การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัท เป็นกระบวนการที่ทำให้ธุรกิจมีสถานะทางกฎหมายชัดเจน ได้รับการคุ้มครองตาม กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และสามารถดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง ในประเทศไทยมีการจดทะเบียนธุรกิจหลัก ๆ 2 ประเภท คือ ห้างหุ้นส่วน และ บริษัทจำกัด ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อกำหนดและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัท เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ทำให้ธุรกิจได้รับสถานะเป็นนิติบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (Civil and Commercial Code) ซึ่งมีผลให้ธุรกิจมีตัวตนทางกฎหมายที่แยกจากเจ้าของ ก่อให้เกิดความรับผิดชอบตามกฎหมาย และสามารถดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างเป็นทางการ
การจดทะเบียนมีความสำคัญเนื่องจากช่วยสร้าง ความน่าเชื่อถือ ให้แก่ธุรกิจ ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และช่วยลดความเสี่ยงของเจ้าของในด้านหนี้สิน โดยการจดทะเบียนสามารถแบ่งออกเป็น ห้างหุ้นส่วน และ บริษัทจำกัด ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและข้อกำหนดที่แตกต่างกัน
ห้างหุ้นส่วนเป็นการรวมตัวของบุคคลตั้งแต่ สองคนขึ้นไป เพื่อดำเนินกิจการร่วมกันโดยแบ่งปันผลกำไรและขาดทุน ห้างหุ้นส่วนมี 2 ประเภท ได้แก่
1.1 ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnership)
-หุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน
-มีความรับผิดชอบไม่จำกัด หมายความว่า หนี้สินของห้างหุ้นส่วนเป็นความรับผิดชอบของหุ้นส่วนทั้งหมด
-ไม่ต้องจดทะเบียนก็สามารถดำเนินกิจการได้ แต่หากต้องการสถานะเป็นนิติบุคคล ควรจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
1.2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership)
แบ่งหุ้นส่วนออกเป็น 2 ประเภท
-หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด (General Partner) → รับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดของกิจการ
-หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด (Limited Partner) → รับผิดชอบหนี้สินตามจำนวนเงินลงทุน
ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย
บริษัทจำกัดเป็นรูปแบบธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
2.1 บริษัทจำกัด (Private Limited Company)
-ต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คน (ตามกฎหมายเดิมต้องมี 3 คน แต่แก้ไขให้เหลือ 2 คนในปี 2565)
-ผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบจำกัด ตามจำนวนเงินที่ลงทุน เท่านั้น
-ต้องมีกรรมการบริษัททำหน้าที่บริหารงาน
-ต้องจดทะเบียนบริษัทและแจ้งทุนจดทะเบียน
2.2 บริษัทมหาชนจำกัด (Public Limited Company)
-มีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 15 คน
-สามารถเสนอขายหุ้นให้ประชาชนได้
-ต้องมีคณะกรรมการบริษัทอย่างน้อย 5 คน และต้องมีกรรมการอิสระ
-ต้องจดทะเบียนและอยู่ภายใต้การกำกับของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ประเภทของห้างหุ้นส่วนที่ต้องจดทะเบียน
-ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียน
-ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ห้างหุ้นส่วนสามัญ (ไม่จดทะเบียน) ไม่ถือเป็นนิติบุคคล และหุ้นส่วนต้องรับผิดไม่จำกัด ดังนั้นจึงควร จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย
ขั้นตอนการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
1. จองชื่อนิติบุคคล
-เข้าเว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) → https://www.dbd.go.th
-ควรเลือกชื่อที่ ไม่ซ้ำ กับนิติบุคคลอื่น
-ชื่อที่จองจะมีอายุ 30 วัน
2. จัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้อง
เอกสารที่ต้องใช้
-คำขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน (แบบ หส.1)
-แบบแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เป็นหุ้นส่วน (แบบ หส.2)
-ข้อบังคับของห้างหุ้นส่วน
-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนทุกคน
-หนังสือมอบอำนาจ (กรณีให้ผู้อื่นดำเนินการแทน)
-แผนที่ตั้งสำนักงานของห้างหุ้นส่วน
3. ยื่นคำขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
-ยื่นที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด
-สามารถยื่นผ่านระบบ e-Registration ได้ที่ https://ereg.dbd.go.th
4. ชำระค่าธรรมเนียม
-ห้างหุ้นส่วนสามัญ → 1,000 บาท
-ห้างหุ้นส่วนจำกัด → 1,000 - 5,000 บาท (ขึ้นอยู่กับทุนจดทะเบียน)
5. รอรับหนังสือรับรองห้างหุ้นส่วน
-ใช้เวลาประมาณ 1-3 วันทำการ
-เมื่อได้รับหนังสือรับรองแล้ว ห้างหุ้นส่วนสามารถเริ่มดำเนินกิจการได้
บริษัทจำกัด เป็น รูปแบบธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากผู้ถือหุ้นมี ความรับผิดชอบจำกัด ตามจำนวนเงินที่ลงทุน และสามารถขยายกิจการได้ง่าย
ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท
1. จองชื่อบริษัท
-เข้าเว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)
-ชื่อที่จองต้องไม่ซ้ำกับบริษัทอื่น
-มีอายุ 30 วัน
2. จัดทำเอกสารจดทะเบียนบริษัท
เอกสารที่ต้องใช้
-คำขอจดทะเบียนบริษัท (แบบ บอจ.1)
-หนังสือบริคณห์สนธิ (แบบ บอจ.2)
-รายงานการประชุมตั้งบริษัท
-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของกรรมการและผู้ถือหุ้น
-แผนที่ตั้งสำนักงานใหญ่
-หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
3. ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท
ยื่นที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด
สามารถยื่นผ่านระบบ e-Registration ได้ที่ https://ereg.dbd.go.th
2.4 ชำระค่าธรรมเนียม
บริษัทที่มีทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท → ค่าธรรมเนียม 5,000 บาท
บริษัทที่มีทุนมากกว่า 1 ล้านบาท → ค่าธรรมเนียม 5,500 - 25,000 บาท
2.5 รอรับหนังสือรับรองบริษัท
ใช้เวลาประมาณ 1-3 วันทำการ
2.6 จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
หากรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ต้องจดทะเบียน VAT ที่ กรมสรรพากร
*ต้องมีที่อยู่บริษัทที่แน่นอน
*ต้องมีหนังสือสัญญาหรือข้อบังคับที่ถูกต้อง
*ต้องยื่นเสียภาษีตามประเภทของธุรกิจ
*หากมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนหรือกรรมการ ต้องแจ้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
การจดทะเบียนธุรกิจในประเทศไทยอยู่ภายใต้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ การก่อตั้งนิติบุคคล ประเภทต่างๆ เช่น ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด กฎหมายนี้ครอบคลุมเรื่อง สัญญาหุ้นส่วน, การจดทะเบียน, สิทธิและหน้าที่ของหุ้นส่วนและกรรมการ, การเลิกกิจการ รวมถึง ความรับผิดทางกฎหมาย ของแต่ละประเภทธุรกิจ
1.1 การจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
มาตรา 1012: ห้างหุ้นส่วนเป็นการที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกัน ลงทุน เพื่อประกอบกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรและแบ่งปันผลกำไรนั้น
มาตรา 1014: ห้างหุ้นส่วนมี 2 ประเภท ได้แก่
ห้างหุ้นส่วนสามัญ – หุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดไม่จำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด – มีหุ้นส่วนที่รับผิดจำกัดและหุ้นส่วนที่รับผิดไม่จำกัด
1.2 การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
มาตรา 1064: ห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องยื่นคำขอจดทะเบียนต่อ นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
มาตรา 1066: ห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนเป็น นิติบุคคล และต้องมีเอกสารการจดทะเบียนที่ชัดเจน
1.3 สิทธิและหน้าที่ของหุ้นส่วน
มาตรา 1020: หุ้นส่วนมีหน้าที่ ดำเนินกิจการร่วมกัน ตามข้อตกลงในสัญญาหุ้นส่วน
มาตรา 1026: หุ้นส่วนมีสิทธิได้รับ ผลกำไร ตามสัดส่วนเงินลงทุน
1.4 การเลิกห้างหุ้นส่วน
มาตรา 1077: ห้างหุ้นส่วนอาจถูกเลิกได้โดยเหตุ
หุ้นส่วนตกลงเลิกกิจการ
หมดอายุสัญญาหุ้นส่วน
มีคำสั่งศาลให้เลิก
2.1 การจัดตั้งบริษัท
มาตรา 1096: บริษัทจำกัดเป็นองค์กรที่เกิดจากการรวมตัวของ ผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป โดยมีทุนแบ่งออกเป็นหุ้น
มาตรา 1097: การจัดตั้งบริษัทต้องทำเป็น หนังสือบริคณห์สนธิ และจดทะเบียนกับ นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท
2.2 การจดทะเบียนบริษัท
มาตรา 1099: บริษัทต้องจดทะเบียน ชื่อบริษัท, ที่ตั้ง, ทุนจดทะเบียน, และ กรรมการบริษัท
มาตรา 1100: ทุนของบริษัทต้องแบ่งออกเป็น หุ้นละไม่ต่ำกว่า 5 บาท และต้องออกให้แก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมด
2.3 การบริหารและสิทธิของกรรมการ
มาตรา 1144: กรรมการมีอำนาจในการดำเนินกิจการแทนบริษัท
มาตรา 1168: กรรมการมีหน้าที่ บริหารบริษัทโดยสุจริต และต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
2.4 การเลิกบริษัทและการชำระบัญชี
มาตรา 1236: บริษัทอาจถูกเลิกโดย
ขาดทุนจนไม่สามารถดำเนินกิจการได้
ผู้ถือหุ้นตกลงให้เลิกกิจการ
ถูกคำสั่งศาลให้เลิก
มาตรา 1243: เมื่อเลิกบริษัทต้องมีการ ชำระบัญชี เพื่อจ่ายหนี้สินและคืนทุนให้ผู้ถือหุ้น
3.1 กฎหมายเกี่ยวกับเอกสารการจดทะเบียน
มาตรา 1124: บริษัทต้องมี ตราสารจดทะเบียน และเก็บรักษาเอกสารสำคัญ
มาตรา 1137: ต้องมีรายชื่อผู้ถือหุ้นและปรับปรุงข้อมูลทุกปี
3.2 กฎหมายเกี่ยวกับการเสียภาษี
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม – ธุรกิจที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
พระราชบัญญัติภาษีธุรกิจเฉพาะ – บริษัทที่ให้บริการต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามอัตราที่กำหนด
3.3 กฎหมายเกี่ยวกับแรงงานและสวัสดิการ
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 – บริษัทที่มีลูกจ้างต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน
ข้อมูลอ้างอิง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า