เงินทุนหมุนเวียน เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ หากไม่มีการ บริหารเงินทุนหมุนเวียน อย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้ธุรกิจขาดสภาพคล่องและเสี่ยงต่อการล้มละลาย ดังนั้น เจ้าของกิจการ ควรเข้าใจถึงความหมาย องค์ประกอบ และแนวทางบริหารเงินทุนหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพ
เงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) หมายถึง ส่วนต่างระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) และหนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities) ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของธุรกิจในการดำเนินงานในระยะสั้น เช่น การจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวัน การซื้อวัตถุดิบ และการบริหารเงินสด
สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) เช่น เงินสด ลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง
หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities) เช่น เจ้าหนี้การค้า เงินกู้ระยะสั้น ค่าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
หากธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นบวก แสดงว่ามีสภาพคล่องที่ดี แต่หากเป็นลบ อาจหมายถึงปัญหาทางการเงินที่ต้องรีบแก้ไข
ตัวอย่างการคำนวณเงินทุนหมุนเวียน
สมมติว่าธุรกิจมีสินทรัพย์หมุนเวียน 500,000 บาท และมีหนี้สินหมุนเวียน 300,000 บาท
500,000 − 300,000 = 200,000
ดังนั้น เงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจนี้คือ 200,000 บาท ซึ่งหมายความว่าธุรกิจยังมีสภาพคล่องและสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
เงินทุนหมุนเวียนมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจในหลายมิติ โดยเฉพาะด้าน สภาพคล่อง ความสามารถในการแข่งขัน และการขยายตัวของธุรกิจ
ธุรกิจต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงพนักงาน ค่าเช่า และค่าสาธารณูปโภค หากขาดเงินทุนหมุนเวียน อาจต้องพึ่งพาเงินกู้ ซึ่งจะเพิ่มภาระหนี้สิน
การมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอช่วยให้ธุรกิจสามารถ สต็อกสินค้าได้เพียงพอ และดำเนินกระบวนการผลิตได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีสะดุด
หากธุรกิจขาดเงินทุนหมุนเวียน อาจต้องกู้เงินจากธนาคารหรือลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น
ธุรกิจที่มีเงินทุนหมุนเวียนที่ดี สามารถใช้เงินทุนในการ ลงทุนในเครื่องจักร การตลาด หรือการจ้างงานเพิ่มเติม เพื่อขยายกิจการ
เงินทุนหมุนเวียนช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว เช่น การจัดโปรโมชั่น การสต็อกสินค้าให้พร้อมขาย ทำให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
ธุรกิจที่มีเงินทุนหมุนเวียนที่แข็งแกร่งสามารถ บริหารความเสี่ยงทางการเงิน ได้ดีกว่า ลดโอกาสในการเกิดปัญหาทางการเงิน
ธุรกิจที่มีเงินทุนหมุนเวียนที่ดีจะแสดงถึงความมั่นคง ทำให้ได้รับความไว้วางใจจาก นักลงทุน เจ้าหนี้ และคู่ค้า
เพื่อให้ธุรกิจมี เงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอ และสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น เจ้าของกิจการควรใช้แนวทางดังต่อไปนี้
ตรวจสอบ รายรับ-รายจ่าย อย่างสม่ำเสมอ
วางแผน กระแสเงินสดล่วงหน้า
ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
ไม่สต็อกสินค้ามากเกินไปเพื่อลดต้นทุน
ใช้ ระบบบริหารสต็อกอัตโนมัติ เพื่อลดสินค้าค้างสต็อก
กำหนด เงื่อนไขการชำระเงินที่ชัดเจน
ให้ส่วนลดสำหรับลูกค้าที่ชำระเงินเร็ว
ใช้ระบบ ติดตามหนี้อัตโนมัติ
ต่อรองเงื่อนไขการจ่ายเงินกับซัพพลายเออร์
เลือกวิธีการชำระเงินที่มี ระยะเวลาผ่อนปรน
ไม่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น
วิเคราะห์ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การบริหารเงินทุนหมุนเวียนต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย เช่น
กฎหมายเกี่ยวกับหนี้สินทางธุรกิจ – การกู้ยืมเงิน การชำระหนี้ และดอกเบี้ยต้องเป็นไปตามเงื่อนไขทางกฎหมาย
กฎหมายเกี่ยวกับบัญชีและภาษี – การทำบัญชีและการยื่นภาษีต้องถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงโทษทางแพ่ง
ข้อมูลอ้างอิง
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม