Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

สัญญาการซื้อขายที่ดิน: ข้อควรระวังตามกฎหมายแพ่ง

Posted By Kung_nadthanan | 07 ก.พ. 68
93 Views

  Favorite

 

สัญญาซื้อขายที่ดินคืออะไร?

สัญญาซื้อขายที่ดิน คือ ข้อตกลงทางกฎหมายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยอ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ซึ่งกำหนดว่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือและมีการลงนามต่อหน้าพยานหรือเจ้าหน้าที่ที่ดิน มิฉะนั้น อาจไม่มีผลทางกฎหมาย นอกจากนี้ การทำสัญญาซื้อขายที่ดินยังต้องคำนึงถึงรายละเอียดที่สำคัญ เช่น การตรวจสอบโฉนดที่ดิน ข้อตกลงการชำระเงิน และเงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์

การทำสัญญาซื้อขายที่ดินมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักฐานทางกฎหมายและป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยสัญญาจะต้องระบุรายละเอียดสำคัญ เช่น ชื่อและข้อมูลของผู้ซื้อ-ผู้ขาย รายละเอียดของที่ดิน ราคาซื้อขาย เงื่อนไขการชำระเงิน และวันโอนกรรมสิทธิ์

 

ประเภทของสัญญาซื้อขายที่ดิน

1. สัญญาซื้อขายที่ดินแบบมีการวางเงินมัดจำ

-เป็นสัญญาที่มีการชำระเงินล่วงหน้าบางส่วนเพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ซื้อจะทำการซื้อขายให้เสร็จสิ้น

-หากผู้ซื้อผิดสัญญา เงินมัดจำอาจถูกริบ หากผู้ขายผิดสัญญาอาจต้องคืนเงินมัดจำพร้อมค่าปรับ

2. สัญญาซื้อขายที่ดินแบบมีเงื่อนไข

-การซื้อขายที่กำหนดเงื่อนไขบางประการก่อนโอนกรรมสิทธิ์ เช่น การผ่อนชำระ หรือการรอการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

-หากเงื่อนไขไม่เป็นไปตามข้อตกลง สัญญาอาจเป็นโมฆะ

3. สัญญาซื้อขายที่ดินแบบผ่อนชำระ

-ผู้ซื้อชำระเงินเป็นงวดตามที่ตกลง และกรรมสิทธิ์ในที่ดินจะถูกโอนเมื่อชำระครบถ้วน

-มีความเสี่ยงที่ผู้ขายอาจเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรือไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้

4. สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน

-เป็นข้อตกลงล่วงหน้าว่าจะทำการซื้อขายในอนาคตเมื่อครบตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน

-ผู้ซื้ออาจต้องวางเงินมัดจำ และสามารถฟ้องบังคับให้มีการซื้อขายจริงได้หากผู้ขายผิดสัญญา

5. สัญญาซื้อขายที่ดินแบบให้เปล่า (ขายลดราคา หรือขายต่ำกว่าราคาประเมิน)

-อาจมีผลต่อภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน

-อาจถูกตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐว่ามีเจตนาเลี่ยงภาษีหรือไม่

ประเภทของสัญญาซื้อขายที่ดินมีความแตกต่างกันตามลักษณะของการทำธุรกรรม ดังนั้นผู้ซื้อและผู้ขายควรศึกษารายละเอียดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายก่อนทำสัญญาเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

 

 

เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายที่ดิน

การทำสัญญาซื้อขายที่ดินจำเป็นต้องมีเอกสารสำคัญหลายรายการเพื่อความถูกต้องทางกฎหมายและป้องกันปัญหาภายหลัง โดยเอกสารที่เกี่ยวข้องมีดังนี้

1. โฉนดที่ดิน (ฉบับจริง เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน)

-เป็นหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ของผู้ขายในที่ดิน

-ต้องเป็นโฉนดที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีภาระผูกพัน หรือหากมีต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าหนี้

2. สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน (ถ้ามี)

-เป็นข้อตกลงล่วงหน้าก่อนการโอนกรรมสิทธิ์จริง

-มักใช้เพื่อระบุเงื่อนไขการผ่อนชำระ หรือรอการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐ

3. หนังสือมอบอำนาจ (กรณีให้ผู้อื่นดำเนินการแทน)

-หากผู้ซื้อหรือผู้ขายไม่สามารถไปดำเนินการด้วยตนเอง ต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมลงลายมือชื่อและประทับตรารับรองจากสำนักงานที่ดิน

4. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อและผู้ขาย

-ใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตนของทั้งสองฝ่าย

5. ใบสำคัญการสมรส หรือหนังสือยินยอมจากคู่สมรส (ถ้ามี)

-กรณีที่ผู้ขายเป็นบุคคลที่แต่งงานแล้ว ต้องมีหนังสือยินยอมจากคู่สมรสเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายภายหลัง

6. เอกสารเกี่ยวกับภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง

-ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

-ภาษีธุรกิจเฉพาะ (ถ้าผู้ขายถือครองที่ดินไม่ถึง 5 ปี)

-ค่าอากรแสตมป์

-ค่าธรรมเนียมการโอนที่กรมที่ดิน

7. หนังสือรับรองราคาประเมินจากกรมที่ดิน

-ใช้สำหรับคำนวณค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนจะช่วยให้การซื้อขายที่ดินดำเนินไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย ลดความเสี่ยงต่อปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง

 

องค์ประกอบสำคัญของสัญญาซื้อขายที่ดิน

1. ข้อมูลของคู่สัญญา – ชื่อ-นามสกุลของผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงหมายเลขบัตรประชาชน

2. รายละเอียดของที่ดิน – หมายเลขโฉนด ขนาดที่ดิน ที่ตั้ง และเขตที่ดิน

3. ราคาซื้อขายและเงื่อนไขการชำระเงิน – กำหนดราคาที่ชัดเจน พร้อมระบุวิธีการชำระเงิน

4. ค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้อง – ค่าธรรมเนียมโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์

5. วันโอนกรรมสิทธิ์ – กำหนดวันที่ชัดเจนเพื่อทำการโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน

6. การระบุข้อกำหนดพิเศษ – เช่น ข้อกำหนดเกี่ยวกับค่าปรับหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา

7. ข้อตกลงเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ – ระบุวันและสถานที่โอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดิน

8. ลายเซ็นของคู่สัญญาและพยาน – สัญญาต้องมีลายเซ็นของทั้งสองฝ่ายและพยานอย่างน้อย 2 คน

 

ข้อควรระวังในการทำสัญญาซื้อขายที่ดิน

1. การตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน

-ตรวจสอบโฉนดที่ดินว่ามีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันหรือไม่

-ตรวจสอบว่าที่ดินมีภาระผูกพัน เช่น การจำนอง หรือคดีความหรือไม่

-ตรวจสอบขอบเขตที่ดินและแนวเขตให้ตรงกับโฉนด

2. การตรวจสอบสถานะผู้ขาย

-ตรวจสอบว่าผู้ขายเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริงหรือไม่

-หากเป็นนิติบุคคล ต้องตรวจสอบหนังสือรับรองบริษัทและอำนาจของผู้ลงนามในสัญญา

3. เนื้อหาของสัญญาซื้อขาย

-ต้องระบุรายละเอียดที่ดินอย่างครบถ้วน เช่น เลขที่โฉนด ขนาดที่ดิน ตำแหน่งที่ตั้ง

-ระบุราคาซื้อขาย เงื่อนไขการชำระเงิน และกำหนดระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์

-ระบุหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ซื้อและผู้ขายให้ชัดเจน

4. ค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้อง

-ค่าธรรมเนียมการโอนที่กรมที่ดิน (ปกติ 2% ของราคาประเมิน)

-ภาษีธุรกิจเฉพาะ (3.3% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน)

-อากรแสตมป์ หรือภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

5. การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์

-ต้องทำที่สำนักงานที่ดินเท่านั้น ห้ามทำสัญญานอกระบบโดยไม่มีการจดทะเบียน

-ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องนำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเอกสารอื่น ๆ มาแสดง

6. การป้องกันข้อพิพาททางกฎหมาย

-ทำสัญญาโดยมีพยานอย่างน้อย 2 คน

-ระบุเงื่อนไขการยกเลิกสัญญาหรือค่าปรับกรณีผิดสัญญา

-ควรให้ทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเนื้อหาสัญญาก่อนลงนาม

 

กฎหมายแพ่งที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน

กฎหมายแพ่งที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินมีมาตราหลายข้อที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งครอบคลุมรายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายที่ดิน การโอนกรรมสิทธิ์ และข้อบังคับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้:

มาตรา 456 – กำหนดว่าสัญญาซื้อขายที่ดินต้องทำเป็นหนังสือและมีการจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นโมฆะ

มาตรา 458 – ผู้ขายต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ซื้อมีหน้าที่ชำระราคาตามที่ตกลงกันไว้

มาตรา 459 – ระบุว่าผู้ขายต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อในสภาพที่เหมาะสม และสามารถใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ของการซื้อขาย

มาตรา 472 – หากที่ดินที่ขายมีข้อบกพร่อง ผู้ขายต้องรับผิดชอบต่อข้อบกพร่องนั้น

มาตรา 516-517 – กำหนดเงื่อนไขของการโอนกรรมสิทธิ์และภาระผูกพันที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน

มาตรา 521 – กำหนดว่าผู้ซื้อที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์จะต้องรับผิดชอบต่อค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์

มาตรา 524 – ระบุถึงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบังคับให้ชำระหนี้กรณีผู้ซื้อผิดนัดชำระเงิน

มาตรา 1574 – กำหนดว่าผู้เยาว์หรือบุคคลไร้ความสามารถต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อนซื้อขายที่ดิน

มาตรา 1378 – หากมีการซื้อขายที่ดินโดยไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถอ้างว่าไม่มีผลผูกพันได้

นอกจากมาตราเหล่านี้ ยังมีพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 และกฎหมายอื่น ๆ ที่อาจมีผลบังคับใช้ในกรณีเฉพาะเจาะจง

การทำความเข้าใจมาตรากฎหมายเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการทำสัญญาซื้อขายที่ดิน เพื่อให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมายและป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

 

ภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน

1. ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ – คิดเป็น 2% ของราคาประเมินที่ดิน

2. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย – คำนวณตามราคาประเมินของกรมที่ดิน

3. ภาษีธุรกิจเฉพาะ – หากที่ดินขายภายใน 5 ปีหลังจากการซื้อ ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3%

4. อากรแสตมป์ – หากไม่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ต้องจ่ายอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขาย

 

ตัวอย่างสัญญาซื้อขายที่ดินแบบถูกต้อง

สามารถขอแบบฟอร์มสัญญาจากกรมที่ดิน หรือใช้บริการทนายความในการร่างสัญญาเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและข้อพิพาทในอนาคต

 

การทำสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นกระบวนการที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยผู้ซื้อและผู้ขายควรศึกษาข้อมูลทางกฎหมาย ตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้อง และทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต หากต้องการความมั่นใจ ควรปรึกษาทนายความหรือเจ้าหน้าที่กรมที่ดินก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง

 

ข้อมูลอ้างอิง

สำกรมที่ดิน

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Kung_nadthanan
  • 0 Followers
  • Follow