ทำหน้าที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา วงจรการใช้งานและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจัดเก็บและการขนส่ง ซึ่งในกรณีนี้เทคโนโลยีที่ใช้ต้องใช้วัสดุที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิ ป้องกันและกำจัดสิ่งที่เป็นอันตรายต่อผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างของบรรจุภัณฑ์แอคทีฟ ได้แก่ การกำจัดก๊าซ การควบคุมความชื้น การควบคุมอุณหภูมิ และการป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น
เป็นการเพิ่มฟังก์ชันอัจฉริยะที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบรรจุภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น (Customer Experience) หนึ่งในตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดของบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ คือ การใช้ NFC Tags (Near Field Communication) เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Bluetooth และ การใช้บาร์โค้ดบนบรรจุภัณฑ์เพื่อทำให้สะดวกต่อการขนส่งและสื่อสารกับผู้บริโภค
บรรจุภัณฑ์อาหารอัจฉริยะมีบทบาทสำคัญในการยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร ด้วยการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ฟิล์มบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรีย หรือบรรจุภัณฑ์ที่สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซเพื่อรักษาความสดของอาหาร ซึ่งช่วยลดการสูญเสียอาหารและลดปริมาณขยะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บรรจุภัณฑ์แอคทีฟจะช่วยปกป้องผลิตภัณฑ์ของคุณตั้งแต่ออกจากโรงงานผลิตไปจนถึงมือลูกค้า และยังสามารถช่วยป้องกันปัจจัยที่เป็นอันตรายต่อผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง เช่น ความชื้น สารที่เป็นอันตรายที่มาจากสภาพแวดล้อมใกล้เคียง และอันตรายจากแสง บรรจุภัณฑ์แอคทีฟจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุการเก็บรักษา (shelf life) ได้นานขึ้น ทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และช่วยรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์
การทำให้บรรจุภัณฑ์เป็นบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะบางทีก็เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ แต่ส่วนใหญ่แล้วต้นทุนจะถูกชดเชยด้วยประโยชน์ที่ได้รับจากในห่วงโซ่อุปทาน โลจิสติกส์ การจัดเก็บสินค้าหรือแม้แต่การขาย เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ทำให้การจัดเก็บและการขนส่งเป็นเรื่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในทำนองเดียวกันนั้น การผลิตจะตัดวัสดุที่มีขนาดใหญ่ที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักบรรจุภัณฑ์โดยไม่จำเป็น ดังนั้นบรรจุภัณฑ์แอคทีฟจึงมีน้ำหนักเบาและทนทาน
บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะนั้นยังเพิ่มมูลค่าให้กับการทำการตลาด ซึ่งจะทำให้คุณโดดเด่นจากคู่แข่ง จากจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์และเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผู้บริโภคชาวอเมริกันกว่า 72% กล่าวว่าบรรจุภัณฑ์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขา
อนาคตของบรรจุภัณฑ์อาหารอัจฉริยะ ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีที่น่าสนใจ เช่น การใช้นาโนเทคโนโลยี ในการสร้างฟิล์มบรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรงและความยืดหยุ่นสูง หรือการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถติดตามคุณภาพของอาหารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
การใช้บรรจุภัณฑ์อาหารอัจฉริยะ ยังมีความสำคัญในด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานของอาหาร ช่วยให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสามารถตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ตลอดกระบวนการ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการจัดส่งถึงมือผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาด้านคุณภาพของอาหารและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
บรรจุภัณฑ์อาหารอัจฉริยะ คือเทคโนโลยีที่มาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารอย่างมาก โดยไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค การติดตามและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมอาหารสามารถรับมือกับความท้าทายของตลาดในยุคใหม่ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน
แหล่งข้อมูล