บทนำ
นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีที่นำมาให้เรียนนี้เป็นตอนที่ 19 กล่าวถึงเรื่องราวตอนที่พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณผู้เป็นเรื่องกับสินสมุทรผู้เป็นบุตร บทกลอนเรื่องพระอภัยมณีนี้ มีผู้นิยมอ่านกันมาก เพราะเนื้อเรื่องสนุกสนานแปลกไปจากเรื่องอื่น ๆ ที่นิยมแต่งกันสมัยนั้น สมัยที่สุนทรภู่แต่งหนังสือ คนนิยมเรื่องที่มีการรบและใช้ตัวละครเป็นกษัตริย์ นักเรียนน่าจะอ่านพระอภัยมณีตอนอื่น ๆ ด้วย จะได้พบว่าสนุทรภู่มีความคิดล้ำยุค ซึ่งภายหลังนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าประดิษฐ์เป็นของจริงขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง และจะได้เห็นจินตนาการของกวีเอกของไทยท่านนี้
นิทานคำกลอนเรื่องนี้ ตัวเอกของเรื่องแทนที่จะเป็นนักรบอย่างที่นิยมกันโดยมากในเรื่องที่แต่งสมั้ยนั้น กลับเป็นศิลปินนักดนตรี เนื้อเรื่องตื่นเต้น ชวนให้อ่านต่อ ตัวละครไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ นางเงือก หรือผีเสื้อสมุทร ล้วนมีชีวิตจิตใจทำนองเดียวกับคนที่เราพบเห็น นอกจากนี้ยังมีสุภาษิตอันเป็นคติสอนใจติดปากคนทั่วไป เช่น
“มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา”
“แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน”
“รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”
นักเรียนจะสังเกตว่าลักษณะกลอนของสุนทรภู่ที่เด่นเป็นพิเศษก็คือ สัมผัสในทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษรทำให้อ่านได้รื่นหู ตัวอย่าง
พระร่ำพลางต่างองค์ทรงกันแสง โอ้เสียแรงเกิดมานิจจาเอ๋ย
ไม่เคยยากกรากกรำต้องจำเลย เมื่อไรเลยจะพร้อมวงศ์พงศ์ประยูร
ที่ขีดเส้นใต้ให้เห็นสัมผัสสระ ลักษณะสัมผัสในเช่นนี้ปรากฎอยู่ทั่วไปในกลอนของสุนทรภู่ แม้เรื่องจะยาวสักปานใดก็ไม่ขาดซึ่งหาได้ยากในกลอนของผู้อื่น สุนทรภู่จึงได้รับการยกย่องว่ามีความสามารถเป็นเอกในการเขียนกลอนแปดหรือกลอนสด
เนื้อหา
ประวัติสุนทรภู่
เกิด 26 มิถุนายน 2329 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 1
การศึกษา ในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม)
ครอบครัว แต่งงานกับหญิงสาวชาววัง ชื่อนางจันทร์ มีลูกด้วยกันชื่อพัด ต่อมาเลิกกัน มีภรรยาใหม่ชื่อนิ่ม มีลูกชื่อดาบ
หน้าที่การงานเข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ ในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นที่โปรดปรานจนได้รับแต่งตั้งเป็นว่าที่ขุนสุนทรโวหาร ถูกถอนยศในรัชกาลที่ 3 เพราะถูกกล่าวหาว่าด้วยเรื่องเสพสุราและอื่น ๆ จึงออกบวช เมื่อลาสิขาบทแล้วถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ได้รับการอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร ในรัชกาลที่ 4
ผลงานด้านวรรณกรรม นิราศ 9 เรื่อง , นิทาน 5 เรื่อง , สุภาษิต 3 เรื่อง , บทละคร 1 เรื่อง , บทเสภา 2 เรื่อง , บทเห่กล่อม 4 เรื่อง , ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 70 ปี
ลักษณะคำประพันธ์ประเภทกลอนสุภาพ
ลักษณะคำประพันธ์
กลอนสุภาพ (กลอนแปด) บทหนึ่งมี 2 คำกลอน หรือ 2 บาท
บาทที่ 1 เรียกว่า บาทเอก มี 2 วรรค คือ วรรคสดับ และวรรครับ
บาทที่ 2 เรียกว่า บาทโท มี 2 วรรค คือ วรรครอง และวรรคส่ง ในวรรคหนึ่งจะมีคำตั้งแต่ 7-8 พยางค์
สัมผัส
สัมผัสนอก
พยางค์สุดท้ายของวรรคที่หนึ่ง (วรรคสดับ) สัมผัสกับพยางค์ที่สามหรือห้าของวรรคที่สอง (วรรครับ)
พยางค์สุดท้ายของวรรคที่สองสัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคที่สาม (วรรครอง)
พยางค์สุดท้ายของวรรคที่สามสัมผัสที่สามหรือห้าของวรรคที่สี่ (วรรคส่ง)
พยางค์สุดท้ายของวรรคที่สี่สัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคที่สองในบทต่อไป
สัมผัสใน
เป็นสัมผัสที่อยู่ในวรรคมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร เพื่อให้ไพเราะยิ่งขึ้น
การอ่านนทำนองเสนาะ การแบ่งวรรคตอนอ่าน 3/2/3
บทที่ 1
สงสารสุดอุศเรศเมื่อรู้สึก ทรวงสะทึกแทบจะแยกแตกสลาย
พอเห็นองค์พระอภัยยิ่งให้อาย จะใคร่ตายเสียให้พ้นก็จนใจ
คลำพระแสงแผงองค์ที่รงเหน็บ เขาก็เก็บเสียเมื่อพบสลบไหล
ให้อัดอั้นดันดึงตะลึงตะไล พระอภัยพิศดูก็รู้ที
จึงสุนทรอ่อนหวานชาญฉลาด เราเหมือนญาติกันดอกน้องอย่าหมองศรี
เมื่อแรกเริ่มเดิมก็ได้เป็นไมตรี เจ้ากับพี่เล่าก็รักกันหนักครัน
มาขัดข้องหมองหมางเพราะนางหนึ่ง จนได้ถึงรบสู้เป็นคู่ขัน
อันวิสัยในพิภพแม้นรบกัน ก็หมายมั่นจะใคร่ได้ชัยชนะ
ซึ่งครั้งนี้พี่พาเจ้ามาไว้ หวังจะได้สนทนาวิสาสะ
ให้น้องหายคลายเคืองเรื่องธุระ แล้วก็จะรักกันจนวันตาย
ทั้งกำปั่นบรรดาโยธาทัพ จะคืนกลับให้ไปเหมือนใจหมาย
ทั้งสองข้างอยู่ตามความสบาย เชิญภิปรายโปรดตรัสสัตย์สัญญาฯ
บทที่ 2
วิเวกหวีดกรีดเสียงสำเนียงสนั่น คนขยันยืนขึงตะลึงหลง
ให้หวีววาบซาบทรวงต่างง่วงงง ลืมณรงค์รบสู้เงี่ยหูฟัง
พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ว่าเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย
ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำพิไรรัญจวนหวยละห้อย
โอ้ยามดึกดาวเคลื่อน เดือนก็คล้อย น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร
หนาวอารมณ์ลืมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร
แสนสงสารบ้านเรือเพื่อนที่นอน จะอาวรณ์อ้างว่างอยู่วังเวง
นิทานคำกลอน
พระอภัยมณี และศรีสุวรรณ เป็นโอรสของท้าวสุทัศน์ พระราชาแห่งกรุงรัตนา ทั้งสององค์ได้ไปศึกษาวิชาตามเยี่ยงอย่างโอรสกษัตริย์ ณ สำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอภัยมณีเรียนวิชาเป่าปี่และศรีสุวรรณเรียนวิชากระบี่กระบอง เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วก็กลับไปบ้านเมือง แต่ท้าวสุทัศน์ไม่พอพระทัยในวิชาที่โอรสไปศึกษามา จึงทรงขับไล่ให้ออกไปเสียจากกรุงรัตนา
ระหว่างการเดินทาง พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณพบพรมหมณ์หนุ่มสามคน แต่ละคนมีวิชาความสามารถต่าง ๆ กัน พราหมณ์ชื่อรา รู้วิชาสผูกสำเภายนตร์ แล่นไปได้ทุกแห่ง คนที่ชื่อ สนนน รู้วิชาเรียกลมเรียกฝนได้ คนที่ชื่อ วิเชียร รู้วิชารบและเก่งทางยิงธนู สามารถยิงธนูได้คราวละ 7 ดอก พระอภัยมณีและศรีสุวรรณได้สนทนากับพราหมณ์ทั้งสามถูกอัธยาศัย จึงตกลงเป็นมิตรกันพราหมณ์ สามคนนั้นสงสัยวว่าวิชาปี่พระอภัยมณีดีอย่างไร จึงขอร้องให้พระอภัยเป่าปี่ให้ฟัง พระอภัยก็เป่าปี่ทำนองเพลงรัก ทำให้ศรีสุวรรณและพราหมณ์ทั้งสามคนเคลิ้มหลับไป
เผอิญตำบลที่นั่งพักนั้น อยู่ใกล้ถิ่นที่มีนางผีเสื้อสมุทรอาศัยอยู่ ขณะนั้นนางผีเสื้อออกจากถ้ำไปหากิน พอได้ฟังเสียงปี่ ทั้งแลเห้นรูปร่างพระอภัยมณีงดงาม นางผีเสื้อเกิดความรักขึ้น จึงโดดเข้าอุ้มพาไปยังถ้ำที่อาศัย
พระอภัยมณีต้องตกไปเป็นสามีนางผีเสื้อ จนเกิดบุตรชื่อสินสมุทร ฝ่ายศรีสุวรรณกับพราหมณ์เมื่อตื่นขึ้นไม่เห็นพระอภัยมณี ก็ออกเที่ยวตามหาจนศรีสุวรรณหลงเข้าไปยังเมือรมจักร ได้แสดงความสามารถจนพระราชาผู้ครองนครโปรดปราน จัดการให้อภิเษกกับพระธิดาชื่อเกศรา ศรีสุวรรณกับชายามีธิดาชื่อ อรุณรัศมี
ฝ่ายพระอภัยมณีกับสินสมุทร พยายามหาช่องทางหนีนางผีเสื้อสำเร็จ โดยอาศัยเงือกน้ำ พ่อแม่กับลูกสาว ผลัดกันพาว่ายข้ามมหาสมุทรมาจนพบเพาะหนึ่งชื่อ เกาะแก้วพิสดาร ระหว่างทางนางผีเสื้อตามมาทันก็ฆ่าเงือกพ่อแม่กินเสีย เงือกลูกสาวจึงพาพระอภัยมณีกับสินสมุทรไปถึงเกาะได้ แล้วพระอภัยมณีกับสินสมุทรไปขออาศัยพระฤาษีอยู่ นางผีเสื้อตามมาทัน แต่ขึ้นไปบนเกาะไม่ได้ เพราะฤาษีใช้เวทมนต์บังคับให้กลัว นางก็ซุ่มเฝ้าอยู่ใกล้แถบนั้น
ระหว่างที่อยู่บนเกาะ พระอภัยมณีได้นางเงือกเป็นภรรยา อยู่มาวันหนึ่งนางสุวรรณมาลีมาเที่ยวทะเลกับท้าวสิลราชซึ่งเป็นพระบิดา ขึ้นมานมัสการฤาษี พระอภัยมณีกับสินสมุทรจึงขออาศัยเรือไปด้วย เพื่อไปติดตามหาศรีสุวรรณ เมื่ออกเดินทางนางผีเสื้อแสดงฤทธืแกล้งให้เรือแตก
พระบิดาของนางสุวรรณมาลีจมน้ำหายไป ผู้คนในเรือต่างพลัดกันบ้างตายกันบ้าง สินสมุทรรักนางสุวรรณมาลีจึงฝากตัวเป็นลูกและเรียกนางสุวรรณมาลีว่าแม่ พอเรือแตกก็อุ้มนางสุวรรณมาลีว่ายน้ำพลัดไปขึ้นได้ที่เกาะหนึ่ง พระอภัยมณีกับไพร่พลหนีนางผีเสื้อผลัดไปขึ้นเกาะอีกแห่งหนึ่ง ต้องเป่าปี่ใช้เพลงบังคับจนนางผีเสื้อขาดใจตาย แล้วก็พักอยู่ที่เกาะนั้น พอดีกับเรืออุศเรนโอรสเจ้านครลังกาผู้เป็นคู่หมั้นของนางสุวรรณมาลีผ่านมา พระอภัยมณีจึงขออาศัยไปในเรือของอุศเรน
ฝ่ายสินสมุทรกับนางสุวรรณมาลีนั้น มีพวกโจรสลัดแล่นเรือมาพบเข้า จึงรับช่วยเหลือให้อาศัยเรือไป เจ้าโจรหัวหน้าใคร่จะได้นางสุวรรณมาลีเป็นภรรยา สินสมุทรโกรธจนวิวาทกับหัวหน้าโจร และฆ่าโจรเจ้าของเรือตาย พวกที่เหลือยอมเป็นข้า สินสมุทรกับนางสุวรรณมาลีเป็นข้าศึก ภายหลังสอบถามได้ความว่าสินสมุทรเป็นลูกพระอภัยมณี ศรีสุวรรณจึงชักชวนกันไปตามหาพระอภัยมณี
เมื่อศรีสุวรรณตกลงไปกับสินสมุทร พระธิดาอรุณารัศมีขอตามไปด้วย ทั้ง 4 กษัตริย์คุมเรือเดินทางไปกลางทะเล จนพบกับเรือของอุศเรน อุศเรนให้ทหารลงเรือเร็วไปถามเรื่องราวจึงได้ทราบว่าสินสมุทร นางสุวรรณมาลี และศรีสุวรรณมาในเรือลำนั้น
ฝ่ายพระอภัยมณีใคร่จะให้พระอนุชา พระโอรสรู้ว่าตนอยู่ที่เรืออุศเรน จึงเป่าปี่ขึ้นเรื่องต่อไปปรากฏดังในตอนที่ 19 นี้
* ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสุวรรณ อยู่พร้อมกันที่ลำกำปั่นใหญ่
ฟังสำเนียงเสียงปี่พระอภัย ก็จำได้ด้วยเคยฟังแต่หลังมา
ทั้งถ้อยคำร่ำเรียกสำเหนียกแน่ เห็นเที่ยงแท้ภูวไนยให้ไปหา
สินสมุทรสุดคิดถึงบิดา จึงทูลว่าปี่นี้ไม่มีใคร
คือทรงฤทธิ์บิตุรงค์ของลูกรัก เห็นแน่นักพระองค์อย่าสงไสย
ข้าจะขอทูลลาอาสาไป แล้วจะได้รับมาเภตราเราฯ
* สองกษัตริย์ตรัสว่าอย่าว้าวุ่น เขามีคุณพระบิดามากับเขา
ควรจะไปไต่ถามตามสำเนา จะด้นเดาดื้อไปนั้นไม่ดี
พวกฝรั่งลังกาจะว่าได้ ต้องขัดข้องหมองใจไม่พอที่
ฉวยขุกเข็ญเป็นศึกจะเสียที ด้วยพระพี่มิได้รู้อยู่ด้วยมัน
อาจจะไปให้พบภูวเรศร์ ถ้าแจ้งเหตุทุกข์ร้อนจะผ่อนผัน
พ่ออย่าไปใจเด็กยังดุดัน อยู่กับน้องป้องกันพระชนนี
สินสมุทรห้ามว่าอย่าเสด็จ เหมือนขามเข็ดของ้อไม่พอที่
หลานจะไปไต่ถามแต่โดยดี ถ้าย้ำยีจึงจักสู้ดูฝีมือ
พระไปเรือเมื่อไรจะไปถึง จะเหมือนหนึ่งฉันลงน้ำดำไปหรือ
แม้นพบปะพระบิดาจะหารือ ไม่ดึงดื้อดอกพระองค์อย่าสงกา
แล้วจัดแจงแต่งเครื่องสำหรับยุทธ เหน็บอาวุธคู่กายทั้งซ้ายขวา
กระโดดโผนโจนลงในคงคา แผลงศักดาดำดึ่งตะบึงไป ฯ
* ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี คิดว่าพี่ตกน้ำร่ำร้องไห้
พระเจ้าป้ามาช่วยด้วยไวไว พระพี่ไม่ผุดรอดจะวอดวาย
ทั้งสององค์ทรงพระสรวลทั้งโศกเศร้า นางเคียงเข้าเล้าโลมนางโฉมฉาย
พระพี่ดำน้ำไปดอกไม่ตาย อย่าวุ่นวายเลยมานั่งคอยฟังความ
ศรีสุวรรณนั้นไม่ไว้ใจฝรั่ง จึงตรัสสั่งนายทหารชาญสนาม
เร่งเตรียมเรือเพื่อสำหรับรับสงคราม ไว้สักสามสิบลำประจำการ
ออกแล่นลอยคอยดูอยู่ห่างห่าง ถ้าขัดขวางก็จะได้แก้ไขหลาน
อังกุหร่าบังคมค่อยก้มคลาน มาเตรียมการพร้อมพรั่งระวังไภย ฯ
* ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร ดำมาผุดกลางมหาชลาไหล
แลเห็นลำกำปั่นเป็นหลั่นไป ไม่มีใครดูแลแต่สักคน
แต่เสียงปี่ที่เป่ายังไม่หยุด สินสมุทรเพ่งพิศคิดฉงน
ค่อยแผงกายว่ายมาในสาชล ปีนขึ้นบนกำปั่นไม่ครั่นคร้าม
เห็นพวกพลกรนหลับระดับดาษ ดูเกลื่อนกลาดกลางเรืออยู่เหลือหลาม
ที่ตื่นอยู่รู้จักล้วนจีนจาม จึงโดดข้ามคนเหล่านั้นมาทันที
เห็นบิตุรงค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ เข้ากอดบาทบงกชบทศรี
ไม่ทันถามความโศกแสนทวี ทรงโศกีกลิ้งเกลือกลงเสือกกาย ฯ
* จอมกษัตริย์ทัศนาเห็นลูกแก้ว เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ให้ใจหาย
พระชลไนยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย ประคองกายกอดแบไว้แนบองค์
สงสารบุตรสุดจะสอื้นอั้น ยังมิทันไต่ถามตามประสงค์
สุดกำลังจะประทังดำรงองค์ กรรแสงทรงโศกซบสลบไป ฯ
* แขกฝรั่งทั้งนั้นก็ขวัญหาย เห็นเจ้านายนิ่งแน่เข้าแก้ไข
ไม่ฟื้นพระองค์สงสารแสนอาไลย ต่างร้องให้วุ่นวายฟายน้ำตาฯ
* อุศเรนรู้สึกนึกอนาถ เห็นประหลาดลูกเล็กเด็กนักหนา
จึงถามพระอภัยว่าใครมา เขาทูลว่าพระโอรสยศไกร
จึงเรียกไพร่ในเรือให้รู้สึก อึกกระทึกในกำปั่นอยู่หวั่นไหว
ช่วยนวดฟั้นคั้นองค์พระอภัย ก็กลับได้สติฟื้นเหมือนตื่นนอน
ลืมพระเนตรเห็นบุตรกับอุศเรน หัศเกนพวกฝรั่งนั่งสลอน
สินสมุทรอภิวาทบาทบิดร สอื้นอ้อนทูลถามตามสงกา
เมื่อพลัดพรากยากเย็นเป็นไฉน ลูกมิได้รู้ความเที่ยวตามหา
ไฉนองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา จึงได้มาเรือฝรั่งเป็นอย่างไร ฯ
* พระฟังคำน้ำพระเนตรลงพรากพราก จะออกปากปิ่มว่าเลือดตาไหล
จึงเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป จนถึงได้โดยสารมาพานพบ
อันพ่อนี้วิตกอกจะแยก ด้วยเรือแตกตายเป็นไม่เห็นศพ
แล้วตรัสถามลูกยาด้วยปรารภ นี่พ่อพบผู้ใดจึงได้มา ฯ
* สินสมุทรได้ฟังรับสั่งถาม จึงตอบตามคำแขกแปลกภาษา
แม่ผีเสื้อเหลือใจไล่สกัด ลูกจึงพลัดไปกับเหล่านางสาวศรี
ได้พบแต่แม่สุวรรณมาลี ก็แยกหนีไปในน้ำแต่ลำพัง
ถึงเจ็ดวันบรรลุถึงเกาะใหญ่ ข้าอาไศรยแต่พอชื่นได้คืนหลัง
พอพบพวกโจรเรือหลงเชื่อฟัง จะเข้าฝั่งชลธารโดยสารมัน
มันคิดคดลดเลี้ยวเกี้ยวพระแม่ ลูกจึงแก้แค้นฆ่าให้อาสัญ
ที่เหลือตายนายไพร่พร้อมใจกัน ยกกำปั่นใหญ่ให้ได้ไคลคลา
เที่ยวไต่ถามตามองค์พระทรงเดช ทุกประเทศทางทะเลเที่ยวเร่หา
จนไปถึงรมจักรนัครา พบพระอาถามทักรู้จักกัน
จึงเกณฑ์คนพลรบสมทบทัพ เดี๋ยวนี้อามากับกระหม่อมฉัน
พอเสียงปี่ที่เป่าเป็นสำคัญ ก็หมายมั่นว่าพระองค์ไม่สงกา
ลูกรำลึกตรึกถึงพระผ่านเกล้า จึงดื้อเดาโดดน้ำดำมาหา
เชิญเสด็จภูวไนยไปเภตรา พระเจ้าอาก็ละห้อยคอยพระองค์ ฯ
* พอรู้ว่าอนุชามาด้วยบุตร ยิ่งแสนสุดชื่นชมสมประสงค์
จึงตรัสบอกอุศเรนเจนณรงค์ นี่แหละองค์สินสมุทรบุตรข้าน้อย
เมื่อเรือแตกแบกนางมากลางน้ำ จึงได้กำปั่นใหญ่ไว้ใช้สอย
กับเรือน้องของข้ามาห้าร้อย เที่ยวแล่นลอยล่องหาในสาคร
เดชะบุญคุณพระมาปะพบ ไม่ต้องรบชิงช่วงดวงสมร
คงได้คู่สู่สมสยมพร อย่าทุกข์ร้อนเลยพระองค์จงสำราญ
เชิญไปรำกำปั่นของลูกรัก ให้พบพักตรวรนุชสุดสงสาร
ประภาษพลางทางสุนทรสอนกุมาร ให้กราบกรานอุศเรนเจนณรงค์ ฯ
* ฝ่ายลูกท้าวจ้าวลังกาหน้าเป็นเหม แสนเกษมสมจิตต์คิดประสงค์
เรียกกุมารหลานเลี้ยงมาเคียงองค์ พ่อแสนทรงฤทธิ์เลิศประเสริฐชาย
ช่วยชีวิตขนิษฐาของอาไว้ ให้คืนได้ดวงสวาทเหมือนมาดหมาย
ไม่ลืมคุณหลานขวัญจนวันตาย พลางแนบกายกอดจูบลูบกุมาร
เอาเครื่องทรงสำอางอย่างกษัตริย์ เพ็ชรรัตน์รจนามุกดาหาร
ทั้งเพ็ชรนิลจินดามาประทาน พระกุมารเมินหน้าแล้วว่าพลัน
อย่าว่าแต่แก้วแหวนแสนสมบัติ ถึงจะจัดเอาอะไรมาให้ฉัน
ไม่มุ่งมาดปรารถนาสาระพรรณ ข้ารักแต่แม่สุวรรณมาลี ฯ
* พระอภัยสุริย์วงศ์ทรงพระสรวล แกล้งเสชวนอุศเรนอันเรือนศรี
อย่าตอบถ้อยถือความเลยตามที เชิญภูมีมาไปหาสุดาดวง ฯ
* อุศเรนฟังว่าค่อยผาสุก เหมือนทิ้งทุกข์สักเท่าภูเขาหลวง
สั่งล้าต้าต้นหนคนทั้งปวง ตามกระทรวงซ้ายขวาสิบห้าลำ
ทั้งลำทรงธงทองเป็นสองแถว เลิศแล้ววายหลังคาเลขาขำ
ทัศเกนเจนปืนยืนประจำ เข้าเคียงลำกำปั่นใหญ่ดังใจจง
อุศเรนรื่นเริงบรรเทิงจิตต์ เข้าสถิตเตียงทองที่ห้องสรง
ไขสุหร่ายปรายลอองมาต้ององค์ แล้วสอดทรงสนับเพลาเนาวรัตน์
ฉลององค์ทรงสวมกรวมสลับ ดุมประดับแต่ล้วนเพ็ชรเจ็ดกะหรัด
ปั้นเหน่งเนื่องเฟื่องกระหนกกระหนาบรัด แล้วทรงทัดพระมหามาลาระบาย
แซมดอกไม้ไหวสว่างหางการะเวก เป็นอย่างเอกอวดผู้หญิงหยิ่งใจหาย
ธำมรงค์ทรงหัตถ์จำรัสพราย พระกรซ้ายเกี้ยวผ้าเช็ดหน้ากรอง
สอดเสน่าเหน็บตรีกระบี่ถือ สนับมือสอดใส่ไว้ทั้งสอง
ส่านจุหรี่สีกุหร่าชั้นหน้าทอง สอดฉลองพระบาทเพ็ชรเสด็จมา
ทหารปืนถือปืนยืนสองข้าง ตามเยี่ยงอย่างยศศักดิ์คอยรักษา
แล้วเชิญพระอภัยให้ไคลคลา มาเภตราลำใหญ่ดังใจปอง ฯ
* ศรีสุวรรณนั้นมารับคำนับพี่ แต่สุวรรณมาลีหนีเข้าห้อง
พระอภัยพี่ยาน้ำตานอง ขึ้นแท่นทองที่นั่งทั้งอุศเรน
เหล่าโยธีศรีสุวรรณกับสินสมุทร ถืออาวุธพร้อมพรั่งทั้งดั้งเขน
พลฝรั่งลังกาพวกหัสเกน ล้วนจัดเจนประจุปืนยืนระวัง ฯ
* ศรีสุวรรณอัญชลีพระพี่เจ้า กำสรดเศร้าโศกคิดถึงความหลัง
จะกลั้นกลืนขืนใจก็ไม่ฟัง พระชลไนยน์ไหลหลั่งพรั่งพราย
พลางประณตบทเรศร์พระเชษฐา น้องนึกว่าสิ้นบุญจะสูญหาย
เที่ยวติดตามถามข่าวก็เปล่าดาย หากหลานชายชี้แจงจึงแจ้งใจ
แล้วทูลถึงสามพราหมณ์ตามมาด้วย เป็นเพื่อม้วยมรณาจะหาไหน
พลางตรัสเรียกลูกน้อยกลอยฤทัย ไปกราบไหว้ให้ชิดพระบิตุลา ฯ
* สงสารองค์พระอภัยวิไลยโฉม ลูบประโลมหลานน้อยละห้อยหา
อุ้มขึ้นวางกลางตักพิศพักตรา พระชลนานองเนตรสังเวชใจ
จะเล่าความตามยากเมื่อจากน้อง ก็ขัดข้องเขาจะแจ้งแถลงไข
จึงว่าพี่นี้ก็แสนสลดใจ หมายว่าไม่พบญาติแล้วชาตินี้
หากกุศลหนหลังเราทั้งสอง ได้พบน้องนัดดามารศรี
ยังทุกข์หนึ่งถึงชนกชนนี จะร้ายดีมิได้รู้ถึงหูเลย
พระร่ำพลางต่างองค์ทรงกรรแสง โอ้เสียแรงเกิดมานิจจาเอ๋ย
ไม่เคยยากกรากกรำต้องจำเคย เมื่อไรเลยจะพร้อมวงศ์พงศ์ประยูร
พระพี่น้องสององค์สอื้นไห้ ด้วยอาไลยไกลญาติเพียงขาดสูญ
ทั้งลูกน้อยนัดดาก็อาดูร ต่างเพิ่มพูนโศกเศร้าไม่เบาบาง ฯ
* อุศเรนร่ำปลอบให้ชอบจิตต์ เห็นวายคิดขุ่นข้องที่หมองหมาง
จึงปราไสยไต่ถามเนื้อความพลาง เดี๋ยวนี้นางนุชน้องอยู่ห้องใด
พระโปรดด้วยช่วยบอกโฉมเฉลา ให้นงเยาว์รู้แจ้งแถลงไข
ว่าพระชนนีนาถจะขาดใจ กรรแสงไห้โหยหาไม่ราวัน
จึงใช้ข้าพยายามตามแสวง พระก็แจ้งความจริงทุกสิ่งสรรพ์
ช่วยเล้าโลมโฉมสุดาวิลาวรรณ อย่าให้ขวัญเนตรหมางระคางใจ ฯ
* สินสมุทรสุดเคืองชำเลืองค้อน แกล้งตัดรอนขวางความตามวิสัย
รำคาญหูจู้จี้นี่กระไร เขาร้องไห้ไม่ทันหายวายน้ำตา
ขืนจะเฝ้าเร้ารบพบผู้หญิง ขันจริงจริงใจฝรั่งชักหนักหนา
มิใช่การภารธุระพระบิดา แม่ของข้าข้าไม่ให้ใครไปเลย ฯ
* พระอภัยได้ฟังสินสมุทร จึงว่าสุดเสน่หาบิดาเอ๋ย
อย่าว้าวุ่นหุนหันเช่นนั้นเลย เหมือนทรามเชยช่วยธุระพระบิดา
อันองค์อุศเรนนี้อารีนัก เธอผูกรักซื่อตรงเหมือนวงศา
พ่อโดยสารท่านก็รับลงเรือมา จึงเห็นหน้าลูกน้อยกลอยฤไทย
ช่วยบอกความตามแต่แม่ของเจ้า น้ำใจเขาจะคิดเห็นเป็นไฉน
เธอเป็นคู่สู่ขออรไทย มิใช่ใครนอกนั้นจะกั้นทาง ฯ
* สินสมุทรสุดแค้นให้แน่นจิตต์ ทั้งสุดคิดสาระพัดจะขัดขวาง
ลงจากแท่นแค้นใจร้องไห้พลาง มาหานางนั่งสอื้นกลืนน้ำตา ฯ
* นางสวมสอดกอดองค์โอรสไว้ แล้วถามไต่ลูกน้อยละห้อยหา
เมื่อตะกี้ที่เขาตามบิดามา เขาพูดจาว่ากระไรไปหรือยัง ฯ
* สินสมุทรพูดจาประสาซื่อ นั่นแลคือตัวความมาตามหลัง
พระรักเขาชาวลังกาหรือว่าชัง อย่าปิดบังบอกความลูกตามจริง
เดี๋ยวนี้เล่าเขาจะรับไปอภิเษก เป็นองค์เอกอิศราพระยาหญิง
เห็นรูปร่างข้างเขาก็เพราพริ้ง จะต้องทิ้งลูกเสียแท้แล้วแม่คุณ ฯ
* นางแกล้งว่าน่าเบื่อเหลือแล้วเจ้า อะไรเฝ้าโกรธเกรี้ยวทำเฉียวฉุน
ถึงสู่ขอก็มิใช่ได้เคยคุ้น จะมาวุ่นว่าขานรำคาญใจ
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะให้แม่ไปหรือ กลัวฝีมือเขากระมังนั่งร้องไห้
พระบิดาว่าขานประการใด อย่าร่ำไรเลยช่วยแปลให้แม่ฟัง ฯ
อ่านต่อตอนที่ 2 https://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=1173