Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การจดสิทธิบัตร: ขั้นตอนและวิธีการปกป้องสิทธิบัตรของคุณ

Posted By Kung_nadthanan | 12 ก.พ. 68
231 Views

  Favorite

สิทธิบัตรคืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ?

สิทธิบัตร เป็นเอกสารทางกฎหมายที่ให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวแก่เจ้าของในการผลิต ใช้ หรือขายสิ่งประดิษฐ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นลอกเลียนแบบหรือใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต การ จดสิทธิบัตร จึงเป็นวิธีสำคัญในการ ปกป้องสิทธิบัตร และรักษาความได้เปรียบทางธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคที่นวัตกรรมและเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

ความหมายของสิทธิบัตร

สิทธิบัตร (Patent) คือ หนังสือสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐออกให้แก่เจ้าของสิ่งประดิษฐ์ เพื่อรับรองว่าเจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการผลิต ใช้ หรือจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์นั้นเป็นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปมักครอบคลุม สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยี กระบวนการผลิต หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มีความแปลกใหม่และไม่เคยมีมาก่อน

สิทธิบัตรเป็นรูปแบบหนึ่งของ ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property – IP) ซึ่งช่วยคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ไม่ให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต

เหตุใดสิทธิบัตรจึงสำคัญ?

1. ปกป้องนวัตกรรมและสิทธิของผู้คิดค้น

เมื่อมีสิทธิบัตร เจ้าของสิ่งประดิษฐ์สามารถป้องกันไม่ให้ผู้อื่นลอกเลียนแบบหรือผลิตซ้ำได้โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบว่ามีการละเมิดสิทธิ เจ้าของสิทธิบัตรสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้

2. สร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ

การเป็นเจ้าของสิทธิบัตรช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ซึ่งทำให้คู่แข่งไม่สามารถใช้เทคโนโลยีเดียวกันได้ง่าย ๆ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น

3. กระตุ้นให้เกิดการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ระบบสิทธิบัตรส่งเสริมให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพราะผู้คิดค้นจะได้รับผลตอบแทนจากการวิจัยและพัฒนา เมื่อบริษัทหรือบุคคลสามารถสร้างรายได้จากสิทธิบัตร ก็จะมีแรงจูงใจในการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

4. เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

สิทธิบัตรสามารถนำมาใช้เป็นสินทรัพย์ทางธุรกิจได้ เช่น นำไป จดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ค้ำประกันเงินกู้ ขาย หรือให้สิทธิ์ในการใช้ (Licensing) ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทหรือผู้คิดค้นโดยตรง

5. สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

บริษัทที่มีสิทธิบัตรแสดงให้เห็นว่ามีเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักลงทุน และสร้างโอกาสในการร่วมทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

6. ป้องกันการฟ้องร้องเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา

หากไม่มีการจดสิทธิบัตร บริษัทหรือผู้คิดค้นอาจถูกผู้อื่นนำไอเดียไปจดสิทธิบัตรแทน และอาจถูกฟ้องร้องกลับในภายหลัง ดังนั้น การจดสิทธิบัตรเป็นการป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

ประเภทของสิทธิบัตร

การจดสิทธิบัตรสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Invention Patent), อนุสิทธิบัตร (Petty Patent), และสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Design Patent) แต่ละประเภทมีเงื่อนไขและการคุ้มครองที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Invention Patent)

สิทธิบัตรการประดิษฐ์เป็นสิทธิบัตรที่มอบให้กับการคิดค้นสิ่งใหม่ที่มีลักษณะเป็น กระบวนการ ระบบ เทคนิค หรือเครื่องมือ ซึ่งมีการพัฒนาในเชิงเทคนิคอย่างมีนัยสำคัญ

เงื่อนไขของสิทธิบัตรการประดิษฐ์

1. ต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ (Novelty) – ต้องไม่เคยมีการเปิดเผยหรือใช้งานมาก่อนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

2. ต้องมีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น (Inventive Step) – ต้องไม่ใช่สิ่งที่นักประดิษฐ์ทั่วไปสามารถคิดขึ้นได้โดยง่าย

3. ต้องสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมได้ (Industrial Applicability) – ต้องสามารถผลิตหรือใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้จริง

ระยะเวลาคุ้มครอง

คุ้มครอง 20 ปี นับจากวันที่ยื่นคำขอ

ผู้ถือสิทธิบัตรสามารถเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์จากผู้ที่ละเมิดสิทธิได้

ตัวอย่างสิทธิบัตรการประดิษฐ์

เทคโนโลยี Face ID ของ Apple

นวัตกรรมวัคซีน mRNA ของ Pfizer และ Moderna

ระบบเบรก ABS ในรถยนต์

 

2. อนุสิทธิบัตร (Petty Patent)

อนุสิทธิบัตรเป็นสิทธิที่มอบให้กับ สิ่งประดิษฐ์ที่มีการพัฒนาแต่ไม่ซับซ้อนมากเท่าสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เหมาะสำหรับการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เงื่อนไขของอนุสิทธิบัตร

1. ต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ – ต้องไม่เคยมีมาก่อน

2. ไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงมาก – ต่างจากสิทธิบัตรการประดิษฐ์ที่ต้องมีความซับซ้อน

ระยะเวลาคุ้มครอง

คุ้มครอง 10 ปี นับจากวันที่ยื่นคำขอ

ได้รับความคุ้มครองเร็วกว่าเนื่องจากขั้นตอนตรวจสอบไม่ซับซ้อนเท่าสิทธิบัตรการประดิษฐ์

ตัวอย่างอนุสิทธิบัตร

การพัฒนาเครื่องมือแพทย์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ระบบล็อคกลอนประตูที่พัฒนาจากแบบดั้งเดิม

ขวดน้ำที่มีระบบกดน้ำโดยไม่ต้องเปิดฝา

 

3. สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Design Patent)

สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นสิทธิที่มอบให้กับ รูปร่าง ลวดลาย หรือรูปทรงของผลิตภัณฑ์ ที่มีความแปลกใหม่และมีลักษณะเฉพาะตัว แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการทำงาน

เงื่อนไขของสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์

1. ต้องเป็นการออกแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

2. ต้องไม่เลียนแบบหรือคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว

3. ต้องมีความสวยงามหรือเอกลักษณ์ที่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้

ระยะเวลาคุ้มครอง

คุ้มครอง 10 ปี นับจากวันที่ยื่นคำขอ

ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบเหมือนกัน

ตัวอย่างสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์

1. ดีไซน์ของขวด Coca-Cola ที่มีลักษณะเฉพาะ

2. การออกแบบรองเท้าของ Nike หรือ Adidas

3. รูปทรงของ iPhone หรือ MacBook ของ Apple

ประเภทของสิทธิบัตร มีความแตกต่างกันตามลักษณะของการประดิษฐ์และการออกแบบ ดังนี้

วิธีการจดสิทธิบัตร

การจดสิทธิบัตรเป็นกระบวนการที่ช่วยปกป้องนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์จากการถูกลอกเลียนแบบ โดยผู้คิดค้นสามารถได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการผลิต ใช้งาน และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการนั้น ๆ ขั้นตอนการจดสิทธิบัตรแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน ดังนี้

1. ตรวจสอบคุณสมบัติของสิ่งประดิษฐ์

ก่อนยื่นขอจดสิทธิบัตร สิ่งประดิษฐ์ของคุณต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่

ต้องเป็นสิ่งใหม่ – ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน

ต้องมีนวัตกรรมหรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์)

ต้องสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมได้

ต้องไม่ขัดต่อศีลธรรมและกฎหมาย

ตัวอย่างสิ่งที่ไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้

ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรือสูตรทางคณิตศาสตร์

การค้นพบทางธรรมชาติ

กฎหมายหรือระเบียบวิธีปฏิบัติทางธุรกิจ

สิ่งมีชีวิต เช่น พันธุ์พืชและสัตว์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

 

2. ค้นหาข้อมูลสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสิทธิบัตรซ้ำซ้อน ควรตรวจสอบว่ามีสิทธิบัตรที่คล้ายกันจดทะเบียนไว้แล้วหรือไม่ โดยสามารถค้นหาข้อมูลผ่านแหล่งข้อมูลดังนี้

แหล่งค้นหาข้อมูลสิทธิบัตร

กรมทรัพย์สินทางปัญญา (DIP) – www.ipthailand.go.th

ระบบฐานข้อมูลสิทธิบัตรโลก (WIPO PATENTSCOPE) – www.wipo.int/patentscope

Google Patents – www.google.com/patents

หากพบว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณยังไม่เคยมีมาก่อน ก็สามารถดำเนินการยื่นขอจดสิทธิบัตรได้

 

3. เตรียมเอกสารประกอบการยื่นขอจดสิทธิบัตร

เอกสารที่ต้องใช้ในการขอจดสิทธิบัตร ได้แก่

คำขอรับสิทธิบัตร – กรอกแบบฟอร์มที่กรมทรัพย์สินทางปัญญากำหนด

รายละเอียดของสิ่งประดิษฐ์ – อธิบายลักษณะการทำงานและประโยชน์ของสิ่งประดิษฐ์

ข้อถือสิทธิ (Claims) – ระบุขอบเขตของการคุ้มครองสิทธิบัตร

รูปวาดหรือแผนภาพประกอบ – อธิบายการทำงานของสิ่งประดิษฐ์

บทสรุปของสิ่งประดิษฐ์ – สรุปแนวคิดหลักและคุณสมบัติสำคัญ

สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือรับรองบริษัท (กรณีเป็นนิติบุคคล)

 

4. ยื่นคำขอจดสิทธิบัตร

เมื่อเตรียมเอกสารครบถ้วน สามารถยื่นคำขอได้ที่

กรมทรัพย์สินทางปัญญา (DIP) หรือสำนักงานสาขา

ระบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.ipthailand.go.th

 

ค่าใช้จ่ายในการจดสิทธิบัตร (โดยประมาณ)

หมายเหตุ: ค่าธรรมเนียมอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา

 

5. ขั้นตอนการพิจารณาสิทธิบัตร

หลังจากยื่นคำขอแล้ว กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะตรวจสอบคำขอตามลำดับดังนี้

ขั้นตอนการพิจารณาสิทธิบัตร

1. ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น – หากเอกสารไม่ครบถ้วน อาจถูกส่งคืนเพื่อแก้ไข
2. ประกาศโฆษณาสิทธิบัตร – เพื่อให้บุคคลอื่นสามารถคัดค้านได้ (ระยะเวลา 90 วัน)
3. ตรวจสอบเนื้อหาทางเทคนิค – ผู้ตรวจสอบจะพิจารณาคุณสมบัติของสิ่งประดิษฐ์
4. ออกสิทธิบัตรและรับรองการคุ้มครอง – หากผ่านการพิจารณา จะได้รับเลขทะเบียนสิทธิบัตร

-ระยะเวลาพิจารณา:
-สิทธิบัตรการประดิษฐ์ – 3-5 ปี
-อนุสิทธิบัตร – 1-2 ปี
-สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ – 1-2 ปี

 

6. การรักษาสิทธิ์หลังจดสิทธิบัตร

เมื่อได้รับสิทธิบัตรแล้ว ผู้ถือสิทธิ์ต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปีเพื่อรักษาสถานะสิทธิบัตร หากไม่ชำระเงินตามกำหนด สิทธิบัตรจะหมดอายุ

ค่าธรรมเนียมรายปี (โดยประมาณ)

สิทธิบัตรการประดิษฐ์: ปีที่ 5-9 (1,000 บาท/ปี), ปีที่ 10-14 (2,000 บาท/ปี), ปีที่ 15-20 (3,000 บาท/ปี)

อนุสิทธิบัตร: 1,000 บาท/ปี

สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์: 1,000 บาท/ปี

 

7. การบังคับใช้สิทธิบัตรและการต่อสู้คดีละเมิดสิทธิ

หากพบว่ามีบุคคลอื่นละเมิดสิทธิบัตรของคุณ สามารถดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีทางเลือกดังนี้
-แจ้งกรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ตรวจสอบ
-ดำเนินคดีแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย
-ฟ้องคดีอาญาหากเป็นการละเมิดร้ายแรง

โทษของการละเมิดสิทธิบัตร

ปรับสูงสุด 400,000 บาท

จำคุกสูงสุด 2 ปี

หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

การปกป้องสิทธิบัตรและข้อควรระวัง

หลีกเลี่ยงการเปิดเผยสิ่งประดิษฐ์ก่อนจดสิทธิบัตร

เฝ้าระวังการละเมิดสิทธิและดำเนินการทางกฎหมายหากมีผู้ละเมิด

ติดตามการต่ออายุสิทธิบัตรเพื่อป้องกันการหมดอายุ

 

การจดสิทธิบัตร เป็นขั้นตอนสำคัญในการ ปกป้องสิทธิบัตร และสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจ นอกจากช่วยป้องกันการลอกเลียนแบบแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับสิ่งประดิษฐ์ของคุณ หากคุณกำลังคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่าลืมดำเนินการจดสิทธิบัตรเพื่อรักษาสิทธิ์ของคุณให้มั่นคง

 

ข้อมูลอ้างอิง

กรมทรัพย์สินทางปัญญา

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow