คือ การขับร้องเพลงอีกรูปแบบหนึ่งที่มีผู้ขับร้องตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ขับร้องเพลงเพลงเดียวกัน โดยขับร้องคนละแนวทำนอง หรือขับร้องในแนวทำนองเดียวกัน ระดับเสียงเดียวกัน โดยขึ้นต้นร้องเพลงและจบเพลงไม่พร้อมกัน
การขับร้องแบบราวด์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า แบบวน หรือเพลงวน เป็นการขับร้องที่มีผู้ขับร้องตั้งแต่ 2 คนหรือ 2 กลุ่มขึ้นไป ร้องเพลงแนวทำนองเดียวกัน แต่เริ่มต้นและจบไม่พร้อมกัน ส่วนจะร้องกี่เที่ยวนั้นขึ้นอยู่กับการตกลงของผู้ขับร้องหรือผู้ควบคุม
คือ การขับร้องที่ต้องมีทำนองเพลง 2 ทำนอง ร้องไปพร้อม ๆ กัน โดยมีทำนองหลักทำนองหนึ่ง ส่วนอีกทำนองหนึ่งเป็นทำนองประสาน
คือ การขับร้องที่มีแนวทำนองเพลง 3 แนว ร้องไปพร้อม ๆ กัน โดยมีแนวทำนองหนึ่งเป็นทำนองหลัก ส่วนอีก 2 แนวเป็นทำนองประสาน ซึ่งทำนองประสานทั้ง 2 แนว อาจมีทำนองแตกต่างกันไป
คือ การขับร้องที่ต้องมีแนวทำนองเพลงที่แตกต่างกัน 4 ทำนอง โดยทำนองหลัก 1 ทำนอง ส่วนอีก 3 ทำนอง เป็นทำนองประสานร้องไปพร้อม ๆ กันหลายคน
- พัฒนาทักษะการร้องเพลง
การขับร้องประสานเสียงช่วยพัฒนาทักษะการร้องเพลง ทั้งในด้านการควบคุมเสียง การปรับจังหวะ และการรักษาโน้ตให้ตรงตามทำนอง
- สร้างสมาธิและความมั่นใจ
ผู้ที่เข้าร่วมการขับร้องประสานเสียงจะได้ฝึกสมาธิในการฟังเสียงของตนเองและผู้อื่น พร้อมทั้งเรียนรู้การปรับเสียงให้กลมกลืนไปกับกลุ่ม ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง
- ส่งเสริมสุขภาพจิต
การร้องเพลงช่วยลดความเครียด ทำให้จิตใจผ่อนคลาย และสร้างความสุขจากการได้ร่วมกิจกรรมกับผู้อื่น
- การแบ่งเสียงและบทบาทในวง
การขับร้องประสานเสียงต้องเริ่มจากการแบ่งส่วนเสียงให้ชัดเจน โดยแต่ละส่วนเสียง เช่น โซปราโน (เสียงสูง) และเบส (เสียงต่ำ) มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสมดุล
- การหายใจและการวางเสียง
การหายใจเป็นจังหวะสำคัญที่จะช่วยให้เสียงมีพลังและสามารถร้องได้อย่างต่อเนื่อง การวางเสียงให้ถูกต้องช่วยให้การร้องมีความไพเราะและไม่ทำให้เสียงแหบ
- การฟังและการปรับตัว
นักร้องต้องมีทักษะการฟังที่ดี เพื่อปรับเสียงของตนเองให้กลมกลืนไปกับกลุ่ม และเรียนรู้ที่จะฟังเสียงประสานจากเพื่อนร่วมวง
แหล่งข้อมูล