รีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน คือ การขอย้ายสินเชื่อบ้านจากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ หรือปรับเงื่อนไขสินเชื่อกับธนาคารเดิม เพื่อให้ได้ ดอกเบี้ยต่ำสุด ลดภาระค่าผ่อนต่อเดือน และประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระการเงิน หรือได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าจากธนาคารอื่น
การรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน (Home Loan Refinance) คือ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสินเชื่อบ้านเดิม โดยการย้ายไปยังธนาคารใหม่ หรือเจรจากับธนาคารเดิมเพื่อให้ได้ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ซึ่งช่วยลดภาระดอกเบี้ยและยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน เป็นกลยุทธ์ที่เจ้าของบ้านนิยมใช้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน
หลังจากผ่อนบ้านไปแล้วประมาณ 3 ปี ดอกเบี้ยพิเศษ (Promotional Rate) มักจะหมดลง ทำให้ดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น หากไม่รีไฟแนนซ์ อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงโดยไม่จำเป็น
ทำไมต้องรีไฟแนนซ์?
ดอกเบี้ยบ้านในช่วงโปรโมชั่นมักอยู่ที่ 2-3% ต่อปี แต่หลังจาก 3 ปีขึ้นไป อาจปรับสูงถึง 4-6% ต่อปี
การรีไฟแนนซ์ช่วยลดดอกเบี้ย ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนถูกลง
ช่วยให้ปลดหนี้บ้านได้เร็วขึ้น หากยังคงผ่อนในยอดเดิม
ลดดอกเบี้ยบ้าน – ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ทำให้ประหยัดเงินในระยะยาว
ลดค่างวดผ่อนบ้านต่อเดือน – ยอดชำระต่อเดือนลดลง เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
ช่วยให้ปลดหนี้บ้านได้เร็วขึ้น – หากยังจ่ายยอดเดิมอยู่ เงินต้นจะลดลงเร็วขึ้น
เพิ่มวงเงินกู้เพิ่มเติม (สินเชื่อ Top-up) – สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเพื่อใช้จ่ายหรือปรับปรุงบ้าน
ลดภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ – เช่น รีไฟแนนซ์เพื่อปิดภาระหนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อบุคคล
แม้ว่าการรีไฟแนนซ์จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีปัจจัยที่ต้องพิจารณา ได้แก่
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
ค่าประเมินหลักทรัพย์ (2,000 - 5,000 บาท)
ค่าธรรมเนียมยื่นกู้ใหม่ (ฟรี หรือไม่เกิน 0.25% ของวงเงินกู้)
ค่าจดจำนอง (1% ของวงเงินกู้)
ค่าปรับไถ่ถอนก่อนกำหนด (หากรีไฟแนนซ์ก่อน 3 ปี อาจมีค่าปรับ 2-3% ของยอดคงเหลือ)
ความคุ้มค่าในการรีไฟแนนซ์
ต้องเปรียบเทียบดอกเบี้ยใหม่กับดอกเบี้ยเดิมว่าสามารถช่วยลดภาระการเงินได้จริงหรือไม่
หากยอดหนี้เหลือน้อยกว่า 500,000 บาท หรือใกล้ผ่อนหมด อาจไม่คุ้มค่ากับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย
ก่อนเริ่มรีไฟแนนซ์ ต้องตรวจสอบรายละเอียดของสินเชื่อบ้านปัจจุบัน โดยพิจารณา
อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเท่าไร?
หมดระยะโปรโมชันดอกเบี้ยต่ำหรือยัง?
มีค่าปรับไถ่ถอนก่อนกำหนดหรือไม่? (ปกติ 2-3% ของยอดหนี้ หากปิดก่อน 3 ปี)
ค่างวดปัจจุบันสูงหรือต่ำเกินไป?
หากดอกเบี้ยบ้านของคุณสูงกว่า 3% ต่อปี แนะนำให้รีไฟแนนซ์ทันที!
แต่ละธนาคารมี โปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้าน แตกต่างกัน ควรเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ
ตารางเปรียบเทียบดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ปี 2025
เลือกธนาคารที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุด และมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
ก่อนตัดสินใจย้ายธนาคาร ลองขอ ปรับลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม เพราะบางครั้งธนาคารอาจเสนอโปรโมชั่นพิเศษเพื่อรักษาลูกค้า
ตัวอย่างการเจรจากับธนาคารเดิม
ดอกเบี้ยปัจจุบัน: 4.50%
ขอปรับลดเหลือ: 2.70% – 3.00%
เคล็ดลับ
แจ้งว่าคุณกำลังพิจารณารีไฟแนนซ์ไปที่อื่น
นำข้อเสนอจากธนาคารคู่แข่งมาเป็นตัวเปรียบเทียบ
เมื่อเลือกธนาคารใหม่ได้แล้ว ให้เตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นกู้
เอกสารสำคัญที่ต้องใช้
สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน
หนังสือรับรองเงินเดือน หรือสลิปเงินเดือน 3-6 เดือน
รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
สำเนาโฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
สำเนาสัญญาเงินกู้เดิม
ใบเสร็จการผ่อนชำระ 12 เดือนล่าสุด
เตรียมเอกสารให้ครบ จะช่วยให้การอนุมัติเร็วขึ้น!
เมื่อเอกสารพร้อม ให้ยื่นคำขอรีไฟแนนซ์ โดยปกติธนาคารจะใช้เวลา 1-2 เดือน ในการพิจารณา
กระบวนการที่ต้องผ่าน
การพิจารณาคุณสมบัติ (เครดิตบูโร / รายได้)
การประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ (ค่าประเมิน 2,000 - 5,000 บาท)
การอนุมัติสินเชื่อ (ใช้เวลาประมาณ 30-45 วัน)
การนัดเซ็นสัญญาเงินกู้ใหม่
เมื่อสินเชื่อใหม่ได้รับอนุมัติ ธนาคารใหม่จะดำเนินการจ่ายเงินปิดหนี้บ้านให้กับธนาคารเดิม
ค่าธรรมเนียมที่อาจต้องจ่าย
ค่าปิดบัญชีสินเชื่อก่อนกำหนด (ถ้ามี) 2-3% ของยอดหนี้
ค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้
ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ขึ้นอยู่กับธนาคาร)
ตรวจสอบยอดหนี้ทั้งหมดก่อนปิดบัญชี เพื่อลดปัญหาภายหลัง
หลังจากรีไฟแนนซ์สำเร็จ คุณจะเริ่มผ่อนกับธนาคารใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
ควรทำอย่างไรต่อไป?
จ่ายค่างวดตรงเวลาเพื่อรักษาเครดิต
หากมีเงินก้อน ลองโปะหนี้เพื่อลดดอกเบี้ย
ตรวจสอบดอกเบี้ยทุก 3 ปี เพื่อรีไฟแนนซ์อีกครั้งหากจำเป็น
ปัจจุบันมีหลายธนาคารเสนอแพ็กเกจรีไฟแนนซ์ที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น
ธนาคาร A: ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.5% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี
ธนาคาร B: ฟรีค่าจดจำนอง วงเงินสูงสุด 90% ของราคาประเมิน
ธนาคาร C: อัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าเดิมของธนาคาร
ตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาเดิมว่ามีค่าปรับไถ่ถอนก่อนกำหนดหรือไม่
คำนวณว่าการรีไฟแนนซ์จะช่วยให้ประหยัดดอกเบี้ยได้จริงหรือไม่
หากยอดหนี้เหลือน้อย อาจไม่คุ้มค่ากับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย
โดยทั่วไป ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ตั้งแต่ยื่นเรื่องจนถึงโอนหนี้สำเร็จ
สามารถทำได้ ทุก 3 ปี หรือเมื่อดอกเบี้ยบ้านปรับสูงขึ้น
ขึ้นอยู่กับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ ธนาคารจะพิจารณาเป็นกรณีไป