ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้
1. การสถาปนาอาณาจักรอยุธยา
แคว้นละโว้และแคว้นสุพรรณภูมิรวมกันเป็นอาณาจักรอยุธยาและมีพระมหากษัตริย์พระองค์แรก คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ตั้งอยู่บริเวณหนองโสน บนเกาะอยุธยา
1.1 ประวัติความเป็นมาของพระเจ้าอู่ทอง
มี 2 แนวคิด คือ
1. พระเจ้าอู่ทองทรงอพยพมาจากเมืองอื่นและสถาปนากรุงศรีอยุธยาภายหลัง
2. พระเจ้าอู่ทองทรงปกครองบริเวณใกล้เคียงกรุงศรีอยุธยามา
1.2 ปัจจัยที่เอื้อต่อการสถาปนากรุงศรีอยุธยา
1. ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่
2. การเป็นศูนย์กลางการคมนาคม
3. ความมั่นคงทางยุทธศาสตร์
4. ช่องว่างทางการเมือง
1.3 ปัจจัยที่เอื้อต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรอยุธยา
1. ลักษณะทางกายภาพ มีแม่น้ำไหลผ่าน 3 สาย
2. ทำเลที่ตั้ง เป็นศูนย์กลางการค้าที่เชื่อมระหว่างตะวันตกและตะวันออก
3. การรับอารยธรรมเดิม
4. พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์
1.4 พระมหากษัตริย์อยุธยา
พระมหากษัตริย์อยุธยามี 33 พระองค์ จากราชวงศ์ต่าง ๆ 5 ราชวงศ์ ดังนี้
ลำดับ |
ราชวงศ์ |
พระนามพระมหากษัตริย์ |
พ.ศ. ที่ครองราชย์ |
1 |
อู่ทอง |
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) |
1893–1912 |
2 |
อู่ทอง |
สมเด็จพระราเมศวร (ครองราชย์ครั้งที่ 1) |
1912–1913 |
3 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพ่องั่ว) |
1913–1931 |
4 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระเจ้าทองลัน |
1931–1931 |
|
อู่ทอง |
สมเด็จพระราเมศวร (ครองราชย์ครั้งที่ 2) |
1931–1938 |
5 |
อู่ทอง |
สมเด็จพระรามราชาธิราช |
1938–1952 |
6 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระนครินทราธิราช |
1952–1967 |
7 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) |
1967–1991 |
8 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ |
1991–2031 |
9 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 |
2031–2034 |
10 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 |
2034–2072 |
11 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (หน่อพุทธางกูร) |
2072–2076 |
12 |
สุพรรณภูมิ |
พระรัษฎาธิราช |
2076–2077 |
13 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระไชยราชาธิราช |
2077–2089 |
14 |
สุพรรณภูมิ |
พระยอดฟ้า หรือพระแก้วฟ้า |
2089–2091 |
15 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ |
2091–2111 |
16 |
สุพรรณภูมิ |
สมเด็จพระมหินทราธิราช |
2111–2112 |
17 |
สุโขทัย |
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช |
2112–2133 |
18 |
สุโขทัย |
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช |
2133–2148 |
19 |
สุโขทัย |
สมเด็จพระเอกาทศรถ |
2148–2153 |
20 |
สุโขทัย |
พระศรีเสาวภาคย์ |
2153–2154 |
21 |
สุโขทัย |
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม |
2154–2171 |
22 |
สุโขทัย |
สมเด็จพระเชษฐาธิราช |
2171–2172 |
23 |
สุโขทัย |
พระอาทิตยวงศ์ |
2172–2172 |
24 |
ปราสาททอง |
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง |
2172–2199 |
25 |
ปราสาททอง |
สมเด็จเจ้าฟ้าไชย |
2199–2199 |
26 |
ปราสาททอง |
สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา |
2199–2199 |
27 |
ปราสาททอง |
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช |
2199–2231 |
28 |
ปราสาททอง |
สมเด็จพระเพทราชา |
2231–2246 |
29 |
บ้านพลูหลวง |
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) |
2246–2251 |
30 |
บ้านพลูหลวง |
สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ |
2251–2275 |
31 |
บ้านพลูหลวง |
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ |
2275–2301 |
ที่มา:วิลาสวงศ์ พงศะบุตร และวุฒิชัย มูลศิลป์, ลำดับพระมหากษัตริย์, ใน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ฉบับเสริมการเรียนรู้ เล่ม 3, พิมพ์ครั้งที่ 3, 2549, หน้า 18–19.
2. การเมืองการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้น (พ.ศ. 1893–1991)
การปกครองในสมัยอยุธยาปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์จึงมีอำนาจสูงสุด และเป็นสถาบันหลักในการปกครอง
การปกครองเริ่มตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) จนถึงสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา)
1. การปกครองส่วนกลาง จัดการปกครองแบบจตุสดมภ์ตามแบบเขมร คือ เวียง วัง คลัง นา
2. การปกครองหัวเมือง เป็นการปกครองที่กระจายอำนาจจากราชธานี แบ่งออกเป็น 4 ระดับ
1) เมืองลูกหลวง ตั้งอยู่รอบราชธานี 4 ทิศ
2) เมืองชั้นใน เป็นเมืองที่ขุนนางปกครอง จะถัดจากเมืองลูกหลวงออกไป
3) เมืองชั้นนอกหรือเมืองพระยามหานคร ปกครองสืบเชื้อสายจากเจ้าเมืองเดิม
4) ประเทศราช เป็นเมืองที่ปกครองตนเอง แต่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการ
3. กฎหมายและการศาล กษัตริย์เป็นผู้ออกกฎหมายอิงกับพระมนูธรรมศาสตร์ที่รับมาจากอินเดีย
3. การเมืองการปกครองสมัยอยุธยาตอนกลาง (พ.ศ. 1991–2231)
ตั้งแต่สมัยพระบรมไตรโลกนาถจนถึงสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
1. การปกครองส่วนกลาง แยกการปกครองออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน
1) ฝ่ายทหาร มีสมุหพระกลาโหมเป็นผู้ดูแล
2) ฝ่ายพลเรือน มีสมุหนายกเป็นผู้ดูแลข้าราชการฝ่ายพลเรือนทั้งในราชธานีและหัวเมือง
3) ฝ่ายจตุสดมภ์ อยู่ภายใต้การดูแลของสมุหนายก ได้รับการปรับปรุงดังนี้
(1) กรมเวียงหรือกรมเมือง เปลี่ยนเป็น นครบาล
(2) กรมวัง เปลี่ยนเป็น ธรรมากรณ์
(3) กรมคลัง เปลี่ยนเป็น โกษาธิบดี
(4) กรมนา เปลี่ยนเป็น เกษตราธิการ
2. การปกครองหัวเมือง
1) เมืองชั้นใน ให้เมืองที่อยู่รอบราชธานีเป็นเมืองชั้นจัตวา
2) เมืองชั้นนอกหรือเมืองพระยามหานคร ให้ผู้สืบเชื้อสายของเมืองนั้น ๆ ปกครอง
3) ประเทศราช ให้เจ้านายพื้นเมืองเดิมปกครอง โดยส่งเครื่องราชบรรณาการ
3. กฎหมาย ยึดกฎหมายที่ใช้ตั้งแต่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 และเพิ่มเติมกฎหมายหลายฉบับ
4. การเมืองการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย (พ.ศ. 2231–2310)
ในสมัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ โดยให้พระคลังหรือโกษาธิบดีดูแลฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนหัวเมืองฝ่ายใต้ ส่วนสมุหนายกดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือเช่นเดิม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นสมัยใด
อยุธยามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองบ่อยครั้ง เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ทางการเมือง มีเป้าหมายในการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง และควบคุมหัวเมืองต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ถ่วงดุลอำนาจไม่ให้เป็นภัยต่อพระมหากษัตริย์ แต่อำนาจโดยส่วนใหญ่ตกอยู่กับกลุ่มขุนนางและเจ้านาย ทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองมาโดยตลอด
5. ความเสื่อมของอาณาจักรอยุธยา
5.1 ปัจจัยที่เป็นสาเหตุแห่งความเสื่อม
1. การแย่งชิงอำนาจของพวกขุนนางและเจ้านาย
2. ความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
3. ความเข้มแข็งของอาณาจักรพม่า
5.2 การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 พ.ศ. 2112
การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าบุเรงนองยกทัพใหญ่มาโจมตีกรุงศรีอยุธยา ขณะนั้นราชธานีกับเมืองพิษณุโลกมีความขัดแย้งกัน
อยุธยาตกเป็นประเทศราชของพม่าถึง 15 ปี พระนเรศวรจึงทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง
5.3 สงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310
ไทยทำสงครามกับพม่าถึง 6 ครั้ง จนพระเจ้ามังระยกกองทัพมาตีอยุธยา 2 ทาง และเริ่มล้อมกรุง ก่อนที่กรุงจะแตก พระยาตาก (สิน) นำกองทัพฝ่าพม่าไปตั้งมั่นที่เมืองจันทบุรีรวบรวมพลและต่อเรือรบ แล้วยกกองทัพเรือมากู้เอกราชหลังจากเสีนกรุง 7 เดือน
คำสำคัญ
เวียง
วัง
คลัง
นา
เมืองลูกหลวง
เมืองชั้นใน
เมืองพระยามหานคร
ประเทศราช
สมุหพระกลาโหม
สมุหนายก
นครบาล
ธรรมากรณ์
โกษาธิบดี
เกษตราธิการ
แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th