Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

กฎหมายการเลิกจ้าง: ขั้นตอนและสิทธิที่พนักงานต้องทราบ

Posted By Kung_nadthanan | 20 ก.พ. 68
788 Views

  Favorite

 

กฎหมายเลิกจ้าง เป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานทุกคนควรรู้ เพราะหากถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม อาจส่งผลต่อชีวิตและรายได้ของพนักงานโดยตรง สิทธิของพนักงานตาม กฎหมายแรงงาน กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าการเลิกจ้างต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม และนายจ้างต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ทั้งในเรื่อง ค่าชดเชยเลิกจ้าง เงินชดเชยพิเศษ และการแจ้งล่วงหน้า บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสิทธิของตนเอง และสามารถปกป้องสิทธิได้อย่างถูกต้อง

 

การเลิกจ้างคืออะไร?

กฎหมายเลิกจ้าง เป็นข้อบังคับตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเลิกจ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยเฉพาะในเรื่อง ค่าชดเชย การแจ้งล่วงหน้า และสิทธิของพนักงาน หากถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม

การเลิกจ้าง หมายถึง การที่ นายจ้างยกเลิกสัญญาการจ้างงานของลูกจ้าง ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น

  • การปรับโครงสร้างองค์กร

  • ปัญหาทางเศรษฐกิจ

  • ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน

  • ความผิดร้ายแรงของพนักงาน

อย่างไรก็ตาม นายจ้างต้องปฏิบัติตาม กฎหมายแรงงาน อย่างถูกต้อง มิฉะนั้น อาจถูกดำเนินคดีและต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงาน

 

ประเภทของการเลิกจ้างตามกฎหมาย

1. เลิกจ้างโดยมีเหตุผลและชอบด้วยกฎหมาย

นายจ้างสามารถเลิกจ้างพนักงานได้ หากมีเหตุผลที่สมควร และปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมาย เช่น

-การลดจำนวนพนักงานเนื่องจากการปรับโครงสร้างองค์กร

-พนักงานกระทำผิดร้ายแรง เช่น ยักยอกทรัพย์ หรือทำให้บริษัทเสียหาย

-พนักงานมีพฤติกรรมที่ขัดต่อระเบียบวินัยขององค์กร

 

2. เลิกจ้างไม่เป็นธรรม (Unfair Dismissal)

หากนายจ้างเลิกจ้างพนักงานโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร หรือไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย เช่น ไม่แจ้งล่วงหน้า หรือไม่จ่ายค่าชดเชย อาจเข้าข่าย การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ซึ่งพนักงานสามารถเรียกร้องสิทธิได้

 

สิทธิของพนักงานเมื่อถูกเลิกจ้าง

1. ค่าชดเชยเลิกจ้างตามกฎหมายแรงงาน

ตาม มาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 พนักงานที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดร้ายแรง มีสิทธิได้รับ ค่าชดเชยเลิกจ้าง ตามระยะเวลาการทำงาน ดังนี้

หมายเหตุ: หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเติม

 

2. ค่าชดเชยพิเศษ (กรณีเลิกจ้างเนื่องจากการปิดกิจการหรือปรับโครงสร้าง)

หากนายจ้างเลิกจ้างพนักงานเนื่องจาก

-ปิดกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด

-ย้ายสถานประกอบการ

-ปรับโครงสร้างองค์กร

นายจ้างต้องจ่าย ค่าชดเชยพิเศษ 50% ของค่าชดเชยปกติ

ค่าชดเชยพิเศษ

หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าหรือเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม พนักงานอาจมีสิทธิได้รับเงินชดเชยพิเศษเพิ่มเติม

ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า

ตามกฎหมาย นายจ้างต้องแจ้งเลิกจ้างล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 1 เดือน เว้นแต่มีเหตุเลิกจ้างกรณีพิเศษ เช่น พนักงานกระทำผิดร้ายแรง

 

 

ขั้นตอนที่นายจ้างต้องปฏิบัติเมื่อเลิกจ้างพนักงาน

1. แจ้งการเลิกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร

กฎหมายกำหนดให้การเลิกจ้างต้องมีการแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้า

-หากต้องการเลิกจ้าง ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน (มาตรา 17 พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน)

-การแจ้งเลิกจ้างควรทำเป็นหนังสือ และส่งถึงพนักงานโดยตรง

เอกสารที่ต้องมี

-หนังสือแจ้งเลิกจ้าง (ระบุเหตุผลชัดเจน)

-เอกสารสัญญาจ้างและข้อกำหนดต่างๆ

 

2. ตรวจสอบสิทธิของพนักงานตามกฎหมาย

นายจ้างต้องตรวจสอบว่าพนักงานมีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่

กรณีที่ต้องจ่ายค่าชดเชย

-ลูกจ้างทำงาน 120 วันขึ้นไป แต่ไม่ถึง 1 ปี – ได้รับค่าชดเชย 30 วัน

-ลูกจ้างทำงาน 1 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 3 ปี – ได้รับค่าชดเชย 90 วัน

-ลูกจ้างทำงาน 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 6 ปี – ได้รับค่าชดเชย 180 วัน

-ลูกจ้างทำงาน 6 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 ปี – ได้รับค่าชดเชย 240 วัน

-ลูกจ้างทำงาน 10 ปีขึ้นไป – ได้รับค่าชดเชย 300 วัน

หากเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควร นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย

 

3. กรณีเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

หากพนักงานมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายมาตรา 119 นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

พฤติกรรมที่เข้าข่ายการเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

-ทุจริตต่อหน้าที่ เช่น ยักยอกเงินบริษัท

-จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

-ละเมิดระเบียบข้อบังคับของบริษัทอย่างร้ายแรง

-ลาหยุดเกินกว่ากฎหมายกำหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

นายจ้างต้องมีหลักฐานชัดเจน และออกหนังสือเลิกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร

 

4. คำนวณค่าชดเชยและสิทธิประโยชน์อื่นๆ

นายจ้างต้องจ่ายเงินต่างๆ ให้พนักงานครบถ้วนก่อนพ้นสภาพการเป็นพนักงาน

เงินที่ต้องจ่ายเมื่อเลิกจ้าง

1. ค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน

2. ค่าจ้างคงค้าง

3. ค่าลาพักร้อนที่ยังไม่ได้ใช้

4. ค่าตอบแทนอื่นๆ ตามสัญญาจ้าง

กำหนดเวลาจ่ายเงิน

ค่าจ้างคงค้างและค่าชดเชย – ต้องจ่ายภายใน 3 วัน หลังพ้นสภาพการเป็นพนักงาน

กรณีผิดนัดจ่าย อาจถูกปรับดอกเบี้ยหรือฟ้องร้องได้

 

5. ออกเอกสารรับรองการทำงาน

ลูกจ้างมีสิทธิขอหนังสือรับรองการทำงาน ตามมาตรา 585 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

หนังสือรับรองการทำงานควรระบุ

-ชื่อบริษัท

-ตำแหน่งที่เคยทำงาน

-ระยะเวลาการทำงาน

-ข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน

นายจ้างไม่สามารถปฏิเสธการออกหนังสือรับรองการทำงานได้

 

6. แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หากมีการเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด นายจ้างต้องแจ้งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

กรณีที่ต้องแจ้งต่อหน่วยงานรัฐ

-หากเป็นการเลิกจ้างจำนวนมาก ต้องแจ้งภายใน 30 วัน

-กรณีเลิกจ้างพนักงานที่เป็นแรงงานต่างด้าว ต้องแจ้งกระทรวงแรงงาน

หากนายจ้างไม่แจ้ง อาจถูกปรับและมีโทษตามกฎหมาย

 

กรณีที่นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม พนักงานทำอย่างไรได้บ้าง?

หากพนักงานถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม สามารถดำเนินการได้ตามนี้

1. ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หากเห็นว่าถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม พนักงานสามารถร้องเรียนเพื่อให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ย

2. ฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน หากนายจ้างไม่ยอมจ่ายค่าชดเชย พนักงานสามารถฟ้องร้องศาลแรงงานเพื่อเรียกร้องสิทธิที่พึงมี

3. ร้องเรียนต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

 

การเลิกจ้างเป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานควรทำความเข้าใจ กฎหมายเลิกจ้าง ระบุไว้อย่างชัดเจนว่านายจ้างต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมาย และต้องจ่าย ค่าชดเชยเลิกจ้าง ค่าชดเชยพิเศษ และค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หากถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม พนักงานมีสิทธิเรียกร้องได้ ดังนั้น การรู้ สิทธิของพนักงาน จะช่วยให้คุณปกป้องตนเองจากการถูกเอาเปรียบในที่ทำงาน

 

ข้อมูลอ้างอิง

กระทรวงแรงงาน

กรมสอบสวนคดีพิเศษ

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow