Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การยื่นภาษีเงินได้สำหรับฟรีแลนซ์: วิธีการและสิ่งที่ต้องระวัง

Posted By Kung_nadthanan | 07 เม.ย. 68
49 Views

  Favorite

 

สำหรับฟรีแลนซ์หรือผู้ที่มีรายได้จากการรับงานอิสระ การรู้จักและเข้าใจเรื่อง “การยื่นภาษีฟรีแลนซ์” ถือเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะแม้ว่าจะไม่ได้มีนายจ้างหักภาษี ณ ที่จ่ายให้เหมือนพนักงานประจำ แต่ก็ยังมีหน้าที่ต้องเสีย “ภาษีเงินได้ฟรีแลนซ์” ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้มีปัญหากับกรมสรรพากรในภายหลัง

 

ฟรีแลนซ์ต้องเสียภาษีหรือไม่?

คำตอบคือ “ต้องเสีย” ถ้าคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยกรมสรรพากรถือว่าฟรีแลนซ์คือ “ผู้มีเงินได้ประเภทที่ 2 และ 3” ตามประมวลรัษฎากร เช่น ค่าจ้างทำของ ค่าบริการ หรือค่าตอบแทนในลักษณะอื่น ๆ ซึ่งต้องนำมาคำนวณรวมเป็นรายได้ทั้งปีเพื่อยื่นแบบแสดงรายได้ประจำปี (แบบ ภ.ง.ด. 90)

 

รายได้ถึงเกณฑ์ไหนต้องยื่นภาษี?

ถ้ามีรายได้เกิน 60,000 บาทต่อปี (โสด) หรือ 120,000 บาทต่อปี (สมรส) → ต้องยื่นภาษี

ถ้ารายได้เกิน 150,000 บาทต่อปี → ต้องเสียภาษีด้วย (หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน)

 

 

วิธีการยื่นภาษีฟรีแลนซ์ ปี 2568

1. เช็คก่อนว่าคุณต้องยื่นภาษีหรือไม่?

เงื่อนไขรายได้ที่ต้องยื่นภาษี

บุคคลโสด รายได้รวมทั้งปีเกิน 60,000 บาท ต้องยื่นแบบแสดงรายได้

สมรส (แยกยื่น) รายได้เกิน 60,000 บาท ต่อคน ต้องยื่น

มีรายได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี ต้องเสียภาษี

หมายเหตุ: ฟรีแลนซ์จัดอยู่ในกลุ่ม ผู้มีเงินได้ประเภทที่ 2 และ 3 เช่น ค่าจ้าง ค่าออกแบบ ค่าบริการต่าง ๆ

 

2. เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม

ก่อนยื่นภาษี ควรจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไว้ให้ครบถ้วน ได้แก่

หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ถ้ามี)

เอกสารรับเงิน หรือรายงานรายได้ (เช่น รายการรับงานจากลูกค้า)

หลักฐานค่าใช้จ่าย (ถ้าจะหักค่าใช้จ่ายตามจริง)

เอกสารลดหย่อนภาษี เช่น เบี้ยประกันชีวิต, กองทุน SSF/RMF, ดอกเบี้ยบ้าน, ค่าบุตร, ค่าพ่อแม่, ใบเสร็จบริจาค ฯลฯ

 

3. คำนวณรายได้ – หักค่าใช้จ่าย – ลดหย่อน

ขั้นตอนการคำนวณภาษีฟรีแลนซ์ มี 3 ส่วนหลัก

1. รวมรายได้ตลอดปี เช่น ได้งานออกแบบ 10,000 บาท/เดือน รวมทั้งปี = 120,000 บาท

2. หักค่าใช้จ่าย

แบบเหมา: หักได้ 60% ของรายได้

แบบตามจริง: ต้องมีใบเสร็จรับเงิน, บิล หรือเอกสารยืนยัน

3. หักค่าลดหย่อน เช่น เบี้ยประกันชีวิต 100,000 บาท, กองทุน SSF อีก 50,000 บาท เป็นต้น

 

ผลลัพธ์จาก (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ลดหย่อน) = เงินได้สุทธิ
ถ้าเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาท → ต้องเสียภาษี

 

4. เข้าเว็บไซต์เพื่อยื่นแบบออนไลน์

ขั้นตอนยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร

1. เข้าเว็บไซต์: https://efiling.rd.go.th

2. สมัครใช้งาน (ถ้ายังไม่มีบัญชี) หรือเข้าสู่ระบบ

3. เลือกแบบฟอร์ม “ภ.ง.ด. 90” สำหรับผู้มีรายได้จากงานอิสระ

4. กรอกรายได้, ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนตามจริง

5. ระบบจะคำนวณภาษีให้อัตโนมัติ

6. ตรวจสอบความถูกต้อง แล้ว กดยืนยันการยื่น

TIP: หากมีภาษีต้องชำระ และยอดเกิน 3,000 บาท สามารถเลือก “ผ่อนชำระ” ได้ 3 งวด (ไม่มีดอกเบี้ย)

 

5. ชำระภาษี (ถ้ามี)

เมื่อระบบแจ้งยอดที่ต้องจ่าย คุณสามารถเลือกวิธีชำระได้ดังนี้

Mobile Banking

พร้อมเพย์ (สแกน QR Code)

ตัดบัญชีธนาคาร

ชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคารหรือไปรษณีย์
 

6. เก็บหลักฐานไว้ให้ดี

หลังจากยื่นภาษีแล้ว อย่าลืม

บันทึกเลขที่อ้างอิงการยื่น

ดาวน์โหลดใบเสร็จ/ใบยื่นแบบ

เก็บเอกสารไว้เผื่อการตรวจสอบย้อนหลัง

 

สิ่งที่ต้องระวังในการยื่นภาษีเงินได้สำหรับฟรีแลนซ์ ยื่นผิดอาจโดนปรับ!

การทำงานแบบ ฟรีแลนซ์ หรือ อาชีพอิสระ กำลังเป็นที่นิยมในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบ กราฟิกดีไซเนอร์ นักเขียน โปรแกรมเมอร์ หรือนักการตลาดออนไลน์ ล้วนมีรายได้ที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เช่นเดียวกับมนุษย์เงินเดือน แต่การยื่นภาษีของฟรีแลนซ์มีรายละเอียดและจุดเสี่ยงมากกว่าที่หลายคนคิด หากยื่นไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหา ถูกตรวจสอบย้อนหลัง ถูกปรับ หรือเสียดอกเบี้ยภาษี  ดังนั้น ข้อควรระวังในการยื่นภาษีเงินได้สำหรับฟรีแลนซ์ เพื่อให้คุณไม่พลาดและสามารถจัดการภาษีได้อย่างมืออาชีพ

1. ไม่ยื่นภาษีเลย ทั้งที่มีรายได้เกินเกณฑ์

ฟรีแลนซ์บางคนเข้าใจผิดว่า ไม่มีนายจ้าง = ไม่ต้องเสียภาษี

ความจริงแล้ว หากคุณมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด แม้ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย คุณก็มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 ทุกปี

เกณฑ์เบื้องต้น

รายได้รวมต่อปีเกิน 60,000 บาท (บุคคลโสด) ต้อง “ยื่นภาษี”

รายได้สุทธิเกิน 150,000 บาท ต้อง “เสียภาษี”

หากไม่ยื่นภาษี = มีความผิดตามกฎหมาย เสี่ยงโดนค่าปรับและเบี้ยปรับย้อนหลัง

 

2. ไม่แยกรายได้ที่หักภาษี ณ ที่จ่าย กับที่ไม่ได้หัก

ฟรีแลนซ์หลายคนมักได้รับเอกสาร “หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย” จากลูกค้า (เช่น หัก 3% หรือ 5%) แต่ลืมว่ารายได้บางส่วนอาจไม่ได้มีการหักไว้ล่วงหน้า

สิ่งที่ต้องทำ

รวมรายได้ทั้งหมดที่ได้รับ (ทั้งหักและไม่หัก)

กรอกข้อมูลให้ครบในการยื่นแบบ

ถ้ามีเอกสารหัก ณ ที่จ่าย ให้นำไป “เครดิตภาษีคืน” ได้

หากกรอกเฉพาะรายได้ที่หักภาษีไว้ อาจถูกมองว่า ปกปิดรายได้บางส่วน มีความเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบ

 

3. เลือกวิธีหักค่าใช้จ่ายไม่เหมาะสม

ฟรีแลนซ์สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 2 แบบ

หักเหมาตามกฎหมาย (60%)

หักตามจริง (ต้องมีหลักฐาน)

ข้อควรระวัง

หักตามจริง ต้องมีใบเสร็จรับเงิน/บิลที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ไม่ควรใส่ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าซื้อของส่วนตัว ค่าเที่ยว ฯลฯ

หากเลือกหักตามจริงแต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ กรมสรรพากรอาจไม่รับพิจารณา และเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง

 

4. ไม่ใช้สิทธิลดหย่อนให้ครบ

ฟรีแลนซ์หลายคน เสียภาษีแพงโดยไม่จำเป็น เพราะลืมใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐให้ เช่น

ค่าลดหย่อนส่วนตัว (60,000 บาท)

ค่าลดหย่อนบุตร, พ่อแม่

เบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ

กองทุน SSF, RMF

ดอกเบี้ยบ้าน

ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา/การบริจาค

ควรศึกษาหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่า ปีนั้น ๆ มีสิทธิ์อะไรใช้ได้บ้าง เพื่อ ลดภาระภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

5. ยื่นแบบผิดประเภท (ใช้ภ.ง.ด. 91 แทน 90)

ฟรีแลนซ์ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 เท่านั้น

เพราะคุณมีรายได้จากค่าจ้างที่ไม่ใช่เงินเดือนประจำ ซึ่งต่างจากมนุษย์เงินเดือนที่ใช้ ภ.ง.ด. 91

หากกรอกผิดแบบ ระบบอาจไม่คำนวณภาษีได้ถูกต้อง และถือว่า ยื่นไม่สมบูรณ์

 

6. ยื่นล่าช้า เสี่ยงโดนปรับและดอกเบี้ย

กำหนดยื่นภาษีรายปี

ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี (แบบกระดาษ)

ขยายได้ถึงต้นเมษายน หากยื่นออนไลน์

หากเลยกำหนดจะมีผลตามนี้

ค่าปรับ: 200 – 2,000 บาท

เบี้ยปรับ: 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ค้างชำระ

ควรตั้งเตือนล่วงหน้า หรือยื่นแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับโดยไม่จำเป็น

 

7. ไม่เก็บเอกสารหลักฐานไว้

แม้จะยื่นผ่านระบบออนไลน์แล้ว แต่ควร

เก็บใบเสร็จการชำระภาษี

เก็บหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย

เก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายและลดหย่อนภาษี

กรมสรรพากรมีสิทธิ์เรียกตรวจสอบย้อนหลังได้ถึง 5 ปี

หากไม่มีเอกสารยืนยัน คุณอาจต้องชำระภาษีใหม่พร้อมดอกเบี้ย

 

เทคนิคประหยัดภาษีสำหรับฟรีแลนซ์

วางแผนล่วงหน้า เช่น ลงทุนในกองทุนลดหย่อน (SSF, RMF)

หมั่นเก็บหลักฐานรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับงาน

หักค่าใช้จ่ายตามจริงถ้ามีเยอะ อาจประหยัดได้มากกว่าการหักเหมา

แบ่งจ่ายภาษีเป็น 3 งวด (ถ้ายอดภาษีเกิน 3,000 บาท)


แม้จะเป็นฟรีแลนซ์ที่ไม่มีบัญชีรายรับรายจ่ายเหมือนบริษัท แต่ก็สามารถจัดการภาษีให้ถูกต้องได้ หากเข้าใจหลักการและขั้นตอนที่ถูกต้อง การ ยื่นภาษีฟรีแลนซ์ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงคุณศึกษาข้อมูลให้ครบ และเริ่มต้นวางแผนให้ดี ก็สามารถจัดการภาษีได้แบบมืออาชีพ

 

ข้อมูลอ้างอิง

กรมสรรพากร

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow