ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นภาษีที่บุคคลทั่วไปต้องชำระให้กับกรมสรรพากรตามกฎหมาย โดยคำนวณจากรายได้ที่ได้รับในแต่ละปี ซึ่งผู้มีรายได้ทุกคนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ภาษีเงินได้ และวิธี ยื่นภาษีบุคคลธรรมดา ให้ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงต่อค่าปรับและภาระภาษีที่ไม่จำเป็น ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้รายละเอียดที่สำคัญเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พร้อมเทคนิคการลดหย่อนภาษีให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) คือ ภาษีที่จัดเก็บจากรายได้ของบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือเจ้าของธุรกิจรายย่อย โดยกรมสรรพากรเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดเก็บและควบคุมการชำระภาษีตามกฎหมาย
บุคคลที่ต้องยื่นภาษีแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามประเภทของรายได้ ดังนี้
ตัวอย่าง
นาย A เป็นพนักงานบริษัท มีเงินเดือน 15,000 บาท/เดือน หรือ 180,000 บาท/ปี → ต้องยื่นภาษี
นาง B เป็นแม่ค้าออนไลน์ รายได้ 80,000 บาท/ปี → ต้องยื่นภาษี
หากคุณเป็นพนักงานหรือนักแปลฟรีแลนซ์ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% หรือ 5% แต่เมื่อลองคำนวณแล้วพบว่าไม่มีภาษีที่ต้องจ่าย คุณสามารถยื่นภาษีเพื่อขอเงินคืนได้
ตัวอย่าง
นาย C เป็นฟรีแลนซ์ ได้รับค่าจ้าง 200,000 บาท/ปี ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% → สามารถยื่นภาษีเพื่อขอคืนภาษีได้
แม้ว่ารายได้จะไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี แต่หากคุณต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อน เช่น ลดหย่อนจากกองทุน SSF, RMF, ประกันชีวิต หรือดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ก็ควรยื่นภาษีเพื่อรับสิทธิ์เต็มที่
ตามกฎหมายไทย หากคุณมีรายได้จากต่างประเทศและนำเงินกลับเข้ามาใช้ในไทยในปีภาษีนั้น ๆ คุณต้องนำมาคำนวณภาษีด้วย
ตัวอย่าง
นาย D เป็นนักลงทุน เทรดหุ้นต่างประเทศและถอนเงินเข้ามาไทย → ต้องยื่นภาษีเงินได้
หากได้รับหนังสือแจ้งจากกรมสรรพากรให้ยื่นภาษี คุณควรดำเนินการตามที่ได้รับแจ้ง แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าต้องเสียภาษีหรือไม่
รายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีทั้งหมด 8 ประเภท ตามมาตรา 40 ของประมวลรัษฎากร ได้แก่
เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส (มาตรา 40(1))
ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า (มาตรา 40(2))
เงินปันผล ดอกเบี้ย กำไรจากการลงทุน (มาตรา 40(4))
ค่าเช่าบ้าน ค่าสิทธิ (มาตรา 40(5))
ค่ารับเหมา ค่าแรงจากการรับจ้าง (มาตรา 40(6))
วิชาชีพอิสระ เช่น ทนาย แพทย์ วิศวกร (มาตรา 40(7))
ธุรกิจพาณิชย์ การค้าขาย และอื่น ๆ (มาตรา 40(8))
เคล็ดลับ: ตรวจสอบประเภทของรายได้ให้ถูกต้องเพื่อใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนภาษีได้อย่างเหมาะสม
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คำนวณตามอัตราภาษีแบบขั้นบันได ดังนี้
เคล็ดลับ: วางแผนลดหย่อนภาษีเพื่อลดอัตราภาษีที่ต้องจ่าย
การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีช่วยลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายได้ โดยค่าลดหย่อนที่สำคัญ ได้แก่
ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนบุตร คนละ 30,000 บาท
ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา 30,000 บาท
ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ สูงสุด 100,000 บาท
ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน สูงสุด 100,000 บาท
กองทุนรวม SSF และ RMF สูงสุด 500,000 บาท
เคล็ดลับ: ใช้สิทธิลดหย่อนให้ครบถ้วนเพื่อประหยัดภาษีมากที่สุด
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นหน้าที่สำคัญของผู้มีรายได้ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท ฟรีแลนซ์ หรือเจ้าของธุรกิจ หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี กฎหมายกำหนดให้ต้องยื่นแบบภาษีทุกปี
หากคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มต่อไปนี้ คุณต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
มีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด:
พนักงานประจำ (เงินเดือน): รายได้เกิน 120,000 บาท/ปี (โสด) หรือ 220,000 บาท/ปี (สมรส)
ผู้มีรายได้อื่น ๆ (ค้าขาย, ฟรีแลนซ์, นักลงทุน ฯลฯ): รายได้เกิน 60,000 บาท/ปี (โสด) หรือ 120,000 บาท/ปี (สมรส)
ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายและต้องการขอคืน
มีรายได้จากต่างประเทศและนำมาใช้ในไทย
ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เช่น กองทุน SSF/RMF, ประกันชีวิต
หากเข้าเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง ควรยื่นภาษีทุกปี แม้ไม่มีภาษีที่ต้องจ่าย เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบถ้วน
ก่อนยื่นภาษี ควรเตรียมเอกสารสำคัญ ให้พร้อม
1. หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ได้จากนายจ้างหรือผู้ว่าจ้าง (สำหรับพนักงานและฟรีแลนซ์)
2. รายงานรายได้ (กรณีอาชีพอิสระ/ค้าขาย) สรุปรายได้จากธุรกิจ ค้าขาย หรือเงินปันผลจากการลงทุน
3. หลักฐานค่าลดหย่อนภาษี กองทุน SSF, RMF, ประกันชีวิต, เบี้ยประกันสุขภาพ, ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ฯลฯ
4. สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร กรณีขอคืนภาษี กรมสรรพากรจะโอนเงินเข้าบัญชีที่แจ้งไว้
การยื่นภาษีสามารถทำได้ 2 วิธี
ยื่นแบบออนไลน์ (แนะนำ) ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th
ยื่นแบบกระดาษ ที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่
เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว เลือกแบบฟอร์มภาษีที่เหมาะสม
แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.90: สำหรับผู้มีรายได้หลายประเภท (เงินเดือน + รายได้อื่น ๆ เช่น ค่าจ้าง, ค้าขาย, ค่าเช่า)
แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.91: สำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้จากเงินเดือนเท่านั้น
กรอกข้อมูลรายได้
รายได้จากเงินเดือน (กรณีเป็นพนักงาน)
รายได้จากอาชีพอิสระ/ธุรกิจส่วนตัว
รายได้จากดอกเบี้ย, เงินปันผล, ค่าเช่า ฯลฯ
กรอกค่าลดหย่อนภาษี
ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนคู่สมรส: 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนบุตร: คนละ 30,000 บาท
กองทุน SSF, RMF, ประกันชีวิต, ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน
เงินบริจาค (โรงเรียน, โรงพยาบาล, วัด ฯลฯ)
ระบบจะคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย (หรือขอคืน) ให้อัตโนมัติ
ก่อนกดยืนยัน ควร ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง โดยเฉพาะ
รายได้ที่กรอกตรงกับหนังสือรับรอง 50 ทวิ
ค่าลดหย่อนครบถ้วน
เลขบัญชีธนาคารสำหรับขอคืนภาษี
เมื่อมั่นใจแล้ว กด ยื่นภาษี และบันทึก เลขที่อ้างอิงการยื่นภาษี
หากระบบคำนวณแล้วพบว่าคุณต้องจ่ายภาษี สามารถเลือก ช่องทางชำระเงิน ได้ดังนี้
ชำระผ่าน e-Payment (แอปธนาคาร, QR Code, PromptPay)
ชำระผ่านธนาคาร (พิมพ์ใบแจ้งหนี้และไปจ่ายที่เคาน์เตอร์)
ชำระผ่านบัตรเครดิต (บางธนาคารสามารถผ่อนจ่ายได้)
หากภาษีที่ต้องจ่ายเกิน 3,000 บาท สามารถเลือก ผ่อนจ่าย 3 งวด ได้
หากคุณยื่นภาษีแล้วพบว่า มีเงินภาษีที่ถูกหักไว้เกิน สามารถขอคืนภาษีได้ โดยกรมสรรพากรจะโอนเงินเข้าบัญชีภายใน 1-3 เดือน หลังจากตรวจสอบข้อมูลเสร็จ
เช็กสถานะการคืนภาษีได้ที่ www.rd.go.th
หลังจากยื่นภาษีเสร็จ ควร ดาวน์โหลดหลักฐาน หรือ บันทึกเอกสารการยื่นภาษี เก็บไว้เผื่อใช้ในอนาคต เช่น
การยื่นกู้ซื้อบ้าน/รถ
ใช้เป็นหลักฐานทางบัญชีสำหรับธุรกิจ
ข้อมูลอ้างอิง
กรมสรรพากร