การเริ่มทำ Facebook Ads ต้องศึกษาพฤติกรรมการใช้ Facebook ของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ช่วงเวลาที่ Active Online ที่อยู่อาศัยและลักษณะ Demographic เช่น ภาษาที่ใช้ เพศ และอายุ เพื่อทำการยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มมากที่สุด เพื่อไม่ให้การทำโฆษณานั้นเสียเวลา และงบประมาณมากเกินจำเป็น รวมถึง 5 ข้อสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเริ่มยิง Ads
ในการยิงโฆษณาเฟสบุ๊ค ได้แบ่ง Objective ให้เลือกอยู่ 3 รูปแบบ โดยระบบ AI ของ Facebook จะไปค้นหาผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราให้เองดังนี้
Awareness คือ การทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เน้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากเพื่อเพิ่มจำนวนคนถูกใจเพจธุรกิจของเรา สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เมื่อเข้ามาเยี่ยมชมแฟนเพจ มักดูที่จำนวนคนกดถูกใจและจำนวนผู้ติดตามของเพจ แบรนด์ไหนที่แฟนเพจจำนวนมากมักจะได้รับความเชื่อถือจากลูกค้ามากกว่า
Consideration คือ การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย โดยยึดการเชื่อมต่อกับลูกค้าเป็นหลัก เน้นไปที่การมีส่วนร่วมของผู้พบเห็น เพื่อให้เกิดการกระทำอะไรสักอย่างกับโพสต์อันนี้ เช่น กดเข้าไปยังเว็บไซต์ ส่งข้อความเข้ามาในแชต กดไลก์ กดแชร์ กดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
Conversion คือ การมุ่งเป้าหมายไปที่สร้างยอดขายให้กับธุรกิจของเรา เน้นการกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายได้กระทำสิ่งต่าง ๆ กับโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นการกดเข้าไปสั่งซื้อสินค้า การเข้าไปชมหน้าร้าน หรือสิ่งต่าง ๆ ตามที่เราต้องการ
การใช้บัตรเครดิตส่วนตัว ค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง ทั้งจากเรื่องวงเงิน และการถูกแฮก หรือในกรณีร้ายแรงที่สุด คือ บัญชีโฆษณาถูกปิด เพราะทำผิดกฎหรือทำไม่ถูกนโยบายของ Facebook อาจทำให้ทั้ง Account และบัตรเครดิตที่ผูกไว้โดนแบนไปด้วย ทำให้เราไม่สามารถใช้บัตรนี้ไปทำการซื้อ Ads ซ้ำได้อีกเลย
ที่แนะนำคือ บัตรเสมือน หรือ บัตร Virtual Card ในรูปแบบของบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพราะสามารถจำกัดวงเงินการใช้งานได้เหมือนกับบัตรที่ออกโดยบัญชีธนาคาร หรือหากไม่อยากจำกัดวงเงิน ก็สามารถโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เท่าจำนวนเงินที่จะทำรายการเท่านั้น สมัครใหม่ก็ง่าย และตรวจสอบการใช้งานได้สะดวกอีกด้วย
Facebook มีการปรับปรุงกฎและนโยบายต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมอยู่เสมอ การทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการโฆษณา Facebook อาจจะทำเพียงแค่ลดการเข้าถึงของโฆษณานั้น ๆ ทำให้ Ads วิ่งไม่ดี แต่ถ้าทำผิดเข้าบ่อย ๆ ก็อาจจะโดนปิดบัญชีโฆษณาไปจนถึงขั้นแบนบัตรเครดิตกันเลยทีเดียว
ดังนั้นหากอยากได้ Ads ที่มีประสิทธิภาพ ป้องกันการถูกแบนก็ต้องหมั่นอัปเดทกฎของ Facebook ซึ่งมีทั้งเนื้อหาต้องห้าม และเนื้อหาที่ถูกจำกัด รวมถึงคำที่ห้ามใช้ต่าง ๆ ทุกครั้งก่อนการวางแผนซื้อ Ads โดยสามารถอ่าน นโยบายการโฆษณาของ Facebook ได้ที่นี่
หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Split Testing คือการทดสอบคอนเทนต์ หรือโฆษณาที่แตกต่างกันอย่างน้อย 2 ตัวแปรขึ้นไป เพื่อทดลองว่าโฆษณาแบบไหนมีคนคลิกเข้ามาหรือได้ผลมากกว่ากัน
ทดสอบหารูปแบบการขึ้นโฆษณา ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 10 รูปแบบ
ทดสอบหากลุ่มเป้าหมายเพื่อขึ้นโฆษณา เช่น อายุ พื้นที่บริเวณ
ทดสอบข้อความ Caption เพื่อขึ้นโฆษณา ด้วยการเขียนหัวข้อต่างกัน ใช้คำหลาย ๆ แบบ หลาย ๆ สไตล์
ทดสอบรูปภาพในการขึ้นโฆษณา ลองใช้รูปภาพที่ต่างกัน หรืออาจเทสต์ด้วยรูปสินค้าคนละชนิด
ซึ่งการทำ A/B testing เป็นหนึ่งในวิธีการวัดผล เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนงบประมาณในด้านการตลาด ทำให้เราสามารถเลือกลงโฆษณาตัวที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่สนใจในตลาดมากกว่า นอกจากนี้ การทำ A/B testing ยังช่วยให้การทำโฆษณามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และเห็นได้ชัดเจนว่าสินค้าตัวไหนที่คนสนใจมากกว่ากันอีกด้วย
อย่าเพิ่งร้อนใจ หากยิง Ads ไปแล้ว ยังไม่มีคนทักมา เพราะ Facebook มี “ช่วงการเรียนรู้ระบบการแสดงโฆษณา” โดยระบบต้องเรียนรู้ และวิเคราะห์เกี่ยวกับผู้คน ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการแสดงโฆษณาให้ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น