เงินทุนหมุนเวียน เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถบริหารต้นทุน ควบคุมกระแสเงินสด และเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจ แหล่งเงินทุนหมุนเวียน และเลือกใช้ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน การรู้จักแหล่งเงินทุนต่าง ๆ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในระยะยาว
แหล่งเงินทุนสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
แหล่งเงินทุนภายใน (Internal Funding) – เงินทุนที่ธุรกิจสามารถหาได้จากภายใน เช่น กำไรสะสม
แหล่งเงินทุนภายนอก (External Funding) – เงินทุนที่ได้จากแหล่งภายนอก เช่น การกู้ยืมจากธนาคาร หรือการระดมทุนจากนักลงทุน
เพื่อเลือกแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของธุรกิจ ขนาดของธุรกิจ และความสามารถในการชำระคืนเงินทุน
แหล่งเงินทุนที่ธุรกิจสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการกู้ยืมจากบุคคลหรือสถาบันภายนอก ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ลดภาระดอกเบี้ย และไม่ต้องมีข้อผูกมัดกับเจ้าหนี้
1.1 กำไรสะสม (Retained Earnings)
เป็นเงินกำไรจากการดำเนินงานที่ธุรกิจเก็บไว้ ไม่ได้นำไปแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้น สามารถนำมาใช้เพื่อขยายธุรกิจ ลงทุนในสินทรัพย์ หรือเป็นทุนหมุนเวียน
ข้อดี
ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
ไม่มีข้อผูกมัดจากแหล่งทุนภายนอก
สามารถใช้ได้ทันที
ข้อจำกัด
ต้องมีผลกำไรเพียงพอจึงจะใช้วิธีนี้ได้
หากใช้มากเกินไป อาจลดสภาพคล่องในอนาคต
1.2 การขายสินทรัพย์ (Asset Liquidation)
ธุรกิจสามารถขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร หรืออุปกรณ์สำนักงานที่ไม่จำเป็น เพื่อนำเงินมาใช้เป็นทุนหมุนเวียน
ข้อดี
ได้เงินสดทันที
ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น
ข้อจำกัด
อาจทำให้ธุรกิจขาดสินทรัพย์ที่จำเป็นในอนาคต
อาจต้องใช้เวลาในการหาผู้ซื้อ
1.3 การบริหารเงินสด (Cash Flow Management)
เป็นการใช้กลยุทธ์ทางการเงิน เช่น การเร่งรัดการเก็บหนี้จากลูกค้า การลดระยะเวลาการชำระเงินให้ซัพพลายเออร์ หรือการบริหารสต็อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ
ข้อดี
ลดความจำเป็นในการกู้ยืมเงิน
เพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ
ข้อจำกัด
ต้องมีระบบบริหารจัดการที่ดี
อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคู่ค้า
หากเงินทุนภายในไม่เพียงพอ เจ้าของกิจการอาจต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากภายนอก ซึ่งมักมาพร้อมกับข้อผูกมัดทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ย หรือเงื่อนไขในการใช้เงินทุน
2.1 สินเชื่อจากธนาคาร (Bank Loans)
ธุรกิจสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
สินเชื่อระยะสั้น (Short-term Loan): สำหรับหมุนเวียนเงินสด เช่น OD (Overdraft)
สินเชื่อระยะยาว (Long-term Loan): สำหรับขยายกิจการหรือซื้อสินทรัพย์
ข้อดี
ได้รับเงินทุนก้อนใหญ่
สามารถวางแผนการชำระคืนเป็นงวด ๆ
ข้อจำกัด
ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
มีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
2.2 เงินทุนจากนักลงทุน (Equity Financing)
เป็นการระดมทุนจากนักลงทุนหรือบริษัทเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับหุ้นของบริษัทเป็นการตอบแทน
ข้อดี
ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย
ได้รับคำแนะนำและเครือข่ายจากนักลงทุน
ข้อจำกัด
ต้องแบ่งสัดส่วนความเป็นเจ้าของ
มีความซับซ้อนในกระบวนการลงทุน
2.3 สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการจากหน่วยงานรัฐ
เช่น สินเชื่อจาก ธนาคารออมสิน, ธนาคาร SME Development Bank, หรือ บสย. ที่มีเงื่อนไขดอกเบี้ยต่ำและระยะเวลาผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น
ข้อดี
ดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อทั่วไป
มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ
ข้อจำกัด
อาจมีขั้นตอนการขอสินเชื่อที่ซับซ้อน
มีเงื่อนไขการอนุมัติที่เข้มงวด
2.4 บัตรเครดิตธุรกิจ (Business Credit Card)
ช่วยให้ธุรกิจมีเงินสดสำรองและสามารถใช้จ่ายฉุกเฉินได้
ข้อดี
สะดวกและรวดเร็ว
สามารถสะสมคะแนนหรือรับสิทธิประโยชน์จากบัตร
ข้อจำกัด
อัตราดอกเบี้ยสูงหากไม่ได้ชำระเต็มจำนวน
อาจทำให้มีหนี้สะสมมากขึ้น
ต้องการเงินทุนระยะสั้นหรือระยะยาว?
ต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ หรือใช้จ่ายในรายวัน?
หากเลือกกู้ยืม ต้องมั่นใจว่าสามารถชำระคืนได้ตามเงื่อนไข
พิจารณาอัตราดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ศึกษาข้อกำหนดของ กฎหมายแพ่ง เกี่ยวกับสัญญากู้ยืมเงิน
ป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ลดระยะเวลาการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า เพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนเร็วขึ้น
จัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนคงคลัง
ใช้เทคโนโลยีทางการเงิน เช่น ซอฟต์แวร์บัญชีเพื่อช่วยบริหารกระแสเงินสด
ข้อมูลอ้างอิง
ธนาคารแห่งประเทศไทย