พระสังข์ ตอน หนีนางพันธุรัต
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 218.5K views



พระสังข์ ตอนหนีนางพันธุรัต

บทนำ  
บทละครเรื่องสังข์ทอง เดิมเป็นนิทานและนำมาแต่งเป็นบทละคร เพื่อใช้เล่นละครนอกตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหน้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละคร เรื่องสังข์ทองขึ้นใหม่ เพื่อใช้เล่นละครนอกของหลว

พระราชประวัติผู้แต่ง
บทละครเรื่องสังข์ทองตอนพระสังข์หนีนางพันธุรัตเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ซึ่งเป็นราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) และสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี มีพระนามเดิมว่า “ฉิม” ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ณ ตำบลอัมพวา จังหวัดสมุทรสาคร

เมื่อทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาเล่าเรียนกับสมเด็จพระวันรัต (ทองอยู่) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อพระชนม์ได้ 16 พรรษา ได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอิสรสุนทร พระชมมายุ 19 พรรษา พระองค์ทรงผนวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อพระชมมายุได้ 41 พรรษา ได้อุปราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล 2 ปี ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคร พระองค์จึงได้เสด็จเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352

ในรัชสมัยของพระองค์ท่านถือได้ว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ละครรำรุ่งเรืองถึงขีดสุด พระองค์ทรงเป็นกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธ์วรรคดีร้อยกรองไว้หลายเรื่อง และเป็นที่นิยมแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้

ตัวละคร
ท้าวยศวิมล  เจ้าเมืองยศวิมล มีพระมเหสีสององค์ ชื่อนางจันท์เทวีและนางจันทาเทวี
นางจันท์เทวี  มเหสีของท้าวยศวิมล เป็นมารดาของสังข์ทอง
นางจันทาเทวี  มเหสีของท้าวยศวิมล มีนิสัยริษยา
พระสังข์   โอรสของท้าวยศวิมลกับนางจันท์เทวี คลอดออกมาอยู่ในหอยสังข์
ตา ยาย   ชาวป่าที่นางจันท์เทวีพาหอยสังข์มาอาศัยอยู่ด้วย
พญานาค   เจ้าแห่งท้องทะเลได้ช่วยพระสังข์ที่ถูกถ่วงน้ำไว้
นางพันธุรัต นางยักษ์หม้าย ที่พญานาคส่งพระสังข์ให้นางเลี้ยงดู โดยแปลงร่างเป็นหญิงงามเลี้ยงดูพระสังข์ดังลูกแท้ ๆ ของนาง
เจ้าเงาะ พระสังข์ที่สวมรูปเงาะไว้
ท้าวสามล เจ้าเมืองสามล มีมเหสีชื่อนางมณฑาเทวี มีธิดาทั้งหมดเจ็ดองค์
นางมณฑาเทวี มเหสีของท้าวสามล
นางรจนา พระราชธิดาองค์สุดท้ายของท้าวสามลและมเหสีมณฑาเทวี
พระอินทร์ เจ้าแห่งสวรรค์ แปลงกายลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อท้าพนันตีคลีเอาเมืองสามลเพื่อช่วยพระสังข์และนางรจนา

ของวิเศษ

เรื่องย่อ
ท้าวยศวิมลครองเมืองยศวิมล มีพระมเหสีสององค์ชื่อนางจันท์เทวีและนางจันทาเทวี แต่ไม่มีโอรสไว้สืบราชสมบัติ ท้าวยศวิมลและพระมเหสีจึงได้บำเพ็ญศีลเพื่อขอโอรส ต่อมานางจันท์เทวีทรงครรภ์โหรหลวงทำนายว่าจะมีโอรสที่มีบุญญาธิการมาก

เมื่อนางจันท์เทวีคลอดโอรสเป็นหอยสังข์นางจันทาเทวีคิดริษยาจึงสมคบกับโหรหลวงทำนายว่าเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง ท้าวยศวิมลจึงขับไล่นางจันท์เทวีและหอยสังข์ออกจากเมือง

นางไปขออาศัยอยู่กับตายายที่ในป่า นางจันท์เทวีได้รับความลำบาก ต้องตักน้ำตำข้าว เข้าป่าเก็บผักหาฝืนเลี้ยงชีวิต พระสังข์เห็นพระมารดาได้รับความยากลำบาก จึงออกจากหอยสังข์มาหุงข้าวหุงปลาดูแลบ้านช่อง นางจันท์เทวีสงสัยจึงทำทีออกไปเก็บผักหาฟีนแล้วซ่อนตัวอยู่ เมื่อเห็นพระสังข์ออกจาหอยสังข์ นางจันท์เทวีก็แอบกลับเข้าไปในกระท่อมใช้ไม้ทุบหอยสังข์แตก พระสังข์จึงกลับเข้าไปในหอยสังข์ไม่ได้อีกต่อไป

นางจันทาเทวีทราบข่าวว่านางจันท์กับพระสังข์ไปอยู่กับตายายในป่า จึงทูลยุยงท้าวยศวิมลให้เสนาอำมาตย์จับพระสังข์ไปฆ่าด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ไม่สามารถฆ่าพระสังข์ได้

ท้าวยศวิมลจึงให้นำพระสังข์ไปถ่วงน้ำที่ท้องทะเล พญานาคที่อยู่ใต้ท้องทะเลได้ช่วยพระสังข์ไว้ และส่งพระสังข์ไปอยู่กับนางพันธุรัตซึ่งเป็นยักษ์ พระสังข์อยู่กับนางพันธุรัตซึ่งแปลงกายเป็นมนุษย์จนอายุได้ 15 ปี วันหนึ่งพระสังข์ลอบไปที่ครัวไฟ พบซากมนุษย์ซากสัตว์และโครงกระดูกมากมาย จึงรู้ว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ พระสังข์ไปพบบ่อเงิน บ่อทอง ลองจุ่มนิ้วลงไปจึงรู้ว่าชุปตัวได้จากนั้นก็พบรูปเงาะ เกือกแก้ว และไม้เท้า จึงลองสวมรูปเงาะ สวมเกือกแก้ว และถือไม้เท้า ปรากฎว่าสามารถเหาะได้ พระสังข์ถอดรูปเงาะเก็บไว้ตามเดิม และคิดจะหนีนางพันธุรัตเพื่อสืบหานางจันท์เทวีต่อไป

ต่อไปนี้เป็นบทละครเรื่อง สังข์ทอง ตอนพระสังข์หนีนางพันธุรัต

   

นางพันธุรัตได้ออกไปในป่า จับวัวควายกินเป็นอาหารอยู่จนเย็นและพักผ่อนนอนหลับอยู่กลางป่า

   

ส่วนพี่เลี้ยงนางนม ตื่นนอนขึ้นมาไม่เห็นพระสังข์ ต่างตกใจเที่ยวตามหาพระสังข์ยังที่ต่าง ๆ แต่ก็ไม่พบ นางพันธุรัตเที่ยวเล่นในป่าเป็นเวลาหลายวันก็ได้เดินทางกลับเข้ามาในเมือง นางรีบตรงไปยังปราสาทของพระสังข์ รู้ว่าพระสังข์ได้ชุบตัวในบ่อทอง และลักรูปเงาะพร้อมไม้เท้าและเกือกแก้วหนีออกจากเมือง จึงตีกลองสัญญาณเรียกยักษ์และภูตผีทั้งหลายให้มาชุมชุมกัน

ฝ่ายพวกยักษ์และภูตผีทั้งหลายได้ยินเสียงกลองต่างก็มาเฝ้านางพันธุรัต นางพันธุรัตจึงเตรียมพลโยธาออกติดตามพระสังข์มาจนพบพระสังข์บนยอดเขา พระสังข์เกรงว่านางพันธุรัตจะติดตามขึ้นมาบนยอดเขา จึงอธิษฐานอย่าให้นางพันธุรัตขึ้นบนยอดเขาได้เพื่อจะได้ติดตามหาพระมารดาของตน

  

  
   
   

พระสังข์สวมรูปเงาะเหาะมาถึงเมืองสามล มาอาศัยอยู่ที่ชายทุ่ม มีพวกเด็กเลี้ยงควายเป็นเพื่อนเล่น ท้าวสามลมีพระมเหสีชื่อ นางมณฑาเทวี มีพระธิดาเจ็ดองค์แต่หามีพระโอรสไม่ ท้าวสามลจึงให้พระธิดาทั้งเจ็ดองค์เลือกคู่ครองพระธิดาผู้พี่เลือกคู่ครองเป็นผู้มีรูปร่างงดงาม แต่นางรจนาพระธิดาองค์สุดท้องเลือกได้เจ้าเงาะ ท้าวสามลโกรธจึงไล่นางรจนากับเจ้าเงาะไปอยู่ที่กระท่อมปลายนา ทั้งสองคนได้รับความลำบากมาก

ฝ่ายพระอินทร์เห็นว่านางรจนากับเจ้าเงาะเป็นคนดี ได้รับความลำบาก จึงแปลงกายลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ยกทัพมาท้าพนันตีคลีเอาบ้านเอาเมืองเพื่อช่วยเจ้าเงาะกับนางรจนาหกเขยออกตีคลีแพ้ ท้าวสามลอ้อนวอนให้เจ้าเงาะช่วย เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์ ตีคลีชนะพระอินทร์ ทำให้เมืองสามลไม่ถูกพระอินทร์ริบ ท้าวสามลจึงได้พระสังข์ครองเมืองสามล

พระอินทร์เห็นว่านางจันท์เทวีได้รับความลำบาก หวังที่จะช่วยเหลือคนดี จึงสั่งให้ท้าวยศวิมลออกติดตามหานางจันท์ทวีและพระสังข์ ท้าวยศวิมลจึงให้เสนาอำมาตย์สืบหานางจันท์เทวีจนพบและพระองค์ออกไปรับนางกลับคืนพระนคร ท้าวยศวิมลและนางจันท์เทวีได้ปลอมตนเป็นชาวบ้านเดินทางไปยังเมือสามล นางจันท์เทวีได้เข้าไปอยู่กับคนทำอาหารในวัง นางสลักชิ้นฟักเป็นเรื่องราวของพระสังข์ เมื่อพระสังข์จะเสวยชิ้นฟักได้สังเกตเห็นเรื่องราวของตนก็ทราบว่าพระมารดาเป็นคนครัว จึงออกไปรับพระมารดาเข้าวัง และให้เสนาอำมาตย์ไปรับพระบิดาเข้าวังด้วยพระสังข์ พระบิดาและพระมารดาได้ลาท้าวสามลและนางมณฑาเทวีเดินทางกลับเมืองของตนพร้อมด้วยรจนา

อ่านคำยาก

ตัวละคร
    ท้าวยศวิมล  อ่านว่า  ท้าว-ยด-สะ-วิ-มน
    ท้าวสามล  อ่านว่า  ท้าว-สา-มน
    นางพันธุรัต  อ่านว่า  นาง-พัน-ทุ-รัด
    ยุรยาตร   อ่านว่า  ยุ-ระ-ยาด
    อรทัย   อ่านว่า  ออ-ระ-ไท
    มรณา   อ่านว่า  มอ-ระ-นา
    บทศรี   อ่านว่า  บด-ทะ-สี
    ระเห็จ   อ่านว่า  ระ-เห็ด
    ทินกร   อ่านว่า  ทิน-นะ-กอน
    บรรพต   อ่านว่า  บัน-พด
    สัตยา   อ่านว่า  สัด-ตะ-ยา
    จาบัลย์   อ่านว่า  จา-บัน
    มัจฉา   อ่านว่า  มัด-ฉา
    ไพรสนฑ์  อ่านว่า  ไพร-สน
    กำสรด   อ่านว่า  กำ-สด
    พสุธา   อ่านว่า  พะ-สุ-ทา
    รัศมี   อ่านว่า  รัด-สะ-หมี
    พระเมรุ   อ่านว่า  พระ-เมน
    สาธยาย   อ่านว่า  สา-ทะ-ยาย
    โอรสา   อ่านว่า  โอ-ระ-สา

อ่านคำที่มีตัวสะกดในมาตรา แม่กด
คำที่สะกดด้วย  จ  ฏ  ต  ตร  ท  ธ  ศ  ษ  ส  เป็นคำในมาตราแม่กด  อ่านออกเสียงเหมือน ด สะกด
ปรากฏ   สุจริต  ยุรยาตร  พันธุรัต  เพ่งพิศ  ไข้พิษ
พิศวาส  บทศรี  ระเห็จ  กลอยสวาท พินิจ  สัตยา
พิโรธ  มัจฉาชาติ มธุรส  อธิษฐาน  วาสนา  วิเศษ

อ่านคำที่มีตัวสะกดในมาตรา แม่กน
คำที่มี  ญ  ณ  ร รุ  ล  เป็นตัวสะกด อ่านออกเสียง น สะกด เป็นคำในมาตราแม่กน
อารัญ  อนาทร  ห้าวหาญ  ทินกร  เทวัญ
แสนเข็ญ  พระเมรุ  ชลเนตร  อาสัญ  เมืองมาร

อ่านคำที่มี รร (ร หัน)
รร (ร หัน) อ่านออกเสียง อัน ถ้ามีตัวสะกดอ่านออกเสียงพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดด้วย
บรรทม  บรรพต  บรรเทา  บรรลัย  ธรรมชาติ อรรถ  ทรงครรภ์

อ่านคำที่มี ไม้ทัณฑฆาต
ไม้ทัณฑฆาต หรือตัวการันต์ วางอยู่บนพยัญชนะหรือพยัญชนะที่มีสระที่ไม่ต้องการออกเสียง เรียกว่า ตัวการันต์
หอยสังข์  นางยักษ์  ป้องพักตร์ ทุกข์ทน  ศักดิ์สิทธิ์
พิทักษ์  อาวรณ์  แต่เยาว์  จาบัลย์  อำมาตย์
ทรงสวัสดิ์ พระอินทร์

อ่านคำพ้องเสียง
คำพ้องเสียง เป็นคำที่เขียนต่างกัน แต่อ่านออกเสียงเหมือนกัน มีความหมายต่างกัน
เพ่งพิศ  ไข้พิษ  เมืองมาร  ท้องมาร
ทุกวัน  คลายทุกข์ พบพาน  คนพาล
แสนเข็ญ  เข็นรถ  อ่านมนตร์ นางมณฑา
ซบพักตร์  พักผ่อน  ภพไตร  ไปพบ

ทุกวันแม่คลายทุกข์ได้เพราะแม่เห็นหน้าฉัน ฉันอธิษฐานไม่ขอพบพานคนพาลสันดานหยาบ

อ่านออกเสียง อะ
คำที่ออกเสียง อะ มีทั้งคำที่มีสระ อะ ประสมและคำที่ไม่มีสระ อะประสม
คำที่มีสระ อะ ประสมออกเสียง อะ
บทละคร  นวลละออง ฉะนี้  ทะยาน  สมประดี
ตะเกียกตะกาย ตะแคง  กระแทก  พะวง  ตะวัน
ตะลีตะลาน ตระเตรียม ตระบอง  ละล้าละลัง

คำที่ไม่มีสระ อะ ประสม แต่ออกเสียง อะ
พนัน  ชนะ  พระนคร  สุจริต  พนาวัน
พนาลี  โอรสา  ภาวนา  สวาท  สัตยา
พสุธา  ชลเนตร  นัยนา

คำที่ออกเสียง  ออ
อรทัย  มรณา  จรลี