว คือ คำที่มี ว เป็นตัวสะกด ออกเสียงเหมือน ว สะกด
คำที่มีตัวสะกดตรงตามมาตรา คือ คำที่มีตัวสะกดตรงตามชื่อมาตรา ได้แก่ คำที่มี ก ง ด บ น ม ย ว เป็นตัวสะกด
คำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา คือ คำที่มีตัวสะกดเป็นพยัญชนะตัวอื่นที่ไม่ตรงตามชื่อมาตรา แต่ออกเสียงเหมือนมาตราตัวสะกดนั้น ๆ ซึ่งมีเพียง ๔ มาตรา คือ แม่กก แม่กด แม่กบ และแม่กน
๓. การผันอักษร
อักษร ๓ หมู่ หรือไตรยางศ์ คือ การแยกพยัญชนะตามระดับเสียง แบ่งเป็น ๓ หมู่ คือ
อักษรสูง มี ๑๑ ตัว |
ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห |
อักษรกลาง มี ๙ ตัว |
ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ |
อักษรต่ำ มี ๒๔ ตัว |
ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฑ ฒ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ |
คำเป็น มีลักษณะดังนี้
๑. ประสมด้วยสระเสียงยาวในแม่ ก กา หรือประสมด้วยสระอำ ใอ ไอ เอา
๒. มีตัวสะกดในแม่กง กน กม เกย เกอว
คำตาย มีลักษณะดังนี้
๑. ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่ ก กา
๒. มีตัวสะกดในแม่กก กด กบ
๓.๑ การผันอักษรสูง
คำเป็น ผันได้ ๓ เสียง มีพื้นเสียงเป็นเสียงจัตวา คำตาย ผันได้ ๒ เสียง มีพื้นเสียงเป็นเสียงเอก
๓.๒ การผันอักษรกลาง
คำเป็น ผันได้ ๕ เสียง มีพื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ คำตาย ผันได้ ๔ เสียง มีพื้นเสียงเป็นเสียงเอก
๓.๓ การผันอักษรต่ำ
คำเป็น ผันได้ ๓ เสียง มีพื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ คำตายที่ประสมสระเสียงสั้น ผันได้ ๓ เสียง มีพื้นเสียงเป็นเสียงตรี คำตายที่ประสมสระเสียงยาว ผันได้ ๓ เสียง มีพื้นเสียงเป็นเสียงโท
๔. คำพ้อง
คำพ้อง คือ คำที่มีลักษณะบางอย่างร่วมกัน แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด ได้แก่ คำพ้องรูป คำพ้องเสียง และคำพ้องความหมาย
๔.๑ คำพ้องรูป
คำพ้องรูป คือ คำที่เขียนเหมือนกัน แต่ออกเสียงต่างกัน และมีความหมายต่างกัน เช่น เพลา (เพ-ลา)/เพลา (เพลา)
๔.๒ คำพ้องเสียง
คำพ้องเสียง คือ คำที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนต่างกัน และมีความหมายต่างกัน เช่น โจษ โจท โจทย์ โจทก์
ในภาษาไทยมีบางคำที่เขียนเหมือนกัน อ่านเหมือนกัน แต่ความหมายต่างกัน เราเรียกว่า คำพ้องรูปพ้องเสียง เช่น
คำ |
คำอ่าน |
ความหมาย |
ขัน |
ขัน |
ภาชนะสำหรับตักหรือใส่น้ำ |
ขัน |
ขัน |
ทำให้ตึงหรือแน่นด้วยการหมุน |
๔.๓ คำพ้องความหมาย
คำพ้องความหมาย คือ คำที่มีความหมายเหมือนกัน แต่ออกเสียงและเขียนต่างกัน เรียกอีกอย่างว่าคำไวพจน์ เช่น
คำพ้องความหมาย ความหมาย
ผกา บุปผา มาลี มาลา สุมาลี ดอกไม้
๕. คำที่มี ร ล เป็นพยัญชนะต้น
พยัญชนะต้น ร และ ล เมื่อประสมสระและตัวสะกดที่เหมือนกัน ต้องอ่านออกเสียงต่างกัน เพราะมีความหมายต่างกัน เช่น รัก-ลัก
๖. คำที่มีอักษรควบ
อักษรควบ คือ คำที่มีพยัญชนะต้น ๒ ตัว ประสมกับสระและตัวสะกดเดียวกัน เวลาอ่านจะออกเสียงควบกัน แบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ
๑. อักษรควบแท้ คือ คำที่มีพยัญชนะตัวแรกเป็น ก ข ค ต ป ผ พ และพยัญชนะตัวหลังเป็น ร ล หรือ ว ประสมกับสระและตัวสะกดเดียวกัน เวลาอ่านจะออกเสียงควบกัน เช่น กระพรวน กลั่นแกล้ง แกว่งไกว
๒. อักษรควบไม่แท้ คือ คำที่มีพยัญชนะตัวแรกเป็น จ ซ ท ศ ส และพยัญชนะตัวหลังเป็น ร อ่านออกเสียงได้ ๒ ลักษณะ ได้แก่
๑) อ่านออกเสียงเฉพาะพยัญชนะตัวหน้าตัวเดียว ไม่ออกเสียงตัว ร ได้แก่ คำที่มีพยัญชนะตัวแรกเป็น จ ซ ศ ส และพยัญชนะตัวหลังเป็น ร เช่น จริง เศร้า ไซร้ สร้าง
๒) อ่านออกเสียง ซ ได้แก่ คำที่มีพยัญชนะตัวแรกเป็น ท และพยัญชนะตัวหลังเป็น ร เช่น ทรุดโทรม พุทรา
๗. คำที่มีอักษรนำ
๑. คำที่มี ห นำ คือ คำที่มี ห นำ ง ญ ณ น ม ย ร ล ว ฬ เวลาอ่านจะออกเสียงพยัญชนะตัวหลัง ให้มีเสียงวรรณยุกต์เหมือน ห เช่น เหงา หญ้า หนี หมอน
๒. คำที่มี อ นำ ย ในภาษาไทยมีใช้อยู่ ๔ คำ คือ อย่า อยู่ อย่าง อยาก
๓. คำที่มีอักษรสูงหรืออักษรกลางนำ โดยมีพยัญชนะตัวหลังเป็น ง ณ น ม ย ร ล ว เวลาอ่านจะออกเสียง ๒ พยางค์ พยางค์แรกมีเสียงอะกึ่งเสียง พยางค์หลังอ่านเหมือนคำที่มี ห นำ เช่น กนก ฉงน ปรอท
เกร็ดควรรู้
คำบางคำมีอักษรสูงหรืออักษรกลางนำ แต่พยางค์หลังไม่ออกเสียงเหมือนคำที่มี ห นำ ไม่จัดเป็นอักษรนำ เช่น กวี (กะ-วี) ขมา (ขะ-มา)
๘. คำที่ประวิสรรชนีย์และไม่ประวิสรรชนีย์
คำที่ประวิสรรชนีย์ จะมีรูปสระอะ เวลาอ่านจะออกเสียงอะ เต็มเสียง เช่น มะพร้าว กะปิ กระทะ
คำที่ไม่ประวิสรรชนีย์ จะไม่ปรากฏรูปสระอะ เวลาอ่านจะออกเสียงอะ กึ่งเสียง เช่น ขยัน ฉลอง ชนิด ถนน อร่อย
๙. คำประสม
คำประสม คือ การนำคำตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมาประสมกัน ได้คำที่มีความหมายใหม่หรือมีความหมายแนวเดิม เช่น น้ำ + ใจ = น้ำใจ
๑๐. คำย่อ
คำย่อ คือ คำหรืออักษรที่ใช้แทนคำเต็ม มีเครื่องหมายมหัพภาค (.) กำกับ เวลาอ่านต้องอ่านคำเต็ม
๑๑. เครื่องหมายวรรคตอน
เครื่องหมายวรรคตอน คือ เครื่องหมายที่ใช้กำกับข้อความ เช่น
๑. “ ” เรียกว่า อัญประกาศ ใช้เขียนหน้าและหลังข้อความที่เป็นคำพูด หรือยกมาจากที่อื่น
๒. ( ) เรียกว่า นขลิขิต ใช้เขียนเพื่อขยายความข้อความที่อยู่ด้านหน้า
๓. ” เรียกว่า บุพสัญญา ใช้เขียนแทนข้อความที่ซ้ำกับด้านบน
๔. ! เรียกว่า อัศเจรีย์ ใช้เขียนหลังคำอุทานหรือคำเลียนเสียง
๕. ____ เรียกว่า สัญประกาศ ใช้ขีดเส้นใต้ข้อความที่ต้องการเน้น
๖. . เรียกว่า มหัพภาค ใช้กำกับคำย่อ ตัวเลขหัวข้อ และใช้คั่นระหว่างตัวเลขกับตัวเลข
๗. ฯ เรียกว่า ไปยาลน้อย ใช้เขียนละคำที่รู้จักกันทั่วไป
๘. ฯลฯ เรียกว่า ไปยาลใหญ่ ใช้เขียนหลังข้อความที่แสดงความเป็นประเภทเดียวกัน และมีอีกเป็นจำนวนมาก
๙. ๆ เรียกว่า ไม้ยมก ใช้เขียนหลังคำหรือข้อความที่ต้องการให้อ่านซ้ำ
๑๐. - เรียกว่า ยัติภังค์ ใช้เขียนแยกคำเมื่อมีเนื้อที่จำกัด หรือแยกพยางค์เพื่อบอกคำอ่าน
๑๑. / เรียกว่า ทับ ใช้เขียนระหว่างตัวเลข เพื่อแบ่งจำนวนย่อยออกมาจากจำนวนใหญ่
๑๒. ‘ ’ เรียกว่า อัญประกาศเดี่ยว ใช้เขียนกำกับข้อความที่อยู่ในเครื่องหมายอัญประกาศ
แหล่งสืบค้นข้อมูล นักเรียนสามารถค้นคว้าเรื่อง เครื่องหมายวรรคตอน ได้จากหนังสือ หลักเกณฑ์การใช้เครื่องมายวรรคตอนและเครื่องหมายอื่น ๆ หลักเกณฑ์การเว้นวรรค หลักเกณฑ์การเขียนคำย่อ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน หรือเว็บไซต์ www.royin.go.th |
แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th