การวิเคราะห์บทละครช่วยให้ผู้สร้างสรรค์งานสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของเนื้อหา เช่น แรงจูงใจของตัวละคร ความขัดแย้งในเรื่อง และการพัฒนาเนื้อหาให้สมจริง การทำความเข้าใจบทละครอย่างละเอียดช่วยให้นักแสดงสามารถสื่ออารมณ์และความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเต็มที่
เริ่มต้นด้วยการอ่านบทละครทั้งหมดเพื่อเข้าใจโครงเรื่องโดยรวม ควรอ่านหลายครั้งเพื่อให้ซึมซับรายละเอียดและจับประเด็นสำคัญ
ศึกษาลักษณะนิสัย แรงจูงใจ และพัฒนาการของตัวละครในเรื่อง ตั้งคำถามว่าอะไรที่ทำให้ตัวละครตัดสินใจในแบบที่เขาเป็น และพิจารณาว่าการกระทำของตัวละครมีผลต่อเรื่องราวอย่างไร
ตรวจสอบว่าธีมหลักของบทละครคืออะไร เช่น ความรัก ความขัดแย้ง หรือความฝัน แล้วดูว่าแต่ละฉากสนับสนุนธีมเหล่านี้อย่างไร
พิจารณาโครงสร้างของบทละคร เช่น บทนำ จุดพีค และจุดจบ โดยใช้โมเดลต่าง ๆ เช่น Freytag’s Pyramid เพื่อเข้าใจจังหวะการเล่าเรื่อง
เราสามารถสร้างโครงเรื่องในการเขียนนิยายจาก เฟรทาคพิระมิด (Freytag’s Pyramid)
- การเปิดเรื่อง (Exposition)
เปิดเรื่องอารัมภบทเรื่องราว ใครคือตัวเอก ใครบ้างที่เกี่ยวข้อง เราอยู่ที่ไหนใน เวลาและสถานที่? บ่อยครั้งที่การเปิดเรื่องจะกล่าวถึงเรื่องราวโดยย่อหรือสถานภาพปัจจุบัน
- จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ (Inciting Incident)
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์อาจเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในเรื่อง ถึงแม้ว่า เหตุการณ์ตึงเครียด (Climax) จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาตัวละครหลัก เรื่องราวจะไม่มีการเริ่มต้นหากไม่มีจุดจุดนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเหตุการณ์เดี่ยวหรือชุดของเหตุการณ์ที่สถานภาพเดิมจาก การเปิดเรื่อง (Exposition) ถูกขัดจังหวะหรือถูกท้าทาย ตัวเอกถูกเชื้อเชิญหรือถูกบังคับให้ไปในการเดินทางโดยทางจิตใจหรือทางกายภาพหากไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ สถานภาพเดิมจะยังคงอยู่และจะไม่มีเรื่องเล่าที่พลิกผัน
- การผูกปม (Rising Action)
การผูกปมที่สร้างขึ้นเพื่อไปสู่ เหตุการณ์ตึงเครียด (Climax) ของเรื่องราวมันเป็นชุดของเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกันซึ่งตัวเอกจะเติบโตจนไปสู่จุดเปลี่ยนในนวนิยาย เหตุการณ์เหล่านี้อาจเป็นความท้าทาย การเปิดเผยและการสังสรรค์ ที่สร้างขึ้นการพัฒนาเนื้อเรื่องในนวนิยาย
- เหตุการณ์ตึงเครียด (Climax)
เหตุการณ์ตึงเครียดคือจุดพลิกผัน จากจุดนี้เป็นต้นไปตัวเอกจะถูกเปลี่ยน หากเรื่องราวนั้นจบลงอย่างมีความสุขสิ่งต่างๆ ก็จะดีขึ้นถ้าเรื่องนั้นจบลงด้วยความเศร้าสิ่งต่างๆ ก็มักจะแย่ลง เหตุการณ์ตึงเครียด (Climax) ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ใหญ่ เฉกเช่น การต่อสู้ของกองทัพ ที่โดยมากมักจะอยู่ใน การแก้ปัญหา (Resolution) แต่อาจมีความละเอียดอ่อนมาก เช่น การตระหนักถึงตัวละครหลักที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเขาในช่วงเวลาที่เหลือของเรื่อง
- การคลี่คลาย (Falling action)
ในการคลี่คลายเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของตัวเอก ความท้าทายที่เพิ่มขึ้น ความจริงที่ถูกเปิดเผย และการพบปะกันที่มากขึ้น และสิ่งต่างๆ ก็จะเชื่อมโยงถึง การแก้ปัญหา (Resolution) ของเรื่องราว แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจน มักจะมีบางคนสงสัยว่าตัวเอกจะเอาชนะความท้าทายของเขา
- การแก้ปัญหา (Resolution)
การแก้ปัญหาจะแก้ไขโครงเรื่องหลัก ตัวเอกเอาชนะ (หรือล้มเหลว!) ความท้าทายของเขา คการแก้ปัญหา (Resolution) สามารถเชื่อมโยงเข้ากับการปิดเรื่อง (Denouement) ด้วย
- การปิดเรื่อง (Denouement)
โครงเรื่องอื่นๆ ได้รับการแก้ปัญหา (Resolution) หรือไม่ได้แก้ ตัวละครหลักมีสถานภาพใหม่ที่ถูกเปลี่ยน (หรือเสียชีวิต) พวกเขาอาจกลับไปที่การตั้งค่าเริ่มต้น แต่ไม่จำเป็น บางครั้ง การปิดเรื่อง (Denouement) ก็เกี่ยวพันกับ การแก้ปัญหา (Resolution) ที่อาจจะสั้นมาก
บริบททางวัฒนธรรมและสังคมที่บทละครถูกเขียนขึ้นมีผลต่อความหมายของเนื้อหา ดังนั้นการศึกษาประวัติศาสตร์หรือสถานการณ์ในยุคนั้นจะช่วยเสริมความเข้าใจ
- การวิเคราะห์เชิงวรรณศิลป์ : วิเคราะห์การใช้ภาษา สัญลักษณ์ และอุปมาอุปไมยที่ปรากฏในบทละคร
- การวิเคราะห์เชิงจิตวิทยา : ทำความเข้าใจจิตใจและพฤติกรรมของตัวละครผ่านแนวคิดทางจิตวิทยา
- การวิเคราะห์การแสดง : นักแสดงสามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหว สีหน้า และเสียงพูดเพื่อถ่ายทอดบทละครให้สมจริง
แหล่งช้อมูล
7 เคล็ดลับการเขียนนิยายจากเฟรทาคพิระมิด (Freytag’s Pyramid)