กฎหมายเลิกจ้าง เป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานทุกคนควรรู้ เพราะหากถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม อาจส่งผลต่อชีวิตและรายได้ของพนักงานโดยตรง สิทธิของพนักงานตาม กฎหมายแรงงาน กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าการเลิกจ้างต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม และนายจ้างต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ทั้งในเรื่อง ค่าชดเชยเลิกจ้าง เงินชดเชยพิเศษ และการแจ้งล่วงหน้า บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสิทธิของตนเอง และสามารถปกป้องสิทธิได้อย่างถูกต้อง
กฎหมายเลิกจ้าง เป็นข้อบังคับตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเลิกจ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยเฉพาะในเรื่อง ค่าชดเชย การแจ้งล่วงหน้า และสิทธิของพนักงาน หากถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
การเลิกจ้าง หมายถึง การที่ นายจ้างยกเลิกสัญญาการจ้างงานของลูกจ้าง ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น
การปรับโครงสร้างองค์กร
ปัญหาทางเศรษฐกิจ
ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
ความผิดร้ายแรงของพนักงาน
อย่างไรก็ตาม นายจ้างต้องปฏิบัติตาม กฎหมายแรงงาน อย่างถูกต้อง มิฉะนั้น อาจถูกดำเนินคดีและต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงาน
นายจ้างสามารถเลิกจ้างพนักงานได้ หากมีเหตุผลที่สมควร และปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมาย เช่น
-การลดจำนวนพนักงานเนื่องจากการปรับโครงสร้างองค์กร
-พนักงานกระทำผิดร้ายแรง เช่น ยักยอกทรัพย์ หรือทำให้บริษัทเสียหาย
-พนักงานมีพฤติกรรมที่ขัดต่อระเบียบวินัยขององค์กร
หากนายจ้างเลิกจ้างพนักงานโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร หรือไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย เช่น ไม่แจ้งล่วงหน้า หรือไม่จ่ายค่าชดเชย อาจเข้าข่าย การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ซึ่งพนักงานสามารถเรียกร้องสิทธิได้
ตาม มาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 พนักงานที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดร้ายแรง มีสิทธิได้รับ ค่าชดเชยเลิกจ้าง ตามระยะเวลาการทำงาน ดังนี้
หมายเหตุ: หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเติม
หากนายจ้างเลิกจ้างพนักงานเนื่องจาก
-ปิดกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด
-ย้ายสถานประกอบการ
-ปรับโครงสร้างองค์กร
นายจ้างต้องจ่าย ค่าชดเชยพิเศษ 50% ของค่าชดเชยปกติ
ค่าชดเชยพิเศษ
หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าหรือเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม พนักงานอาจมีสิทธิได้รับเงินชดเชยพิเศษเพิ่มเติม
ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
ตามกฎหมาย นายจ้างต้องแจ้งเลิกจ้างล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 1 เดือน เว้นแต่มีเหตุเลิกจ้างกรณีพิเศษ เช่น พนักงานกระทำผิดร้ายแรง
กฎหมายกำหนดให้การเลิกจ้างต้องมีการแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้า
-หากต้องการเลิกจ้าง ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน (มาตรา 17 พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน)
-การแจ้งเลิกจ้างควรทำเป็นหนังสือ และส่งถึงพนักงานโดยตรง
เอกสารที่ต้องมี
-หนังสือแจ้งเลิกจ้าง (ระบุเหตุผลชัดเจน)
-เอกสารสัญญาจ้างและข้อกำหนดต่างๆ
นายจ้างต้องตรวจสอบว่าพนักงานมีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่
กรณีที่ต้องจ่ายค่าชดเชย
-ลูกจ้างทำงาน 120 วันขึ้นไป แต่ไม่ถึง 1 ปี – ได้รับค่าชดเชย 30 วัน
-ลูกจ้างทำงาน 1 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 3 ปี – ได้รับค่าชดเชย 90 วัน
-ลูกจ้างทำงาน 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 6 ปี – ได้รับค่าชดเชย 180 วัน
-ลูกจ้างทำงาน 6 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 ปี – ได้รับค่าชดเชย 240 วัน
-ลูกจ้างทำงาน 10 ปีขึ้นไป – ได้รับค่าชดเชย 300 วัน
หากเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควร นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
หากพนักงานมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายมาตรา 119 นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
พฤติกรรมที่เข้าข่ายการเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
-ทุจริตต่อหน้าที่ เช่น ยักยอกเงินบริษัท
-จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
-ละเมิดระเบียบข้อบังคับของบริษัทอย่างร้ายแรง
-ลาหยุดเกินกว่ากฎหมายกำหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
นายจ้างต้องมีหลักฐานชัดเจน และออกหนังสือเลิกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร
นายจ้างต้องจ่ายเงินต่างๆ ให้พนักงานครบถ้วนก่อนพ้นสภาพการเป็นพนักงาน
เงินที่ต้องจ่ายเมื่อเลิกจ้าง
1. ค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
2. ค่าจ้างคงค้าง
3. ค่าลาพักร้อนที่ยังไม่ได้ใช้
4. ค่าตอบแทนอื่นๆ ตามสัญญาจ้าง
กำหนดเวลาจ่ายเงิน
ค่าจ้างคงค้างและค่าชดเชย – ต้องจ่ายภายใน 3 วัน หลังพ้นสภาพการเป็นพนักงาน
กรณีผิดนัดจ่าย อาจถูกปรับดอกเบี้ยหรือฟ้องร้องได้
ลูกจ้างมีสิทธิขอหนังสือรับรองการทำงาน ตามมาตรา 585 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หนังสือรับรองการทำงานควรระบุ
-ชื่อบริษัท
-ตำแหน่งที่เคยทำงาน
-ระยะเวลาการทำงาน
-ข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน
นายจ้างไม่สามารถปฏิเสธการออกหนังสือรับรองการทำงานได้
หากมีการเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด นายจ้างต้องแจ้งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กรณีที่ต้องแจ้งต่อหน่วยงานรัฐ
-หากเป็นการเลิกจ้างจำนวนมาก ต้องแจ้งภายใน 30 วัน
-กรณีเลิกจ้างพนักงานที่เป็นแรงงานต่างด้าว ต้องแจ้งกระทรวงแรงงาน
หากนายจ้างไม่แจ้ง อาจถูกปรับและมีโทษตามกฎหมาย
หากพนักงานถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม สามารถดำเนินการได้ตามนี้
1. ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หากเห็นว่าถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม พนักงานสามารถร้องเรียนเพื่อให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ย
2. ฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน หากนายจ้างไม่ยอมจ่ายค่าชดเชย พนักงานสามารถฟ้องร้องศาลแรงงานเพื่อเรียกร้องสิทธิที่พึงมี
3. ร้องเรียนต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
ข้อมูลอ้างอิง
กระทรวงแรงงาน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ